xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนไม่ห่วงแบงก์ดึงเงินฝาก!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โฆษณาเคมเปญเงินฝากให้อัตราดอกเบี้ยสูงๆ ...เริ่มมีออกมาให้เราเห็นอย่างต่อเนื่องทางทีวี ในส่วนของผู้ฝากเงินเองก็เชื่อว่า น่าจะได้ฟังเจ้าหน้าที่ประจำสาขาแนะนำเงินฝากอัตราดอกเบี้ยสูงนี้ด้วยเช่นกัน...ซึ่งในช่วงที่แบงก์ดึงเงินฝากเช่นนี้ หลายคนเป็นห่วงว่าจะกระทบไปถึงการลงทุนในกองทุนรวม เพราะด้วยพฤติกรรมของผู้ลงทุนบ้านเรา จะเคยชินกับการฝากเงินมากกว่า

และยิ่งบรรดาธนาคารพาณิชย์ออกเคมเปญให้ดอกเบี้ยสูงเช่นนี้...แน่นอนว่าการฝากเงินที่มีความเสี่ยงต่ำแบบนี้ ตอบโจทย์การเก็บออมตามสไตล์ของผู้ออมเงินบ้านเราได้อย่างดีทีเดียว โดยเฉพาะผู้ลงทุนหลายๆ คนที่กำลังจะตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมอยู่ในตอนนี้

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าธุรกิจการเงินมันมีวัฏจักรของมันเช่นกัน...ในช่วงที่ธนาคารพาณิชย์ต้องการเงินฝากเช่นนี้ เงินก็ยิ่อมจะไหลออกจากกองทุนรวมบ้าง แต่ในทางกลับกัน เมื่อธนาคารพาณิชย์เหล่านี้ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเมื่อไหร่...เงินลงทุนก็จะมองว่าการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกล่าว ซึ่งแน่นอนว่า กองทุนรวมเป็นตัวเลือกดับแรกเลยก็ว่าได้

กำพล อัศวกุลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า การให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงๆ ของธนาคารพาณิชย์ในช่วงนี้ มองว่าเป็นการรักษาฐานเงินฝากของแต่ละธนาคารเอาไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความกังวลเกี่ยวกับการออกพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา จึงออกเคมเปญดังกล่าวเพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้มากกว่า

ในส่วนของธุรกิจกองทุนรวมเอง มองว่าไม่ได้รับผลกระทบจากตรงนี้มากนัก เพราะจุดเด่นสำคัญของการลงทุนในกองทุนรวมยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า และไม่ต้องเสียภาษีเหมือนเงินฝาก ขณะเดียวกัน การลงทุนในกองทุนรวมยังเป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องสูงกว่า โดยผู้ลงทุนสามารถซื้อขายได้ทุกวัน และยังมีระยะเวลาที่หลากหลายให้เลือกมากกว่าด้วย

ทั้งนี้ มองว่าเงินลงทุนในกองทุนรวม จะเป็นการไหลไประหว่างบริษัทจัดการกันเองมากกว่า โดยเฉพาะกองทุนที่ครบอายุการลงทุนแล้ว ซึ่งเงินลงทุนเหล่านี้ ย่อมมองหาช่องทางการลงทุนในกองทุนอื่นๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี เช่น กองทุนที่ลงทุนในตั๋ว ECP ที่เริ่มทยอยครบอายุนั้น ผู้ลงทุนก็มีการโยกเงินไปลงทุนในกองทุนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนตลาดเงิน หรือกองทุนพันธบัตรรัฐบาล

กำพลกล่าวต่อว่า ในแง่ของการขายหน่วยลงทุนผ่านสาขาที่เจ้าหน้าที่อาจจะนำแนะเงินฝากมากกว่านั้น โดยส่วนตัวมองว่า ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น ก็เชื่อว่าไม่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของลูกค้า เพราะคนที่ลงทุนอยู่ในกองทุนรวมอยู่แล้ว จะมีความคุ้นเคย ซึ่งมีน้อยมากที่จะหันกลับไปฝากเงินอีก ด้วยปัจจัยดังที่กล่าวไปข้างต้น

"จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของแบงก์ พบว่าคนที่ซื้อกองทุนอยู่แล้ว โอกาสที่จะหันกลับไปฝากเงินเป็นไปได้ยาก เพราะหลังจากนักลงทุนเหล่านี้ลงทุนอยู่ในกองทุนรวมแล้ว จะรู้สึกคุ้นเคย และด้วยสภาพคล่องของกองทุนรวมที่สูงกว่า ผลตอบแทนที่ดีกว่าและเห็นได้ชัดเจน ทำให้คนที่ซื้อกองทุนรวมมีการลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งเรามองว่า จุดเปลี่ยนของเรื่องนี้อยู่ที่ผู้ลงทุนเป็นหลัก"กำพลกล่าว

