ซูบารุ ปรับกลยุทธ์ใหม่ ปลดภาระสต็อกให้ดีลเลอร์ไม่ต้องแบกอีกต่อไป เหตุจากโควิด-19 ยอมรับวิกฤตหนัก 3 เดือน ช่วยดีลเลอร์รอด ฟื้นตัวเร็ว คาดยอดขายปีนี้แตะ 3,000 คัน ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเท่าเดิม เตรียมรถใหม่ 2 รุ่น

นายตวัน คำฤทธิ์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งบริษัทฯ ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันทำให้กำลังการผลิตหายไป และยอดขายลดลงทันทีถึง 3เดือน
อย่างไรก็ตามด้วย พื้นฐานที่ดีของเศรษฐกิจไทย ทำให้ตลาดฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ยอดขายซูบารุล่าสุด 10 เดือนแรกของปีนี้มีประมาณ 2400 คัน และคาดว่าทั้งปีจะสามารถทำยอดขายได้ 3,000 คัน ลดลงจากปีก่อน 10% ถือว่าดีกว่าตลาดรวม ซึ่งผลกระทบจากโควิดทำให้เกิดการปรับการทำงานหลายอย่างทั้ง การขาย การจัดการสต็อกและการบริการหลังขาย

“จากวิกฤตโควิดทำให้เราเห็นกลุ่มลูกค้าชัดเจนขึ้นและทำงานร่วมกับดีลเลอร์มากขึ้น โดยมีการปรับสต็อกจากเดิมที่ให้ดีลเลอร์เป็นผู้ถือสต็อกราว 1.5-2.5 เดือน กลายเป็นซูบารุ เป็นผู้ถือแทนทั้งหมด ซึ่งส่งผลดีต่อดีลเลอร์ทุกรายไม่ต้องรีบขาย ทำให้ไม่ต้องใช้แคมเปญด้านราคาอีกต่อไป เกิดสมดุลของกลไกลตลาด โดยจะมาเน้นในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพงานซ่อมและการขายให้มีคุณภาพมากขึ้นแทน” นายตวัน กล่าว
ทั้งนี้การปรับกลยุทธ์ดังกล่าวเพื่อช่วยให้ดีลเลอร์สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ ลดภาระของผู้แทนจำหน่าย ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อลูกค้า เพราะเมื่อมีการสั่งจองรถจะใช้เวลาในการรอเพียง 14 วันเท่านั้น ปัจจุบันซูบารุมีดีลเลอร์ทั้งสิ้น 39 แห่ง และวางแผนจะเพิ่มขึ้นเป็น 41 แห่งในปีหน้าที่จ.ลพบุรีและจ.สุราษฎร์ธานี

นายตวัน เปิดเผยว่า สัดส่วนการขายในปีนี้ ฟอร์เรสเตอร์ขายดีที่สุดราว 65% เอ็กซ์วี 30% และที่เหลือ 5% เป็นรุ่นนำเข้าจากญี่ปุ่น โดยเป้าหมายในปีหน้าคาดว่าจะทำยอดขายได้เท่าๆกับปีนี้ แต่สัดส่วนการขายฟอร์เรสเตอร์จะเพิ่มขึ้นเป็น 75% เอ็กซ์วีเหลือ20% และ 5% เป็นรุ่นนำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งในปีหน้าจะเปิดใหม่ 2 รุ่นในไตรมาสที่สามและสี่
“การที่รุ่น ฟอร์เรสเตอร์ ขายดีขึ้น นั้นเกิดจากความชัดเจนของกลุ่มลูกค้า ที่เน้นในเรื่องของความปลอดภัยและ คุ้มค่าเป็นหลัก ไม่เน้นหน้าตา และมีการหาข้อมูลมาล่วงหน้าเป็นอย่างดีแล้ว จึงตัดสินใจได้ทันที ขณะที่รถรุ่นนำเข้านั้นช่วงนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจนทำให้สต็อกของปีนี้ขายหมดไปเรียบร้อยแล้ว”

อนึ่ง โรงงานประกอบรถยนต์ของซูบารุในประเทศไทย ปัจจุบันประกอบเพียงรุ่นเดียวคือ ฟอร์เรสเตอร์ โดยมีการส่งออกไปจำหน่ายที่มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งจะยังไม่มีการประกอบรถรุ่นเอ็กซ์วีในโมเดลนี้แต่อย่างใด
นายตวัน คำฤทธิ์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งบริษัทฯ ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันทำให้กำลังการผลิตหายไป และยอดขายลดลงทันทีถึง 3เดือน
อย่างไรก็ตามด้วย พื้นฐานที่ดีของเศรษฐกิจไทย ทำให้ตลาดฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ยอดขายซูบารุล่าสุด 10 เดือนแรกของปีนี้มีประมาณ 2400 คัน และคาดว่าทั้งปีจะสามารถทำยอดขายได้ 3,000 คัน ลดลงจากปีก่อน 10% ถือว่าดีกว่าตลาดรวม ซึ่งผลกระทบจากโควิดทำให้เกิดการปรับการทำงานหลายอย่างทั้ง การขาย การจัดการสต็อกและการบริการหลังขาย
“จากวิกฤตโควิดทำให้เราเห็นกลุ่มลูกค้าชัดเจนขึ้นและทำงานร่วมกับดีลเลอร์มากขึ้น โดยมีการปรับสต็อกจากเดิมที่ให้ดีลเลอร์เป็นผู้ถือสต็อกราว 1.5-2.5 เดือน กลายเป็นซูบารุ เป็นผู้ถือแทนทั้งหมด ซึ่งส่งผลดีต่อดีลเลอร์ทุกรายไม่ต้องรีบขาย ทำให้ไม่ต้องใช้แคมเปญด้านราคาอีกต่อไป เกิดสมดุลของกลไกลตลาด โดยจะมาเน้นในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพงานซ่อมและการขายให้มีคุณภาพมากขึ้นแทน” นายตวัน กล่าว
ทั้งนี้การปรับกลยุทธ์ดังกล่าวเพื่อช่วยให้ดีลเลอร์สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ ลดภาระของผู้แทนจำหน่าย ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อลูกค้า เพราะเมื่อมีการสั่งจองรถจะใช้เวลาในการรอเพียง 14 วันเท่านั้น ปัจจุบันซูบารุมีดีลเลอร์ทั้งสิ้น 39 แห่ง และวางแผนจะเพิ่มขึ้นเป็น 41 แห่งในปีหน้าที่จ.ลพบุรีและจ.สุราษฎร์ธานี
นายตวัน เปิดเผยว่า สัดส่วนการขายในปีนี้ ฟอร์เรสเตอร์ขายดีที่สุดราว 65% เอ็กซ์วี 30% และที่เหลือ 5% เป็นรุ่นนำเข้าจากญี่ปุ่น โดยเป้าหมายในปีหน้าคาดว่าจะทำยอดขายได้เท่าๆกับปีนี้ แต่สัดส่วนการขายฟอร์เรสเตอร์จะเพิ่มขึ้นเป็น 75% เอ็กซ์วีเหลือ20% และ 5% เป็นรุ่นนำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งในปีหน้าจะเปิดใหม่ 2 รุ่นในไตรมาสที่สามและสี่
“การที่รุ่น ฟอร์เรสเตอร์ ขายดีขึ้น นั้นเกิดจากความชัดเจนของกลุ่มลูกค้า ที่เน้นในเรื่องของความปลอดภัยและ คุ้มค่าเป็นหลัก ไม่เน้นหน้าตา และมีการหาข้อมูลมาล่วงหน้าเป็นอย่างดีแล้ว จึงตัดสินใจได้ทันที ขณะที่รถรุ่นนำเข้านั้นช่วงนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจนทำให้สต็อกของปีนี้ขายหมดไปเรียบร้อยแล้ว”
อนึ่ง โรงงานประกอบรถยนต์ของซูบารุในประเทศไทย ปัจจุบันประกอบเพียงรุ่นเดียวคือ ฟอร์เรสเตอร์ โดยมีการส่งออกไปจำหน่ายที่มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งจะยังไม่มีการประกอบรถรุ่นเอ็กซ์วีในโมเดลนี้แต่อย่างใด