แอตต้า ชี้วิกฤตซับไพรม์สหรัฐฯ และดอลล่าร์อ่อนตัว กระทบนักท่องเที่ยวมะกันวัยเกษียณหมดเงินจ่ายเรื่องท่องเที่ยว คาดกระทบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวประเทศไทยช่วงครึ่งปีหลัง จี้ททท.อย่านอนใจหวังแค่ตลาดไฮเอนด์กลุ่มเล็กๆ ด้านบริษัททัวร์สุดอั้นวิกฤตข้าวยากหมากแพง ปรับค่าทัวร์ขึ้น 10% มากกว่าทุกปีที่ผ่านมา จวกยับปัญหาการเมืองบ่อนทำลายภาคท่องเที่ยว
นายอภิชาติ สังฆอารีย์ นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า สมาคม ได้ทยอยเก็บข้อมูล ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นทั่วโลกและในประเทศไทย ที่จะกระทบถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยรายงานล่าสุดจากตลาดสหรัฐอเมริกา ระบุว่าผลจากปัญหาซับไพร์มและเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง ได้กระทบไปถึงกลุ่มเกษียณอายุ(รีไทร์)ด้วย ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็เป็นตลาดนักท่องเที่ยวสำคัญกลุ่มหนึ่งที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย
"คนกลุ่มนี้ได้รับเงินจากรัฐสวัสดิการก็จริง แต่เมื่อเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ ทำให้ค่าครองชีพเขาสูงขึ้น จึงเหลือเงินที่จะใช้เพื่อการท่องเที่ยวลดลง ส่วนกลุ่มวัยทำงานที่มีภาระผ่อนสินค้า หรือที่อยู่อาศัย เมื่อค่าครองชีพสูงขึ้นบางคนก็ไม่มีเงินผ่อน อนาคตหนี้เหล่านี้จะเป็นเอ็นพีแอล เขาก็อาจต้องพักเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวไว้ก่อน ซึ่งสมาคมได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากทุกอย่างยังไม่ดีขึ้น ผลกระทบจะเห็นชัดได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้อย่างแน่นอน แม้จะมีการซื้อทัวร์กันล่วงหน้าตั้งแต่ปีก่อนแล้วก็ตาม แต่ถ้าเขาไม่มีเงินจ่ายก็อาจขอยกเลิกได้ ขณะที่กลุ่มที่ต้องเดินทางมาก็จะประหยัดการใช้จ่ายในส่วนอื่น"
อย่างไรก็ตามได้แจ้งปัญหาที่จะเกิดขึ้นนี้ให้แก้ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ทราบบ้างแล้ว แต่เป็นการแจ้งอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งจะหาโอกาเข้าหารืออย่างเป็นทางการอีกครั้งเร็วๆนี้ เพราะการที่ททท.ระบุว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมัน จะไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพราะเราจับตลาดไฮเอนด์นั้น ในความเป็นจริงสัดส่วนนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ยังมีปริมาณน้อย ดังนั้นวิกฤตนี้ย่อมกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศที่เจอวิกฤตเศรษฐกิจแน่นอนโดยเฉพาะประเทศที่มีค่าเงินอิงกับดอลล่าร์สหรัฐ เช่น อเมริกา ญี่ปุ่น ฮ่องกง เป็นต้น ส่วนตลาดแถบยุโรป สแกนดิเนเวีย ยังไม่ได้รับ เพราะค่าเงินยูโรไม่ได้ผันผวน
สำหรับปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทยและข่าวลือเรื่องการปฏิวัติ ตรงนี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยลบที่สำคัญ ที่จะกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งยอมรับว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองของประเทศไทย เป็นที่สนใจของต่างชาติ มีการออกสื่อมากมาย ดังนั้นแม้ว่าการเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยจะมีราคาถูกและคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป แต่หากเขาไม่มั่นใจในการเมืองของเราเขาก็ไม่มาเที่ยวได้
"ทุกวันนี้เรากำลังทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเราเอง ด้วยปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ดังนั้นแอตต้าจะไม่ขอคาดการณ์ใดๆทั้งสิ้น เพราะตราบใดที่คนไทยยังทะเลาะกันไม่จบ ก็เท่ากับเราทำลายประเทศของเราเอง เป้าหมายนักท่องเที่ยวหรือรายได้เราจะตั้งเท่าใดก็ได้ แต่สถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นตัวชี้วัดว่าจะทำได้ถึงเป้าหรือไม่ จึงต้องการเตือนสติทุกคนว่า หากปล่อยให้เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับกำลังทำลายรายได้ที่จะเกิดจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั่นเอง"
นายอภิชาติ กล่าวว่า ในส่วนของราคาสินค้า แค่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศ ที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยว ต้องปรับขึ้นราคาค่าแพกเกจทัวร์ไม่ต่ำกว่า 10% จากทุกปีการปรับราคาจะอยู่ประมาณ 5% โดยที่ทำสัญญาซื้อขายไปแล้วก็ต้องยอมขาดทุน แต่ราคาทัวร์วันหรือเดย์ทริป ที่นักท่องเที่ยวจะเข้ามาซื้อต่างหากนั้น ได้ทยอยปรับขึ้นไปบ้างแล้ว และล่าสุดทางบริษัทรถนำเที่ยวได้ยื่นขอปรับขึ้นอัตราค่าเช่ารถอีกอย่างน้อย 5-6% ซึ่งทางแอตต้าได้ขอชะลอไว้อีก 1 เดือน
