xs
xsm
sm
md
lg

โครงการออมเพิ่มของกบข.ฮอต สมาชิกสนใจเข้าร่วมจำนวนมาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการเผยมีสมาชิกจำนวนมากสนใจใช้สิทธิเข้าร่วมในโครงการออมเพิ่มหรือส่งเงินสะสมส่วนเพิ่ม หลังได้รับไฟเขียวขยายลิมิตอีก 1-12% ของเงินเดือน จากเดิมกำหนดส่งเงินสะสมได้ 3% ของเงินเดือน

นางอมฤดา สุวรรณจินดา ผู้ช่วยเลขาธิการสายสมาชิกสัมพันธ์และกิจกรรมสาธารณะ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่าหลังจากที่ กบข. ได้เริ่มเปิดให้สมาชิกเข้าร่วมโครงการออมเพิ่มเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมาผลปรากฎว่ามีสมาชิก กบข. ติดต่อสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมากผ่านทางศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก กบข. และทางอีเมล์ เพื่อสอบถามถึงวิธีการเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้

ทั้งนี้การเปิดโอกาสให้สมาชิกออมเพิ่มหรือส่งเงินสะสมเพิ่มนั้นเพื่อให้สมาชิกสามารถส่งเงินสะสมได้มากกว่า 3% ของเงินเดือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยสามารถเลือกออมเพิ่มมากกว่าเดิมได้ตั้งแต่ 1% ถึง 12% ดังนั้นเมื่อรวมกับเงินสะสมเดิมที่นำส่งแล้ว เท่ากับว่าสมาชิกสามารถออมเงินกับ กบข. ได้สูงสุดถึง 15% ของเงินเดือน ทั้งนี้รัฐยังคงส่งเงินสมทบและเงินชดเชยในอัตราเดิมคือ 3% และ 2% ของเงินเดือน โดยเงินส่วนเพิ่มนี้สมาชิกจะได้รับเมื่อพ้นสมาชิกภาพเท่านั้น ไม่สามารถขอคืนระหว่างที่เป็นสมาชิกได้

สำหรับสิทธิประโยชน์ที่สมาชิก กบข. จะได้รับจากการออมเงินสะสมส่วนเพิ่มนึ้ คือสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากภาครัฐ โดยสมาชิกจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในส่วนของเงินสะสมทั้งจำนวนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินเดือน และไม่เกิน 300,000 บาทในแต่ละปีภาษี สำหรับส่วนของเงินที่ออมเพิ่มนั้น กบข. จะได้นำไปบริหารจัดการลงทุนเพื่อสร้างผลประโยชน์เพิ่มเติมให้กับสมาชิกต่อไป

โดยสมาชิกที่สนใจเข้าร่วมโครงการออมเพิ่มสามารถติดต่อขอรับ “แบบแจ้งความประสงค์ในการส่งเงินสะสมส่วนเพิ่ม” ได้ที่ส่วนราชการต้นสังกัดตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายสื่อสารสมาชิกและประชาสัมพันธ์ กบข. โทร.1179 กด 6 หรือที่เว็บไซต์ กบข. ที่ www.gpf.or.th

ก่อนหน้านี้ นางอมฤดา กล่าวว่าจากการสำรวจภาวะประชากรผู้สูงอายุโลกพบว่าในประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุ 7,187,000 คน หรือ คิดเป็น 11% ของประชากร และคาดการณ์ว่าในปี 2568 จะมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 13,958,000 คน หรือคิดเป็น 19.2% ของประชากร ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยกำลังเปลี่ยนเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และ กบข. ในฐานะที่เป็นสถาบันเงินออมขนาดใหญ่ของประเทศ ได้ตระหนักถึงประเด็นปัญหาและมีการผลักดันให้สังคมในทุกภาคส่วนหาแนวทางหรือสร้างมาตรการจูงใจในเรื่องการออม เนื่องจากสถิติอัตราการออมที่ค่อนข้างต่ำของคนไทยจะเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของปัญหาคุณภาพชีวิตหลังวัยเกษียณอายุ

สำหรับปัจจัยหลักที่ผู้สูงอายุบางรายยังคงต้องทำงานต่อเนื่องภายหลังเกษียณ ส่วนหนึ่งมาจากการขาดแคลนเงินออมตั้งแต่อยู่ในช่วงวัยทำงาน โดยเฉพาะการออมเพื่อการดำรงชีวิตภายหลังเกษียณ อย่างไรก็ตามปัจจุบันภาครัฐหันมาเร่งสร้างนโยบายเพื่อสร้างหลักประกันรายได้ในลักษณะการออมผ่านกองทุนรวมต่างๆ ผ่านกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ การทำประกันชีวิต หรือการออมกับภาครัฐในรูปแบบกองทุนประกันสังคม หรือการออมระยะยาวผ่านกองทุนบำเหน็จบำนาญซึ่งจะเป็นกลไกหนึ่งในการสร้างความมั่นคงให้กับผู้สูงอายุได้อยู่อย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี

"สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป คนไทยทุกคนจึงควรเตรียมพร้อมที่จะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุเช่นเดียวกัน เพราะในอนาคตเราทุกคนก็คือผู้สูงอายุคนหนึ่งในสังคม ดังนั้น หากทุกคนในสังคมต้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยเกษียณ จะต้องรู้จักวางแผน เตรียมการ ลงมือปฏิบัติ โดยเฉพาะการเก็บออมเงินเพื่อวัยเกษียณ ซึ่งจะช่วยทำให้สามารถกำหนดคุณภาพชีวิตวัยเกษียณได้ด้วยตนเอง" นางอมฤดา กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น