คอลัมน์คุยกับผู้จัดการกองทุน
โดย ดร.ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมความเสี่ยง
บลจ.อยุธยา จำกัด
คงมีท่านนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยว่าจะจัดพอร์ตการลงทุนสำหรับตัวท่านอย่างไรถึงจะเหมาะสม ในการลงทุน สิ่งที่ท่านนักลงทุนจะต้องคำนึงถึงก็คือความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ ซึ่งระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม จะผันแปรไปตามอายุของท่าน ในวันนี้ ผมจะขอนำเสนอการจัดพอร์ตการลงทุนแบบยึดตามอายุเป็นหลัก (โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น เป้าหมายการลงทุน จำนวนเงินลงทุนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ฯลฯ)
สำหรับสินทรัพย์ที่จะนำมาจัดพอร์ตการลงทุน ผมขอแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ 1)กลุ่มตราสารหนี้ ประกอบไปด้วย ตราสารหนี้ระยะยาว ตราสารหนี้ระยะกลาง ตราสารหนี้ระยะสั้น ตราสารเงิน เงินฝาก และกองทุนรวมตราสารหนี้ประเภทต่างๆ 2) กลุ่มตราสารทุน ประกอบไปด้วย หุ้นคุณค่า (Value stock) หุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง (Growth stock) หุ้นที่จ่ายปันผลดี และกองทุนรวมหุ้นประเภทต่างๆ โดยท่านนักลงทุนอาจจะจัดรวม กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และสินค้าโภคภัณฑ์ รวมเข้าไปในกลุ่มนี้ด้วยก็ได้
การจัดสัดส่วนการลงทุน ผมจะกล่าวถึงเพียงแค่การจัดสัดส่วนใน 2 กลุ่มหลัก ท่านนักลงทุนสามารถนำประเภทสินทรัพย์ต่างๆที่อยู่ในกลุ่ม มาผสมในสัดส่วนการลงทุนได้ตามที่ท่านต้องการ เช่น หากสัดส่วนของตราสารหนี้คือ 60% ภายใน 60%นั้น อาจจะประกอบไปด้วย ตราสารหนี้ระยะสั้น ตราสารหนี้ระยะกลาง และเงินฝาก เป็นต้น
พอร์ตการลงทุนสำหรับผู้มีอายุระหว่าง 20 – 30 ปี ในช่วงอายุนี้ เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน ในขณะที่ท่านนักลงทุนบางท่านอาจจะเพิ่งแต่งงาน แต่ยังไม่มีบุตร ในช่วงนี้ ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่มีภาระทางการเงินมากนัก ในขณะที่ช่วงเวลาที่ท่านสามารถลงทุนได้ ก่อนที่จะถึงวัยเกษียณ มีระยะเวลายาวนานถึงกว่า 30 ปี ดังนั้น ท่านจึงสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในสัดส่วนที่สูง เพื่อที่จะมีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูง แต่หากท่านลงทุนผิดพลาด ท่านก็ยังมีโอกาสที่จะแก้ตัวได้อีกหลายปี สำหรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุอยู่ในช่วงนี้คือ ลงทุนในตราสารหนี้ 20% ตราสารทุน 80%
พอร์ตการลงทุนสำหรับผู้มีอายุระหว่าง 31 – 40 ปี ในช่วงอายุนี้ เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มมีครอบครัวที่สมบูรณ์ขึ้น กล่าวคือ เริ่มมีบุตรหลานตัวเล็กๆ มาอยู่เป็นเพื่อน ในขณะที่ ฐานะทางการเงินของท่านจะเริ่มมีความมั่นคงมากขึ้น การที่ท่านเริ่มมีครอบครัวจะทำให้ท่านต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายทั่วไปภายในครัวเรือน ค่าเล่าเรียนบุตร และเงินออมเพื่ออนาคตของบุตร กอปรกับฐานะทางการเงินที่มีความมั่นคงมากขึ้น จะช่วยให้ท่านไม่จำเป็นต้องลงทุนในระดับความเสี่ยงสูง ดังนั้น ท่านนักลงทุนจึงควรลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของท่าน สัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุอยู่ในช่วงนี้คือ ลงทุนในตราสารหนี้ 30% ตราสารทุน 70%
