กบข. เผยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารในปี 50 เพิ่มขึ้นกว่า 15% หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 5 หมื่นล้านบาท อยู่ที่ 3.7 แสนล้านบาท ขณะที่ผลตอบแทนลงทุนพุ่งเกินเป้า
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของ กบข.ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งมาจากเงินรายเดือนของสมาชิก และอีกประเด็นที่สำคัญคือผลการดำเนินงานของกบข.ในปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจและสูงกว่าเป้าหมายที่คณะกรรมการลงทุนได้ตั้งเป้าไว้
โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 (มกราคม-กันยายน) ผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ยของกบข.จะอยู่ที่ร้อยละ 9.01 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ร้อยละ 5-6
สำหรับมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของ กบข. ล่าสุด ณ เดือน พ.ย.ปี 2550 อยู่ที่ 370,379.44 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2549 อยู่ที่ 320,739.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49,640.39 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.47
“สาเหตุสำคัญที่ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของ กบข. ในช่วง 11 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา ปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างมาก เนื่องจากผลตอบแทนการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวค่อนข้างสูง ทั้งจากการลงทุนในตลาดหุ้น ตราสารหนี้ ในประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูง” นายวิสิฐกล่าว
ทั้งนี้ พอร์ตการลงทุนของ กบข. ณ สิ้นเดือน พ.ย. ปี 2550 กบข.ลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ 63.9% ตราสารทุนในประเทศ 13.22~ ตราสารต่างประเทศ 13.92% กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 4.00% และการลงทุนทางเลือก 4.90%
นายวิสิฐกล่าวกล่าวอีกว่า นโยบายการลงทุนของกบข. ยังคงให้ความสำคัญกับการเพิ่มทางเลือกการลงทุนที่มีความหลากหลาย และกระจายความเสี่ยงการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับสมาชิก เนื่องจากเป็นสถาบันเงินออมเพื่อวัยเกษียณ ซี่งจำเป็นต้องระมัดระวังในการลงทุน และคาดว่าแนวโน้มในช่วง 2 ปีข้างหน้า กบข.คาดว่ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจะอยู่ที่ประมาณ 4 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่...) พ.ศ.....ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยมีสาระสำคัญเพิ่มวงเงินลงทุนในหุ้น หุ้นกู้แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญและใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นจากเดิม 30% เป็น 35% ของเงินกองทุนและเพิ่มวงเงินลงทุนในต่างประเทศจากเดิม 15% ป็น 25% ของเงินกองทุน โดยการกำหนดสัดส่วนในการนำเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ไปลงทุนหาผลประโยชน์ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2546 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2550 ไม่สอดคล้องกับภาวะปัจจุบันที่ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
โดยนายวิสิฐกล่าวก่อนหน้านี้ว่า กบข.มีความพร้อมที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศจากเดิมที่มีเพดานการลงทุนอยู่ที่ 15% เป็น 25% โดยจะเน้นการลงทุนในแถบภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากมีผลตอบแทนที่ดีอยู่ สำหรับการลงทุนในประเทศนั้น คาดว่าจะยังไม่เพิ่มการลงทุน โดยคงสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 12% เพราะไม่มีสินค้าใหม่ๆเข้ามา จึงทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะเพิ่มดังกล่าว ส่วนการลงทุนในขณะนี้นั้น ยังรอโอกาสที่จะเข้าซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ และการที่ดัชนีปรับลดลงนั้น เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเทขาย เพราะมีความกังวลสถานการณ์เกี่ยวกับสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำ (ซับไพรม์) และเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย ประกอบกับค่าเงินเยนที่แข็งค่า จึงมียังให้มีการขายอย่างต่อเนื่องและยากที่จะประเมินว่าจะหยุดเทขายเมื่อใด