"สำหรับคนที่ไม่เคยลงทุน นี้คือการลงทุนที่ดีที่สุด เพราะบางจังหวะนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในภาพใหญ่ แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกลงทุนในตัวไหน การลงทุนใน TDEX จะช่วยได้"
"เบิกทางเข้าไปลงทุนก่อนก็เสี่ยง แต่ถ้าเกาะไม่ทันก็ตกขบวน" เป็นคำกล่าวที่สะท้อนถึงวิถีการลงทุนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่ง "กำไร" กับ "ขาดทุน"ตัดสินกันภายในชั่ววินาที แต่สนามประลองแห่งนี้ก็แสนจะเย้ายวนเพราะเป็นสนามที่มีความเป็นไปได้ที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนแบบอื่น ดังจะเห็นได้จากปีที่ผ่านมาซึ่งการลงทุนในตลาดหุ้นสามารถให้ผลตอบแทนได้สูงถึง 26.22%
แน่นอนว่าผลตอบแทนที่สูงขนาดนี้ ย่อมมีนักลงทุนหลายคนที่อยากกระโดดลงมาสู้ศึกด้วย แต่อย่าลืมว่าผลตอบแทนที่สูงมักจะตามมาด้วยความเสี่ยง ตามสัจธรรมของ“High Risk High Return” และจากความเสี่ยงที่สูงนี้เอง ทำให้นักลงทุนบางคนที่ไม่มีประสบการณ์หรือเงินทุนเพียงพอ ยังกล้าๆกลัวๆ ที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อยู่ดี
แต่จากการวิวัฒนการของตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตอนนี้มีสินค้าอีก 1 ประเภท ที่น่าจะเป็นทางเลือกของนักลงทุนที่ต้องการบ่มเพาะประสบการณ์ หรือ อาจจะเปรียบเทียบได้ว่าเป็น "ก้าวแรก" สำหรับนักลงทุนก่อนที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเต็มตัว นั้นก็คือ "กองทุนอีทีเอฟ (ETF) " หรือ Exchange Traded Fund
โดยกองทุน ETF เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นกองทุนเปิดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และสามารถซื้อขายกันเหมือนหลักทรัพย์ โดยมีนโยบายการลงทุนที่คล้ายคลึงกับ Index Fund ด้วยการอ้างอิงกับดัชนีต่างๆ เช่น S&P 500 Index , หุ้นรายอุตสาหกรรม หรือทองคำ เป็นต้น
ปัจจุบันในประเทศไทย มีกองทุน ETF ที่ทำการซื้อขายอยู่ 1 กองทุน คือ **กองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ หรือ TDEX ซึ่ง สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างการลงทุนในหุ้น ลงทุนในกองทุนหุ้น และการลงทุนใน TDEX ว่า การลงทุนใน TDEX นั้น มีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าการลงทุนในกองทุนหุ้นและการลงทุนในหุ้นด้วยตัวเอง 2 ประการคือ 1. เป็นการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงเหมือนการลงทุนในกองทุนหุ้นทั่วไป ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าการลงทุนในหุ้นด้วยตัวเอง และ 2. เป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องสูง เพราะนักลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้ทันที ซึ่งเป็นจุดที่กองทุนหุ้นอื่นๆ ไม่สามารถให้แก่นักลงทุนได้
ขณะเดียวกัน การลงทุนใน TDEX ยังเป็นทางเลือกในการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ เนื่องมาจากสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่นั้น มีโอกาสที่จะมีเกิดความผิดพลาดในการลงทุน 2 ประการ คือ 1.การเลือกหุ้นผิด และ 2.การเลือกเวลาลงทุนผิด
1. การเลือกหุ้นผิด เกิดมาจากนักลงทุนบางคน พิจารณาการลงทุนด้วยการประเมินจากข่าวสารเกี่ยวกับตัวบริษัทในอดีต และมองราคาหลักทรัพย์ในอดีต แต่ไม่มีเวลาที่จะวิเคราะห์หุ้นอย่างจริงจัง ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้ตัดสินใจในการลงทุนในหุ้นผิดตัว จุดนี้การลงทุนใน TDEX จะสามารถปิดข้อผิดพลาดได้ เนื่องมาจาก เป็นการลงทุนในหุ้น 50 ตัวที่ผ่านการคัดเลือกจากขนาดและสภาพคล่องของแต่ละบริษัท และยังมีการพิจารณาคัดเลือกหุ้นอย่างเป็นระบบทุกปี ซึ่งเหมาะสมกับนักลงทุนหน้าใหม่ที่ไม่รู้ว่าควรจะเลือกลงทุนในหุ้นตัวใดดี