พอร์ตการลงทุนสำหรับผู้มีอายุระหว่าง 41 – 50 ปี ในช่วงอายุนี้ เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่มีฐานะทางการเงินมั่นคงแล้ว บางท่านเริ่มมีการวางแผนที่จะเกษียณก่อนกำหนด ในขณะที่บุตรหลานของท่านก็เริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ รายจ่ายหลักๆของท่านในช่วงนี้ยังคงมีลักษณะใกล้เคียงกับช่วงอายุ 31 – 40 ปี กล่าวคือ รายจ่ายส่วนใหญ่ของท่านจะหมดไปกับค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว และการศึกษาบุตร แต่ด้วยฐานะทางการเงินที่มีความมั่นคงแล้ว กอปรกับระยะเวลาที่เหลือในการออมก่อนเกษียณลดน้อยลง ท่านนักลงทุนจึงควรลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงลงและเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสม่ำเสมอให้มากขึ้น สัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุอยู่ในช่วงนี้คือ ลงทุนในตราสารหนี้ 40% ตราสารทุน 60% หรือ ตราสารหนี้ 50% และ ตราสารทุน 50%
พอร์ตการลงทุนสำหรับผู้มีอายุระหว่าง 51 – 60 ปี ในช่วงอายุนี้ เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มเข้าสู่วัยเกษียณ บางท่านที่มีการออมอย่างต่อเนื่องและยาวนานอาจจะเกษียณตั้งแต่ช่วงอายุ 50 ต้นๆ หรือเกษียณไปก่อนหน้านี้แล้ว ในขณะที่บางท่านอาจจะเพิ่งนึกได้ว่าตนยังไม่มีเงินเพียงพอสำหรับการเกษียณ จึงมีการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในสัดส่วนที่มากเกินไป เพื่อหวังผลตอบแทนในระดับสูง ซึ่งการจัดพอร์ตการลงทุนในลักษณะนี้ หากการลงทุนเกิดการผิดพลาด อาจจะทำให้เงินที่ท่านหวังว่าจะมีไว้ใช้หลังเกษียณมีจำนวนลดน้อยลงจากเดิม สำหรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุอยู่ในช่วงนี้คือ ลงทุนในตราสารหนี้ระหว่าง 60% ถึง 80% และ ตราสารทุนระหว่าง 20% ถึง 40%
พอร์ตการลงทุนสำหรับผู้มีอายุตั้งแต่ 61 ปีขึ้นไป เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่เกษียณอายุแล้ว ในขณะที่บุตรหลานของท่านก็เริ่มมีงานทำ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายของท่านจะลดน้อยลงมาก ในขณะเดียวกัน ท่านก็จะไม่มีรายได้จากการทำงาน ดังนั้น พอร์ตการลงทุนของท่านจึงควรมีสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอยู่ในจำนวนน้อย และเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดยพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสำหรับคนในวัยนี้คือ ตราสารหนี้ 90% และตราสารทุน 10%
จะเห็นได้ว่า อายุมีส่วนสำคัญอย่างมากในการจัดพอร์ตการลงทุนของท่าน สำหรับพอร์ตการลงทุนที่ผมนำเสนอในวันนี้เป็นแนวทางทั่วไปที่ทางที่ปรึกษาทางการเงินมักจะให้คำแนะนำ ท่านนักลงทุนสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ ท่านนักลงทุนอาจจะใช้หลักการ 100 ลบด้วย อายุของท่าน มาปรับใช้ในการจัดพอร์ตการลงทุนได้ เช่น หากท่านมีอายุ 35 ปี ท่านควรลงทุนในตราสารทุน 100 – 35 = 65% และลงทุนในตราสารหนี้ 35% ที่สำคัญก็คือ เมื่อท่านเลือกสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมกับท่านแล้ว ท่านควรจะรักษาวินัยในการลงทุนให้เป็นไปในแนวทางที่ท่านเลือกครับ
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
