xs
xsm
sm
md
lg

วาทะร้อน “เบอร์นันกี-กรีนสแปน” ฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงระนาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดร่วงลงกว่า 170 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ประธานเฟด คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะซบเซาลงจนถึงปลายปีนี้ โดยชี้ว่า ตลาดสินเชื่ออาจทรุดหนักจนเกินเยียวยา พร้อมกับคาดว่าจะมีธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งที่ขาดทุนในตลาดปล่อยกู้จำนอง ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงระนาว วันนี้ ขณะที่ อลัน กรีนสแปน ชี้ราคาน้ำมันแพง ซ้ำเติม ศก.สหรัฐฯทรุดรุนแรงขึ้น

วันนี้ (15 ก.พ.) สำนักข่าวเอพี รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กของสหรัฐ ปิดตลาดเมื่อคืนนี้ร่วงลง 175.26 จุด หรือ 1.40% แตะระดับ 12,376.98 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 18.35 จุด หรือ 1.34% แตะระดับ 1,348.86 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 41.39 จุด หรือ 1.74% แตะระดับ 2,332.54 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 3.49 พันล้านหุ้น ลดลงจากวันพุธที่ 3.64 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 4 ต่อ 1

นายอาร์เธอร์ โฮแกน นักวิเคราะห์จากบริษัท เจฟเฟอรีส์ แอนด์ โค กล่าวว่า “แม้การแสดงความคิดเห็นของ นายเบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ออกมาบ่งชี้ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ แต่ตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่เบอร์นันกี กล่าวว่า วิกฤตการณ์ในตลาดที่อยู่อาศัยและตลาดสินเชื่อได้สกัดกั้นการเติบทางเศรษฐกิจและทำให้อัตราจ้างงานชะลอตัวลง โดย เบอร์นันกี มองว่า หากตลาดแรงงานตกต่ำลง ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคลดลง ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง

ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯประจำเดือน ม.ค.ลดลง 17,000 ตำแหน่ง นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาดคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง และสวนทางกับตัวเลขจ้างงานเดือน ธ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 82,000 ตำแหน่ง

“หลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นแข็งแกร่งเป็นเวลา 3 วัน นักลงทุนก็ใช้การแสดงความคิดเห็นในด้านลบของเบอร์นันกีเป็นเหตุผลในการเทขายทำกำไร ผมมองว่าเบอร์นันกีมีมุมมองที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจมากกว่าแต่ก่อน แม้ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ของสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.ปี 2550 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง 0.3% ก็ตาม”

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากเบอร์นันเก้แถลงมุมมองที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจ และหลังจากธนาคารยูบีเอส เอจี ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของสวิสเปิดเผยตัวเลขขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4 ที่ระดับ 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากการลงทุนในตลาดซับไพรม์ ซึ่งข่าวดังกล่าวฉุดหุ้นยูบีเอสดิ่งลง 8.3%

ส่วนหุ้นบริษัทประกันหุ้นกู้อย่าง เอ็มบีไอเอ อิงค์ ดีดขึ้น 8.4% หลังจากผู้บริหารของเอ็มบีไอเอแถลงต่อสภาคองเกรส ว่า เอ็มบีไอเอมีเม็ดเงินสดมากพอที่จะนำพาบริษัทรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในธุรกิจประกันหุ้นกู้ได้

**วาทะร้อน “เบอร์นันกี” คาดตลาดสินเชื่อทรุดจนยากเยียวยา

โดย นายเบน เบอร์นันกี ประธานเฟด ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มซบเซาลงและส่งสัญญาณว่า เฟดพร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้

“ภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดสินเชื่อได้ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างหนัก ขณะที่อัตราจ้างงานปรับตัวลดลงและราคาน้ำมันที่แพงขึ้นทำให้ผู้บริโภคต่างตื่นตัวเรื่องการลดการใช้จ่ายมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังจับตาดูมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ร่วงลงอย่างหนัก” เบอร์นันกี กล่าว และเพิ่มเติมว่า

แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯซบเซาลงอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และคาดว่า เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะซบเซาลงอีกในปีนี้ ปัจจุบันเราพบว่าภาวะผันผวนในตลาดการเงินได้สร้างความเสียหายต่อตลาดที่อยู่อาศัยหนักที่สุด การที่สถาบันการเงินในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกหนี้ที่ขาดความน่าเชื่อถือ (ซับไพรม์) ใช้มาตรการปล่อยกู้ที่เข้มงวดมากขึ้นนั้น ส่งผลให้อัตราการกู้ยืมตกต่ำลงและส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีรายได้ต่ำ และการที่สถาบันการเงินไม่ยอมปล่อยวงเงินกู้ประเภท “จัมโบโลน” ก็ยิ่งสร้างปัญหาให้กับตลาดที่อยู่อาศัยหนักขึ้นด้วย”