2.การเลือกเวลาผิด ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ตลาดหุ้นค่อนข้างจะมีความผันผวนสูง จึงมีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนอาจจะจับจังหวะการเข้ามาซื้อหุ้นผิดพลาด แต่สำหรับการลงทุนใน TDEX นั้น เป็นการลงทุนที่มีการกระจายการลงทุนอย่างกว้างขวาง ทำให้มีความผันผวนของราคาที่น้อยกว่า ทำให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจในการลงทุนได้ง่ายมากกว่าและไม่ถูกภาวะการลงทุนที่ผันผวนกระตุ้นทำให้เกิดความตื่นตระหนกในการลงทุนจนเลือกเวลาลงทุนผิด
"สำหรับคนที่ไม่เคยลงทุน นี้คือการลงทุนที่ดีที่สุดในกองทุนหุ้น เพราะบางจังหวะนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในภาพใหญ่ แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกลงทุนในตัวไหน การลงทุนใน TDEX จะช่วยได้" สมจินต์ กล่าวแนะนำ
เชื่อมั่นเติบโตอย่างต่อเนื่อง
กรรมการผู้จัดการ บลจ. กล่าวถึงการเติบโตของ TDEX ว่า หลังจากที่กองทุนได้เปิดทำการซื้อขายครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2551 ตอนนี้กองทุน TDEX มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2,880 ล้านบาท จากช่วงเปิดไอพีโอที่กองทุนสามารถระดมทุนได้เพียง 1,010 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 1,870 ล้านบาท หรือ 185.14% ในขณะที่จำนวนนักลงทุนก็เพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ราย จากช่วงไอพีโอที่มีนักลงทุนที่สนใจเข้ามาลงทุนใน TDEX เพียง 800 รายเท่านั้น
ทั้งนี้ส่วนตัวเองเชื่อว่า หลังจากนี้กองทุน TDEX จะมีนักลงทุนรู้จักและขนาดกองทุนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกองทุน ETF ของต่างประเทศที่มีอัตราการเติบโตในระดับสูงอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เพราะเป็นการลงทุนที่สามารถตอบโจทย์ของนักลงทุนทั้งรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน ซึ่งเมื่อนักลงทุนเชื่อมั่นว่า TDEX เป็นการลงทุนที่มีคุณค่า นักลงทุนก็จะมีการเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกองทุน เปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ เป็นกองทุน ETF ที่เน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ที่อยู่ในระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงด้วย และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงิน หรือเงินฝาก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพื่อชำระราคาหลักทรัพย์ เพื่อรอการลงทุน หรือเพื่อเป็นสภาพคล่องของกองทุน และกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (derivatives) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) และพยายามดำรงค่าความผันผวนของผลตอบแทนของกองทุนเมื่อเทียบกับดัชนีอ้างอิง(tracking error) ไม่เกิน 1.0% ต่อปี
ETF ลุยพลังงาน ทางเลือกใหม่ของนักลงทุน
นอกจากกองทุนไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ ซึ่งมีนโยบายลงทุนใน SET 50 แล้ว ตลท.ยังมีแผนที่จะเพิ่มกองทุน ETF ที่จะลงทุนในดัชนีอ้างอิงอื่นๆ อีก โดย ** สุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย** เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีมติอนุมัติสนับสนุนให้มีการออกกองทุนอิควิตี้ อีทีเอฟ ที่อ้างอิงดัชนีหมวดธุรกิจพลังงาน (Equity ETF on SET Energy Sector Index) เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ดึงดูดผู้ลงทุนใหม่ ช่วยกระตุ้นการซื้อขายในตลาด รวมถึงเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม และบริษัทหลักทรัพย์ด้วย
"หลังได้หารือกับสถาบันทั้งในและต่างประเทศ พบว่า ผู้ลงทุนสถาบันให้ความสนใจหมวดธุรกิจพลังงานมากที่สุด เนื่องจากหุ้นมีสภาพคล่องสูง ดังนั้น การเพิ่มสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยออก อิควิตี้ อีทีเอฟ ที่อ้างอิงดัชนีหมวดธุรกิจพลังงาน จะเป็นทางเลือกที่ดีต่อทั้งผู้ลงทุนและตลาดทุนโดยรวม"
"เบิกทางเข้าไปลงทุนก่อนก็เสี่ยง แต่ถ้าเกาะไม่ทันก็ตกขบวน" เป็นคำกล่าวที่สะท้อนถึงวิถีการลงทุนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่ง "กำไร" กับ "ขาดทุน"ตัดสินกันภายในชั่ววินาที แต่สนามประลองแห่งนี้ก็แสนจะเย้ายวนเพราะเป็นสนามที่มีความเป็นไปได้ที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนแบบอื่น ดังจะเห็นได้จากปีที่ผ่านมาซึ่งการลงทุนในตลาดหุ้นสามารถให้ผลตอบแทนได้สูงถึง 26.22%
แน่นอนว่าผลตอบแทนที่สูงขนาดนี้ ย่อมมีนักลงทุนหลายคนที่อยากกระโดดลงมาสู้ศึกด้วย แต่อย่าลืมว่าผลตอบแทนที่สูงมักจะตามมาด้วยความเสี่ยง ตามสัจธรรมของ“High Risk High Return” และจากความเสี่ยงที่สูงนี้เอง ทำให้นักลงทุนบางคนที่ไม่มีประสบการณ์หรือเงินทุนเพียงพอ ยังกล้าๆกลัวๆ ที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อยู่ดี
แต่จากการวิวัฒนการของตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตอนนี้มีสินค้าอีก 1 ประเภท ที่น่าจะเป็นทางเลือกของนักลงทุนที่ต้องการบ่มเพาะประสบการณ์ หรือ อาจจะเปรียบเทียบได้ว่าเป็น "ก้าวแรก" สำหรับนักลงทุนก่อนที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเต็มตัว นั้นก็คือ "กองทุนอีทีเอฟ (ETF) " หรือ Exchange Traded Fund
โดยกองทุน ETF เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นกองทุนเปิดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และสามารถซื้อขายกันเหมือนหลักทรัพย์ โดยมีนโยบายการลงทุนที่คล้ายคลึงกับ Index Fund ด้วยการอ้างอิงกับดัชนีต่างๆ เช่น S&P 500 Index , หุ้นรายอุตสาหกรรม หรือทองคำ เป็นต้น
ปัจจุบันในประเทศไทย มีกองทุน ETF ที่ทำการซื้อขายอยู่ 1 กองทุน คือ **กองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ หรือ TDEX ซึ่ง สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างการลงทุนในหุ้น ลงทุนในกองทุนหุ้น และการลงทุนใน TDEX ว่า การลงทุนใน TDEX นั้น มีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าการลงทุนในกองทุนหุ้นและการลงทุนในหุ้นด้วยตัวเอง 2 ประการคือ 1. เป็นการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงเหมือนการลงทุนในกองทุนหุ้นทั่วไป ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าการลงทุนในหุ้นด้วยตัวเอง และ 2. เป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องสูง เพราะนักลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้ทันที ซึ่งเป็นจุดที่กองทุนหุ้นอื่นๆ ไม่สามารถให้แก่นักลงทุนได้
ขณะเดียวกัน การลงทุนใน TDEX ยังเป็นทางเลือกในการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ เนื่องมาจากสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่นั้น มีโอกาสที่จะมีเกิดความผิดพลาดในการลงทุน 2 ประการ คือ 1.การเลือกหุ้นผิด และ 2.การเลือกเวลาลงทุนผิด
1. การเลือกหุ้นผิด เกิดมาจากนักลงทุนบางคน พิจารณาการลงทุนด้วยการประเมินจากข่าวสารเกี่ยวกับตัวบริษัทในอดีต และมองราคาหลักทรัพย์ในอดีต แต่ไม่มีเวลาที่จะวิเคราะห์หุ้นอย่างจริงจัง ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้ตัดสินใจในการลงทุนในหุ้นผิดตัว จุดนี้การลงทุนใน TDEX จะสามารถปิดข้อผิดพลาดได้ เนื่องมาจาก เป็นการลงทุนในหุ้น 50 ตัวที่ผ่านการคัดเลือกจากขนาดและสภาพคล่องของแต่ละบริษัท และยังมีการพิจารณาคัดเลือกหุ้นอย่างเป็นระบบทุกปี ซึ่งเหมาะสมกับนักลงทุนหน้าใหม่ที่ไม่รู้ว่าควรจะเลือกลงทุนในหุ้นตัวใดดี
2.การเลือกเวลาผิด ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ตลาดหุ้นค่อนข้างจะมีความผันผวนสูง จึงมีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนอาจจะจับจังหวะการเข้ามาซื้อหุ้นผิดพลาด แต่สำหรับการลงทุนใน TDEX นั้น เป็นการลงทุนที่มีการกระจายการลงทุนอย่างกว้างขวาง ทำให้มีความผันผวนของราคาที่น้อยกว่า ทำให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจในการลงทุนได้ง่ายมากกว่าและไม่ถูกภาวะการลงทุนที่ผันผวนกระตุ้นทำให้เกิดความตื่นตระหนกในการลงทุนจนเลือกเวลาลงทุนผิด
"สำหรับคนที่ไม่เคยลงทุน นี้คือการลงทุนที่ดีที่สุดในกองทุนหุ้น เพราะบางจังหวะนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในภาพใหญ่ แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกลงทุนในตัวไหน การลงทุนใน TDEX จะช่วยได้" สมจินต์ กล่าวแนะนำ
เชื่อมั่นเติบโตอย่างต่อเนื่อง
กรรมการผู้จัดการ บลจ. กล่าวถึงการเติบโตของ TDEX ว่า หลังจากที่กองทุนได้เปิดทำการซื้อขายครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2551 ตอนนี้กองทุน TDEX มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2,880 ล้านบาท จากช่วงเปิดไอพีโอที่กองทุนสามารถระดมทุนได้เพียง 1,010 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 1,870 ล้านบาท หรือ 185.14% ในขณะที่จำนวนนักลงทุนก็เพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ราย จากช่วงไอพีโอที่มีนักลงทุนที่สนใจเข้ามาลงทุนใน TDEX เพียง 800 รายเท่านั้น
ทั้งนี้ส่วนตัวเองเชื่อว่า หลังจากนี้กองทุน TDEX จะมีนักลงทุนรู้จักและขนาดกองทุนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกองทุน ETF ของต่างประเทศที่มีอัตราการเติบโตในระดับสูงอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เพราะเป็นการลงทุนที่สามารถตอบโจทย์ของนักลงทุนทั้งรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน ซึ่งเมื่อนักลงทุนเชื่อมั่นว่า TDEX เป็นการลงทุนที่มีคุณค่า นักลงทุนก็จะมีการเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกองทุน เปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ เป็นกองทุน ETF ที่เน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ที่อยู่ในระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงด้วย และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงิน หรือเงินฝาก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพื่อชำระราคาหลักทรัพย์ เพื่อรอการลงทุน หรือเพื่อเป็นสภาพคล่องของกองทุน และกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (derivatives) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) และพยายามดำรงค่าความผันผวนของผลตอบแทนของกองทุนเมื่อเทียบกับดัชนีอ้างอิง(tracking error) ไม่เกิน 1.0% ต่อปี
ETF ลุยพลังงาน ทางเลือกใหม่ของนักลงทุน
นอกจากกองทุนไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ ซึ่งมีนโยบายลงทุนใน SET 50 แล้ว ตลท.ยังมีแผนที่จะเพิ่มกองทุน ETF ที่จะลงทุนในดัชนีอ้างอิงอื่นๆ อีก โดย ** สุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย** เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีมติอนุมัติสนับสนุนให้มีการออกกองทุนอิควิตี้ อีทีเอฟ ที่อ้างอิงดัชนีหมวดธุรกิจพลังงาน (Equity ETF on SET Energy Sector Index) เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ดึงดูดผู้ลงทุนใหม่ ช่วยกระตุ้นการซื้อขายในตลาด รวมถึงเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม และบริษัทหลักทรัพย์ด้วย
"หลังได้หารือกับสถาบันทั้งในและต่างประเทศ พบว่า ผู้ลงทุนสถาบันให้ความสนใจหมวดธุรกิจพลังงานมากที่สุด เนื่องจากหุ้นมีสภาพคล่องสูง ดังนั้น การเพิ่มสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยออก อิควิตี้ อีทีเอฟ ที่อ้างอิงดัชนีหมวดธุรกิจพลังงาน จะเป็นทางเลือกที่ดีต่อทั้งผู้ลงทุนและตลาดทุนโดยรวม"