โดย ดร.ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมความเสี่ยง
บลจ.อยุธยา จำกัด
คงมีท่านนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยว่าจะจัดพอร์ตการลงทุนสำหรับตัวท่านอย่างไรถึงจะเหมาะสม ในการลงทุน สิ่งที่ท่านนักลงทุนจะต้องคำนึงถึงก็คือความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ ซึ่งระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม จะผันแปรไปตามอายุของท่าน ในวันนี้ ผมจะขอนำเสนอการจัดพอร์ตการลงทุนแบบยึดตามอายุเป็นหลัก (โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น เป้าหมายการลงทุน จำนวนเงินลงทุนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ฯลฯ)
สำหรับสินทรัพย์ที่จะนำมาจัดพอร์ตการลงทุน ผมขอแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ 1)กลุ่มตราสารหนี้ ประกอบไปด้วย ตราสารหนี้ระยะยาว ตราสารหนี้ระยะกลาง ตราสารหนี้ระยะสั้น ตราสารเงิน เงินฝาก และกองทุนรวมตราสารหนี้ประเภทต่างๆ 2) กลุ่มตราสารทุน ประกอบไปด้วย หุ้นคุณค่า (Value stock) หุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง (Growth stock) หุ้นที่จ่ายปันผลดี และกองทุนรวมหุ้นประเภทต่างๆ โดยท่านนักลงทุนอาจจะจัดรวม กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และสินค้าโภคภัณฑ์ รวมเข้าไปในกลุ่มนี้ด้วยก็ได้
การจัดสัดส่วนการลงทุน ผมจะกล่าวถึงเพียงแค่การจัดสัดส่วนใน 2 กลุ่มหลัก ท่านนักลงทุนสามารถนำประเภทสินทรัพย์ต่างๆที่อยู่ในกลุ่ม มาผสมในสัดส่วนการลงทุนได้ตามที่ท่านต้องการ เช่น หากสัดส่วนของตราสารหนี้คือ 60% ภายใน 60%นั้น อาจจะประกอบไปด้วย ตราสารหนี้ระยะสั้น ตราสารหนี้ระยะกลาง และเงินฝาก เป็นต้น
พอร์ตการลงทุนสำหรับผู้มีอายุระหว่าง 20 – 30 ปี ในช่วงอายุนี้ เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน ในขณะที่ท่านนักลงทุนบางท่านอาจจะเพิ่งแต่งงาน แต่ยังไม่มีบุตร ในช่วงนี้ ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่มีภาระทางการเงินมากนัก ในขณะที่ช่วงเวลาที่ท่านสามารถลงทุนได้ ก่อนที่จะถึงวัยเกษียณ มีระยะเวลายาวนานถึงกว่า 30 ปี ดังนั้น ท่านจึงสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในสัดส่วนที่สูง เพื่อที่จะมีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูง แต่หากท่านลงทุนผิดพลาด ท่านก็ยังมีโอกาสที่จะแก้ตัวได้อีกหลายปี สำหรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุอยู่ในช่วงนี้คือ ลงทุนในตราสารหนี้ 20% ตราสารทุน 80%
พอร์ตการลงทุนสำหรับผู้มีอายุระหว่าง 31 – 40 ปี ในช่วงอายุนี้ เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มมีครอบครัวที่สมบูรณ์ขึ้น กล่าวคือ เริ่มมีบุตรหลานตัวเล็กๆ มาอยู่เป็นเพื่อน ในขณะที่ ฐานะทางการเงินของท่านจะเริ่มมีความมั่นคงมากขึ้น การที่ท่านเริ่มมีครอบครัวจะทำให้ท่านต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายทั่วไปภายในครัวเรือน ค่าเล่าเรียนบุตร และเงินออมเพื่ออนาคตของบุตร กอปรกับฐานะทางการเงินที่มีความมั่นคงมากขึ้น จะช่วยให้ท่านไม่จำเป็นต้องลงทุนในระดับความเสี่ยงสูง ดังนั้น ท่านนักลงทุนจึงควรลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของท่าน สัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุอยู่ในช่วงนี้คือ ลงทุนในตราสารหนี้ 30% ตราสารทุน 70%