เบอร์นันกี กล่าวอีกว่า จำนวนบ้านค้างสตอกปรับตัวสูงขึ้นและจำนวนบ้านที่ถูกยึดพุ่งขึ้นแตะระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งผมคาดว่าตัวเลขการก่อสร้างบ้านมีแนวโน้มลดลงอีก

“เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯกำลังเผชิญภาวะที่เป็นอันตราย เฟดจึงพร้อมที่จะใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ และจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อสกัดกั้นความเสี่ยงในหลายๆ ด้าน อย่างไรก็ตาม ผมคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวในปลายปีนี้” โดยคำกล่าวนี้ ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ตีความว่า เฟดอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก

สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนเชียล รายงานว่า การแถลงมุมมองเศรษฐกิจครั้งนี้ เบอร์นันกี แถลงพร้อมกับ เฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐฯ และ คริสโตเฟอร์ ค็อกซ์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ เบอร์นันกี และ พอลสัน ไม่ได้ระบุถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยทั้งสองเพียงแต่คาดว่าเศรษฐกิจจะซบเซาลงอีก อย่างไรก็ตาม เบอร์นันกี คาดว่า เฟดและคณะทำงานของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช จะปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้

“เศรษฐกิจของเราชะลอตัวลง แต่ผมยังเชื่อว่าจะยังขยายตัวต่อไปได้” พอลสัน กล่าว ขณะที่เบอร์นันกี กล่าวว่า “ผมมองว่าเศรษฐกิจจะซบเซาลง แต่ก็เชื่อว่าจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากเฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้วหลายครั้งและรัฐบาลได้ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.68 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการลดหย่อนภาษีให้กับประชาชนและภาคธุรกิจ โดยมาตรการดังกล่าวท่านประธานาธิบดีบุชได้ลงนามไปแล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา”

แม้ เบอร์นันกี คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วงปลายปีนี้ แต่เขาระบุว่าความเสี่ยงที่สหรัฐฯจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจขาลงนั้นยังคงมีอยู่ ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่ว่าตลาดที่อยู่อาศัยและตลาดแรงงานจะตกต่ำลงรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเป็นไปได้ที่สถานการณ์ในตลาดสินเชื่อจะเข้าขั้นวิกฤติจนยากที่จะเยียวยาได้

คำแถลงดังกล่าว นักวิเคราะห์ประเมินกันว่า เบอร์นันกี กำลังส่งสัญญาณว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก อย่างไรก็ตาม การปรับอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจและตัวเลขเงินเฟ้อที่เฟดรวมรวมได้

“การดำเนินการใดๆ ของเฟดในปีนี้จะขึ้นอยู่กับการประเมินเศรษฐกิจ และผลที่เกิดขึ้นจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้วหลายครั้งก่อนหน้านี้ เฟดยังคงยึดท่าทีระมัดระวังในเรื่องนโยบายการเงิน”

นอกจากนี้ เบอร์นันกี ยังคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นปานกลาง การที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อปีที่แล้วทำให้เฟดตระหนักว่าไม่ควรประมาทในเรื่องเงินเฟ้อ นอกจากนี้ เฟดจะติดตามดูตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคเอกชน อีกทั้งจับตาดูกระแสคาดการณ์ต่างๆ ที่จะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุน นอกจากนี้ เฟดยังคงให้น้ำหนักกับตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรซึ่งเป็นหนึ่งในข้อมูลบ่งชี้สถานะทางเศรษฐกิจด้วย

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯประจำเดือนม.ค.ลดลง 17,000 ตำแหน่ง นับเป็นสถิติที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาดคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง และสวนทางกับตัวเลขจ้างงานเดือน ธ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 82,000 ตำแหน่ง

นายอาร์เธอร์ โฮแกน นักวิเคราะห์จากบริษัทเจฟเฟอรีส์ แอนด์ โค กล่าวว่า แถลงการณ์ครั้งล่าสุดของเบอร์นันเก้สะท้อนให้เห็นว่าเขามีมุมมองที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจมากกว่าแต่ก่อน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ฉุดดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลงถึง 175.26 จุด หรือ 1.40% แตะระดับ 12,376.98 จุด เมื่อคืนนี้

**กรีนสแปน ชี้ราคาน้ำมันแพง กระทบศก.รุนแรง**

ด้าน นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานเฟด ออกโรงเตือนว่า มีโอกาสถึง 50% หรือมากกว่า ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอย

“ผมคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐใกล้ถดถอยเต็มทีแล้ว ก่อนหน้านี้ ธุรกิจของชาวอเมริกันเคยเฟื่องฟูก่อนที่จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก คำถามในเวลานี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าเศรษฐกิจถดถอยแล้วหรือยัง แต่อยู่ที่ว่าเศรษฐกิจจะถดถอยยาวนานเพียงใดและอยู่ในระดับลึกเพียงใด" กรีนสแปนกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมผู้บริหารอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งจัดขึ้นที่สมาคมวิจัยพลังงานเคมบริดจ เมืองฮุสตัน

“อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่เข้าขั้นถดถอย และผมเชื่อว่าภาวะสินเชื่อตึงตัวไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับธุรกิจในอเมริกา” กรีนสแปน กล่าว

นอกจากนี้ กรีนสแปน กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นกำลังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม กรีนสแปนกล่าวว่า เศรษฐกิจไม่ได้เผชิญกับภาวะ Stagflation (ภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยแต่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น)

เว็บไซต์บลูมเบิร์ก รายงานว่า การแสดงความคิดเห็นของกรีนสแปนมีขึ้นหลังจากที่ เบน เบอร์นันกี ประธานเฟดคนปัจจุบัน ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มซบเซาลงและส่งสัญญาณว่าเฟดพร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้

**นิกเคอิปิดเช้าร่วงทันที 202.52 จุด

ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนีนิกเคอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดเช้าร่วงลงกว่า 200 จุด เช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายทำกำไรหลังจากเบอร์นันกี คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะซบเซาลงอีก

สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดเช้าดิ่งลง 202.52 จุด หรือ 1.5% แตะระดับ 13,423.93 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 959 ล้านหุ้น เพิ่มขึ้นจากเช้าวานนี้ที่ 914 ล้านหุ้น

การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันกีฉุดราคาหุ้นในตลาดโตเกียวดิ่งทั่วทั้งการะดาน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารยูบีเอส เอจี ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของสวิส เปิดเผยว่า ธนาคารมียอดขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4 เป็นวงเงินสูงถึง 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์ และกล่าวว่าธนาคารอาจขาดทุนเพิ่มขึ้นในปี 2551

**ตลาดฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็งเปิดร่วง 510.02 จุด

ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็งเปิดทำการร่วงลง เช้าวันนี้ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3 วันทำการ โดยมีแรงขายทำกำไรเข้ามาหลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กตกลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการประเมินเศรษฐกิจว่าอาจจะซบเซาลงอีกของประธานเฟด

ทั้งนี้ ดัชนีฮั่งเส็ง เปิดภาคเช้าร่วงทันที 510.21 จุด หรือ 2.1% แตะ 23,511.47 จุด นายโทนี ตอง รองหัวหน้าฝ่ายวิจัยของ บล.ไชน่า เอเวอร์ไบรท์ กล่าวว่า ทุกคนเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะย่ำแย่ในระยะสั้นนี้ และปัจจัยนี้จะทำให้ตลาดปรับตัวลง และตลาดหุ้นฮ่องกงก็มีการปรับฐานในวันนี้

**ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันดิ่งลง 59.47 จุด

ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวัน ปรับตัวลดลงในช่วงเช้าของวันนี้ โดยเมื่อเวลา 09.23 น.ตามเวลากรุงไทเป ดัชนีเวทเต็ดลดลง 59.47 จุด หรือ 0.76% แตะระดับ 7,805.81 จุด หลังจากเคลื่อนไหวในกรอบ 7,761.93 และ 7,806.19 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 2.026 หมื่นล้านดอลลาร์ไต้หวัน

หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลง 0.81% ขณะที่หุ้นกลุ่มซีเมนต์ลดลง 2.06% หุ้นกลุ่มสิ่งทอลดลง 1.15% และหุ้นกลุ่มการเงินลดลง 1.06%

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ดัชนีเวทเต็ดร่วงลงตามที่ได้คาดการณ์ไว้ หลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนีอาจลดลงในวงจำกัด จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าจะมีเม็ดเงินทุนไหลเข้าจำนวนมาก เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากเงินสกุลดอลลาร์ไต้หวันที่แข็งค่าขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

ตลาดหุ้นไต้หวันซึ่งได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันที่แข็งค่าขึ้นนั้น คาดว่าจะยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุน แม้ว่าความผันผวนในตลาดหุ้นต่างประเทศจะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มการเงิน ก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์จะได้รับประโยชน์จากการผ่อนปรนกฎข้อตกลงทางเศรษฐกิจของไต้หวันกับจีนหลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน มี.ค.นี้

สำหรับหุ้น TSMC ลดลง 0.70 ดอลลาร์ไต้หวัน หลังจากที่บริษัทได้เปิดเผยยอดขายในเดือนม.ค.ที่ลดลง และหุ้น UMC ลดลง 0.25 ดอลลาร์ไต้หวัน, หุ้นเอเซอร์ ลดลง 0.20 ดอลลาร์ไต้หวัน และหุ้นอัสซุสเท็ค ลดลง 0.70 ดอลลาร์ไต้หวัน หลังจากที่ทั้งสองบริษัทได้เปิดเผยผลประกอบการประจำเดือน ม.ค.ส่วนหุ้นเมก้า ไฟแนนเชียล ลดลง 0.45 ดอลลาร์ไต้หวัน หลังจากที่บริษัทได้เปิดเผยผลขาดทุนมหาศาลในเดือน ม.ค.
กำลังโหลดความคิดเห็น