กำพลย้ำว่า ถึงแม้ธนาคารพาณิชย์จะให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงเป็นการจูงใจ แต่ก็ไม่มีสัญญาณเงินไหลออกอย่างชัดเจนแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม กองทุนรวมยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ธนาคารเริ่มดึงเงินฝากแล้ว แต่ธุรกิจกองทุนรวมก็ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด การที่ธนาคารพาณิชย์ต้องการระดมเงินฝากมากขึ้นในช่วงนี้ แน่นอนว่ามีผลกระทบต่อการลงทุนของเม็ดเงินที่จะเข้ามาในกองทุนรวมอยู่แล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ในช่วงที่ธนาคารพาณิชย์มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดึงเงินฝาก โดยเฉพาะกองทุนที่จะเปิดขายใหม่ อย่างไรก็ตาม ก็มองว่าเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากมองว่านักลงทุนส่วนใหญ่ที่ลงทุนในกองทุนเป็นนักลงทุนขาประจำอยู่แล้ว และเป็นลูกค้าก็เป็นคนละกลุ่มกัน

นอกจากนี้ ยังมองว่าการลงทุนในกองทุนรวม ยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า และไม่ต้องเสียภาษี ขณะเดียวกันในเรื่องพ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากยังจะเป็นตัวหนุนให้มีเงินไหลเข้ามาในกองทุนรวมมากขึ้น เนื่องจากช่วงกลางปีนี้ พ.ร.บ.ดังกล่าว จะมีการกำหนดวงเงินที่จะคุ้มครองชัดเจน อีกทั้งแคมเปญที่ธนาคารฯ ต่างๆ ออกมาเป็นแคมเปญที่มีกำหนดระยะเวลาแต่กองทุนบางประเภทมีสภาพคล่องที่สูงกว่าโดยไม่กำหนดระยะเวลา และสามารถไถ่ถอนได้ จึงเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับนักลงทุน

"ในปีนี้บริษัทจะหันมาเน้นในเรื่องของการปรับปรุงการบริการและหาสินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมองว่าน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในกองทุนใหม่ๆ"

วรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด สำหรับผลกระทบจากการที่ธนาคารพาณิชย์หันมาระดมเงินฝากมากขึ้น ในแง่ของสาขาอาจจะชะลอขายกองทุนไปบ้าง ซึ่งเราเองก็ต้องให้ลูกค้ากับแบงก์ไปบ้าง แต่ถ้าลูกค้าคนใดพอใจที่จะลงทุนในกองทุนรวมก็สามารถลงทุนได้อยู่แล้ว หรือไม่ลูกค้าก็อาจจะแบ่งสัดส่วนและเลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ อย่างไรก็ตาม มองว่าในแง่การตลาดมองว่าเป็นผลดีต่อทั้งกลุ่มอยู่แล้ว

อาสา อินทรวิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ บลจ.อยุธยา กล่าวว่า ในช่วงที่ธนาคารพาณิชย์มีการดึงเงินฝากเช่นนี้ ส่งผลให้ธุรกิจกองทุนรวมอาจจะลำบากขึ้นในแง่ของการทำการตลาด โดยเฉพาะกองทุนใหม่ๆ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวอาจจะทำให้ธุรกิจกองทุนโตน้อยลงบ้าง แต่ก็เชื่อว่าคงไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในส่วนของบลจ. ก็คงมีการวางแผนออกโปรดักซ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งบลจ.อยุธยาเอง ก็อยู่ระหว่างเตรียมแผนออกกองทุนเพื่อเป็นทาเงลือกให้กับลูกค้าเช่นกัน โดยจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ของเอกชนเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับกองทุน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยปรับลดลงเช่นนี้ แนะนำให้ผู้ลงทุนอย่างทิ้งเงินไว้ในกองทุนระยะสั้นมากเกินไป เพราะแนวโน้มดอกเบี้ยปรับลดลงเช่นนี้จะส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนระยะสั้นๆ ปรับลดลงตามไปด้วย โดยผู้ลงทุนควรจะแบ่งเงินลงทุนส่วนหนึ่งไปลงทุนในตราสารหนี้ระยะปานกลางอายุประมาณ 1-2 ปี บ้าง เพราะจะช่วยให้เราได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า ขณะเดียวกันก็ต้องจัดสัดส่วนลงทุนในหุ้นด้วยประมาณ 10%

ด้านรายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ระบุว่า ณ วันที่ 15 กุมพาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา กองทุนรวมทั้งระบบมีเงินลงทุนรวมประมาณ 1,41 ล้านล้านบาท ลดลงจากจำนวนเงินลงทุน 1.42 ล้านบาทในช่วงสิ้นปี 2550 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกองทุนที่ลงทุนในตั่ว ECP เริ่มทยอยครบอายุการลงทุนนั่นเอง



กำลังโหลดความคิดเห็น