พอร์ตการลงทุนสำหรับผู้มีอายุระหว่าง 41 – 50 ปี ในช่วงอายุนี้ เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่มีฐานะทางการเงินมั่นคงแล้ว บางท่านเริ่มมีการวางแผนที่จะเกษียณก่อนกำหนด ในขณะที่บุตรหลานของท่านก็เริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ รายจ่ายหลักๆของท่านในช่วงนี้ยังคงมีลักษณะใกล้เคียงกับช่วงอายุ 31 – 40 ปี กล่าวคือ รายจ่ายส่วนใหญ่ของท่านจะหมดไปกับค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว และการศึกษาบุตร แต่ด้วยฐานะทางการเงินที่มีความมั่นคงแล้ว กอปรกับระยะเวลาที่เหลือในการออมก่อนเกษียณลดน้อยลง ท่านนักลงทุนจึงควรลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงลงและเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสม่ำเสมอให้มากขึ้น สัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุอยู่ในช่วงนี้คือ ลงทุนในตราสารหนี้ 40% ตราสารทุน 60% หรือ ตราสารหนี้ 50% และ ตราสารทุน 50%
พอร์ตการลงทุนสำหรับผู้มีอายุระหว่าง 51 – 60 ปี ในช่วงอายุนี้ เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มเข้าสู่วัยเกษียณ บางท่านที่มีการออมอย่างต่อเนื่องและยาวนานอาจจะเกษียณตั้งแต่ช่วงอายุ 50 ต้นๆ หรือเกษียณไปก่อนหน้านี้แล้ว ในขณะที่บางท่านอาจจะเพิ่งนึกได้ว่าตนยังไม่มีเงินเพียงพอสำหรับการเกษียณ จึงมีการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในสัดส่วนที่มากเกินไป เพื่อหวังผลตอบแทนในระดับสูง ซึ่งการจัดพอร์ตการลงทุนในลักษณะนี้ หากการลงทุนเกิดการผิดพลาด อาจจะทำให้เงินที่ท่านหวังว่าจะมีไว้ใช้หลังเกษียณมีจำนวนลดน้อยลงจากเดิม สำหรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุอยู่ในช่วงนี้คือ ลงทุนในตราสารหนี้ระหว่าง 60% ถึง 80% และ ตราสารทุนระหว่าง 20% ถึง 40%
พอร์ตการลงทุนสำหรับผู้มีอายุตั้งแต่ 61 ปีขึ้นไป เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่เกษียณอายุแล้ว ในขณะที่บุตรหลานของท่านก็เริ่มมีงานทำ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายของท่านจะลดน้อยลงมาก ในขณะเดียวกัน ท่านก็จะไม่มีรายได้จากการทำงาน ดังนั้น พอร์ตการลงทุนของท่านจึงควรมีสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอยู่ในจำนวนน้อย และเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดยพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสำหรับคนในวัยนี้คือ ตราสารหนี้ 90% และตราสารทุน 10%
จะเห็นได้ว่า อายุมีส่วนสำคัญอย่างมากในการจัดพอร์ตการลงทุนของท่าน สำหรับพอร์ตการลงทุนที่ผมนำเสนอในวันนี้เป็นแนวทางทั่วไปที่ทางที่ปรึกษาทางการเงินมักจะให้คำแนะนำ ท่านนักลงทุนสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ ท่านนักลงทุนอาจจะใช้หลักการ 100 ลบด้วย อายุของท่าน มาปรับใช้ในการจัดพอร์ตการลงทุนได้ เช่น หากท่านมีอายุ 35 ปี ท่านควรลงทุนในตราสารทุน 100 – 35 = 65% และลงทุนในตราสารหนี้ 35% ที่สำคัญก็คือ เมื่อท่านเลือกสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมกับท่านแล้ว ท่านควรจะรักษาวินัยในการลงทุนให้เป็นไปในแนวทางที่ท่านเลือกครับ
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน