บลจ. กรุงไทย เตรียมส่งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ลงทุนหอพักนักศึกษามูลค่า 500-600 ล้านบาท ระดมทุนเดือนหน้า ย้ำไม่รอภาครัฐยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% พร้อมประเมินตลาดหุ้นไทยน่าลงทุนมากขึ้น หลังปัจจัยทางการเมืองเริ่มนิ่ง แต่ยังหวั่นปัจจัยภายนอกเข้ามากดดันเศรษฐกิจ
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมีนาคม 2551 นี้ บริษัทมีแผนจะออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอณืตี้ฟันด์) ซึ่งลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหอพักนักศึกษา ที่มีมูลค่าโครงการประมาณ 500 - 600 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าในช่วงระหว่างการระดมทุน ภาครัฐอาจจะยังไม่ยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการระดมทุนของกองทุนแต่อย่างใด เนื่องมาจากกองทุนที่จะเปิดระดมทุนนั้นมีขนาดเล็ก
ปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลายและมีการจัดตั้งรัฐบาลอย่างชัดเจน ซึ่งการที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่านักลงทุนได้มีการขานรับและให้โอกาสกับรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำงาน และในส่วนแผนงานการจัดพอร์ตการลงทุนของกองทุนหุ้นในปีนี้ บริษัทจะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลที่มีอัตราสูง โดยยังคงสนใจให้การลงทุนในกลุ่มพลังงาน , กลุ่มธนาคารและกลุ่มเกษตร เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัญหาการเมืองจะเริ่มคลี่คลาย ทำให้ปัจจัยภายในประเทศเริ่มกลับเป็นบวกเพิ่มมากขึ้น แต่ปัจจัยภายนอกประเทศ ยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ตามเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่นที่ชะลอตัวลง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศ ในขณะเดียวกันราคาน้ำมัน ค่าครองชีพและและปัญหาเงินเฟ้อยังมีอัตราที่สูงขึ้นก็ยังนับเป็นอีกปัจจัยที่จะกดดันภาวะเศรษฐกิจในปีนี้
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 2 ครั้ง ทำให้การลงทุนในต่างประเทศไม่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ดังนั้นคาดว่าในปีนี้การลงทุนในประเทศจะมีความน่าสนใจมากกว่าการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือในตราสารภาคเอกชน ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินในธนาคาร
นายสมชัยกล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ไว้ที่ประมาณ 260,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 25% จากปี 2550 ที่มี 210,872 ล้านบาท โดยมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นจะมาจากการเปิดจำหน่ายกองทุนประเภทตราสารหนี้ระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง โดยในแต่ละเดือนบริษัทมีแผนที่จะออกประมาณ 3- 4 กองทุน เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม และจะทำการออกกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 2-3 กองทุน
สำหรับกองทุนหุ้นนั้นขณะนี้บริษัทมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 7 กองทุน ประกอบไปด้วย กองทุนเปิดกรุงไทย – ทรีนีตี้ปันผล ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง ณ สิ้นเดือนมกราคม 2551 ให้ผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ -13.57% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -4.09% และย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 37.81% , กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -12.38% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -3.20% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 31.61% , กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นทุนปันผล ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -13.05% และย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -2.50%
กองทุนเปิดกรุงไทยซาริอะอ์หุ้นระยะยาว ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -12.82% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -2.87% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 23.61% , กองทุนเปิดกรุงไทยซาริอะอ์เพื่อการเลี้ยงชีพ ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -10.83% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -0.59% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 26.07% , กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว 70/30 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -9.26% และย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.55% , และกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว SET 50 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -15.32%
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมีนาคม 2551 นี้ บริษัทมีแผนจะออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอณืตี้ฟันด์) ซึ่งลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหอพักนักศึกษา ที่มีมูลค่าโครงการประมาณ 500 - 600 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าในช่วงระหว่างการระดมทุน ภาครัฐอาจจะยังไม่ยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการระดมทุนของกองทุนแต่อย่างใด เนื่องมาจากกองทุนที่จะเปิดระดมทุนนั้นมีขนาดเล็ก
ปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลายและมีการจัดตั้งรัฐบาลอย่างชัดเจน ซึ่งการที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่านักลงทุนได้มีการขานรับและให้โอกาสกับรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำงาน และในส่วนแผนงานการจัดพอร์ตการลงทุนของกองทุนหุ้นในปีนี้ บริษัทจะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลที่มีอัตราสูง โดยยังคงสนใจให้การลงทุนในกลุ่มพลังงาน , กลุ่มธนาคารและกลุ่มเกษตร เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัญหาการเมืองจะเริ่มคลี่คลาย ทำให้ปัจจัยภายในประเทศเริ่มกลับเป็นบวกเพิ่มมากขึ้น แต่ปัจจัยภายนอกประเทศ ยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ตามเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่นที่ชะลอตัวลง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศ ในขณะเดียวกันราคาน้ำมัน ค่าครองชีพและและปัญหาเงินเฟ้อยังมีอัตราที่สูงขึ้นก็ยังนับเป็นอีกปัจจัยที่จะกดดันภาวะเศรษฐกิจในปีนี้
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 2 ครั้ง ทำให้การลงทุนในต่างประเทศไม่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ดังนั้นคาดว่าในปีนี้การลงทุนในประเทศจะมีความน่าสนใจมากกว่าการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือในตราสารภาคเอกชน ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินในธนาคาร
นายสมชัยกล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ไว้ที่ประมาณ 260,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 25% จากปี 2550 ที่มี 210,872 ล้านบาท โดยมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นจะมาจากการเปิดจำหน่ายกองทุนประเภทตราสารหนี้ระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง โดยในแต่ละเดือนบริษัทมีแผนที่จะออกประมาณ 3- 4 กองทุน เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม และจะทำการออกกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 2-3 กองทุน
สำหรับกองทุนหุ้นนั้นขณะนี้บริษัทมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 7 กองทุน ประกอบไปด้วย กองทุนเปิดกรุงไทย – ทรีนีตี้ปันผล ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง ณ สิ้นเดือนมกราคม 2551 ให้ผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ -13.57% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -4.09% และย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 37.81% , กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -12.38% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -3.20% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 31.61% , กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นทุนปันผล ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -13.05% และย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -2.50%
กองทุนเปิดกรุงไทยซาริอะอ์หุ้นระยะยาว ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -12.82% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -2.87% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 23.61% , กองทุนเปิดกรุงไทยซาริอะอ์เพื่อการเลี้ยงชีพ ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -10.83% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -0.59% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 26.07% , กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว 70/30 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -9.26% และย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.55% , และกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว SET 50 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -15.32%