นายอภิชาติ สังฆอารีย์ นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า สมาคม ได้ทยอยเก็บข้อมูล ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นทั่วโลกและในประเทศไทย ที่จะกระทบถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยรายงานล่าสุดจากตลาดสหรัฐอเมริกา ระบุว่าผลจากปัญหาซับไพร์มและเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง ได้กระทบไปถึงกลุ่มเกษียณอายุ(รีไทร์)ด้วย ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็เป็นตลาดนักท่องเที่ยวสำคัญกลุ่มหนึ่งที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย
"คนกลุ่มนี้ได้รับเงินจากรัฐสวัสดิการก็จริง แต่เมื่อเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ ทำให้ค่าครองชีพเขาสูงขึ้น จึงเหลือเงินที่จะใช้เพื่อการท่องเที่ยวลดลง ส่วนกลุ่มวัยทำงานที่มีภาระผ่อนสินค้า หรือที่อยู่อาศัย เมื่อค่าครองชีพสูงขึ้นบางคนก็ไม่มีเงินผ่อน อนาคตหนี้เหล่านี้จะเป็นเอ็นพีแอล เขาก็อาจต้องพักเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวไว้ก่อน ซึ่งสมาคมได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากทุกอย่างยังไม่ดีขึ้น ผลกระทบจะเห็นชัดได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้อย่างแน่นอน แม้จะมีการซื้อทัวร์กันล่วงหน้าตั้งแต่ปีก่อนแล้วก็ตาม แต่ถ้าเขาไม่มีเงินจ่ายก็อาจขอยกเลิกได้ ขณะที่กลุ่มที่ต้องเดินทางมาก็จะประหยัดการใช้จ่ายในส่วนอื่น"
อย่างไรก็ตามได้แจ้งปัญหาที่จะเกิดขึ้นนี้ให้แก้ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ทราบบ้างแล้ว แต่เป็นการแจ้งอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งจะหาโอกาเข้าหารืออย่างเป็นทางการอีกครั้งเร็วๆนี้ เพราะการที่ททท.ระบุว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมัน จะไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพราะเราจับตลาดไฮเอนด์นั้น ในความเป็นจริงสัดส่วนนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ยังมีปริมาณน้อย ดังนั้นวิกฤตนี้ย่อมกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศที่เจอวิกฤตเศรษฐกิจแน่นอนโดยเฉพาะประเทศที่มีค่าเงินอิงกับดอลล่าร์สหรัฐ เช่น อเมริกา ญี่ปุ่น ฮ่องกง เป็นต้น ส่วนตลาดแถบยุโรป สแกนดิเนเวีย ยังไม่ได้รับ เพราะค่าเงินยูโรไม่ได้ผันผวน
สำหรับปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทยและข่าวลือเรื่องการปฏิวัติ ตรงนี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยลบที่สำคัญ ที่จะกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งยอมรับว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองของประเทศไทย เป็นที่สนใจของต่างชาติ มีการออกสื่อมากมาย ดังนั้นแม้ว่าการเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยจะมีราคาถูกและคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป แต่หากเขาไม่มั่นใจในการเมืองของเราเขาก็ไม่มาเที่ยวได้
"ทุกวันนี้เรากำลังทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเราเอง ด้วยปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ดังนั้นแอตต้าจะไม่ขอคาดการณ์ใดๆทั้งสิ้น เพราะตราบใดที่คนไทยยังทะเลาะกันไม่จบ ก็เท่ากับเราทำลายประเทศของเราเอง เป้าหมายนักท่องเที่ยวหรือรายได้เราจะตั้งเท่าใดก็ได้ แต่สถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นตัวชี้วัดว่าจะทำได้ถึงเป้าหรือไม่ จึงต้องการเตือนสติทุกคนว่า หากปล่อยให้เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับกำลังทำลายรายได้ที่จะเกิดจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั่นเอง"
นายอภิชาติ กล่าวว่า ในส่วนของราคาสินค้า แค่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศ ที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยว ต้องปรับขึ้นราคาค่าแพกเกจทัวร์ไม่ต่ำกว่า 10% จากทุกปีการปรับราคาจะอยู่ประมาณ 5% โดยที่ทำสัญญาซื้อขายไปแล้วก็ต้องยอมขาดทุน แต่ราคาทัวร์วันหรือเดย์ทริป ที่นักท่องเที่ยวจะเข้ามาซื้อต่างหากนั้น ได้ทยอยปรับขึ้นไปบ้างแล้ว และล่าสุดทางบริษัทรถนำเที่ยวได้ยื่นขอปรับขึ้นอัตราค่าเช่ารถอีกอย่างน้อย 5-6% ซึ่งทางแอตต้าได้ขอชะลอไว้อีก 1 เดือน
