xs
xsm
sm
md
lg

AYFเพิ่มวันขายคืนแอลทีเอฟ เปิดทางโยกหากำไร-ออมผ่านRMFต่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.อยุธยา อำนวยความสะดวกลูกค้าแอลทีเอฟ ที่ลงทุนครบเงื่อนไข 3 ปีปฏิทิน รุดแก้ไขโครงการขอเพิ่มระยะเวลาขายคืนหน่วยลงทุนได้คล่องขึ้น แถมเปิดทางลูกค้าโยกลงทุนในกองทุนอื่นๆ ของเอวายเอฟและออมเงินผ่านอาร์เอ็มเอฟต่อ เผยปีนี้ แอลทีเอฟทั้งระบบรับความเสี่ยง 2 ต่อ หลังครบกำหนดขายคืน และกองใหม่เร่งทำยอดเข้าเกณฑ์ 50 ล้านบาท

รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด (AYF) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เห็นชอบให้บริษัทแก้ไขเพิ่มเติโครงการจัดการกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ภายใต้การบริหารของบริษัทจำนวน 4 กองทุน ซึ่ง กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาอิควิตี้ กองทุนรวมหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล 70/30 กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล และกองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยา SET50 โดยการแก้ไขของกองทุนทั้ง 4 กองดังกล่าว เป็นการแก้ไขเกี่ยวกับวันและเวลาทำการขายคืนหน่วยลงทุน

โดยบริษัทจะให้มีการขายคืนหน่วยลงทุนปีละ 2 ช่วง ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนในช่วงระยะเวลา 5 วันทำการสุดท้ายภายในเวลา 15.30 น. ของเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนสิงหาคมของทุกปี จากเดิมกำหนดให้ผู้ถือหน่วยสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ปีละ 2 ครั้ง ในทุกวันทำการสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์และสิงหาคมของทุกปี โดยในปี 2551 จะเป็นวันที่ 25-29 กุมภาพันธ์ 2551 และ 25-29 สิงหาคม 2551 ที่ผู้ถือหน่วยสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีผลแล้วตั้งแต่วันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา

สำหรับจุดประสงค์ของการแก้ไขระยะเวลาในการขายคืนหน่วยลงทุนในครั้งนี้ เพื่อให้มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น และเพิ่มทางเลือกวันที่สามารถทำรายการขายคืนหน่วยลงทุนได้มากขึ้นกว่าเดิม สำหรับลูกค้าที่ลงทุนครบตามเงื่อนไขแล้ว อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวบริษัทยังคงยึดหลักเกณฑ์ตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยอนุญาตให้ทำรายการขายคืนหน่วยลงทุนได้ปีละ 2 ครั้งเท่านั้น

นอกจากนี้ ในส่วนของกองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล และกองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยา SET50 บริษัทได้เปลี่ยนแปลงวิธีรับคำสั่งสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนทั้ง 2 กองใหม่ โดยกำหนดให้เปิดรับคำสั่งสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออกจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาวภายใต้การบริหารของบลจ.อยุธยา เฉพาะกองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล และกองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยา SET50 ไปยังกองทุนรวมอื่นในกลุ่มเอวายเอฟไทยแลนด์ ซึ่งรวมถึงกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทด้วย

ทั้งนี้ ยังคงไม่รับคำสั่งสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนระหว่างกองทุนรวมหุ้นระยะยาวภายใต้การบริหารของเอวายเอฟด้วยกันตามเดิม โดยการทำรายการดังกล่าว ผู้ถือหน่วยลงทุนจะต้องทำรายการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออกจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาวดังกล่าวข้างต้นโดยระบุเป็นจำนวนหน่วยลงทุนที่ต้องการสับเปลี่ยนออกเท่านั้น ทั้งนี้ การเปิดรับคำสั่งสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนดังกล่าว ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป

รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ลงทุนที่เข้าร่วมรายการสนับสนุนการขาย RMF/LTF Promotion 2007 มาในช่วงวันที่ 1 พฤศจิกายน - 28 ธันวาคม 2550 โดยได้ลงทุนและถือหน่วยลงทุนที่ร่วมรายการจนครบกำหนดตามเงื่อนไขในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 บริษัทจะเริ่มดำเนินการจัดส่งของกำนัลดังกล่าวให้กับผู้ลงทุนในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ และคาดว่าจะสามารถจัดส่งของกำนัลทั้งหมดให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนได้ภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2551

รายงานข่าวกล่าวว่า ในปีนี้จะเป็นปีแรกที่ผู้ลงทุนในกองทุนแอลทีเอฟสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ สำหรับผู้ที่ลงทุนมาตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งอาจจะส่งผลให้ผู้ลงทุนทยอยไถ่ถอนหน่วยลงทุนออกไปบ้าง และปัจจัยดังกล่าวนี้เอง ทำให้บรรดาบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เริ่มหันมาให้ความสนใจกับการสรรหากองทุนใหม่ๆ หรือกองทุนเดิมที่มีอยู่มารองรับเงินลงทุนที่ต้องการไถ่ถอนออกไปดังกล่าว เพื่อรักษาฐานเงินลงทุนเอาไว้ ขณะเดียวกันก็อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องการไถ่ถอนหน่วยลงทุนด้วย

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ เป็นอีก 1 ปีที่กองทุนแอลทีเอฟต้องเร่งทำการตลาดเพื่อเพิ่มจำนวนเงินลงทุนไม่ให้ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ตามกฏการจัดตั้งกองทุนของสำนักงานก.ล.ต. โดยในช่วงเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของการจัดตั้งกองทุน มีบริษัทจัดการกองทุนสนใจจัดตั้งกองทุนแอลทีเอฟกองใหม่ๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก โดยในจำนวนดังกล่าวยังมีหลายกองทุนที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่ำกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งหากภายในปีนี้ กองทุนเหล่านี้ไม่สามารถระดมทุนได้ตามหลักเกณฑ์แล้ว จะต้องปิดกองทุนแล้วโอนเงินลงทุนไปอยู่ในกองทุนอื่นๆ แทน

ด้านสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยตัวเลขเงินลงทุนในกองทุนแอลทีเอฟว่า ณ วันที่ 25 มกราคม 2551 กองทุน LTF ทั้งระบบมีจำนวนเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นจำนวน 53 กองทุน คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 45,594.20 ล้านบาท โดย บลจ.ที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) สูงสุด 3 อันดับแรก ประกอบไปด้วย บลจ.ไทยพาณิชย์ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 13,929.72 ล้านบาท อันดับ 2 บลจ.กสิกรไทย มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 10,150.10 ล้านบาทและ อันดับ 3 บลจ.บัวหลวง ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 5,794.25 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น