ฮอนด้า ปลื้มภาครัฐสนับสนุนโครงการรถเก่าแลกใหม่ เป็นเรื่องที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมและ กระตุ้นกำลังซื้อชี้ควรเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ประชาชนเพื่อสร้างแรงจูงใจมากกว่า 100,000 บาท ย้ำอนาคตรถฮอนด้าทุกรุ่นจะมีไฟฟ้าเข้ามาเป็นส่วนของการขับเคลื่อนด้วยทั้งไฮบริดและอีวี
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐที่มีโครงการ รถเก่าแลกรถใหม่ นั้นบริษัทฯ เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งจะได้ประโยชน์ถึงสองทาง
หนึ่งคือในด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากรถเก่ามากนั้นมีมลพิษสูงจะถูกกำจัดออกจากระบบไป ส่วนรถรุ่นใหม่ๆ ที่มีผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร4 ขึ้นไปปล่อยไอเสียน้อยอยู่แล้ว อีกด้านหนึ่งคือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่การสร้างความต้องการเทียมขึ้น เป็นการปลุกความต้องการที่หลับอยู่ ของกลุ่มคนที่มีรถอยู่แล้ว
“การใช้นโยบายนี้ วิธีคิดมาถูกทาง รัฐไม่ขาดทุน แต่เงื่อนไขต่างๆ นั้นยังไม่ชัดเจน และส่วนลดที่ให้กับประชาชนนั้นมองว่าน้อยเกินไป เพราะรถเก่าอย่างไรก็มีมูลค่าคันละ 3-5 หมื่นบาทเป็นอย่างน้อยอยู่แล้ว ดังนั้นการให้ส่วนลด 1 แสนบาทจึงไม่น่าจะสร้างแรงจูงใจที่มากพอให้คนหันมาเปลี่ยนได้ ควรเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้มากกว่านี้” นายพิทักษ์กล่าว
สำหรับทิศทางของฮอนด้าในอนาคต จะดำเนินนโยบายตามที่บริษัทฯ แม่ได้ประกาศเอาไว้ว่า จะมีสัดส่วนยอดขายของรถที่ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนราว 2 ใน 3 ของยอดขายทั้งหมดภายในปี 2030 ซึ่งหมายความว่า รถทุกรุ่นของฮอนด้าจะมีรุ่นย่อยที่เป็นไฮบริดหรือไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายอย่างแน่นอน
นายพิทักษ์กล่าวว่า ล่าสุด ฮอนด้า ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่นพร้อมกันคือ ซิตี้ แฮทช์แบ็ค และซิตี้ อี:เอชอีวี ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าชนิดไฮบริด โดยตั้งเป้าหมายการขายในระยะเวลา 12 เดือนแรกเอาไว้ สำหรับ ซิตี้ แฮทช์แบ็ค 30,000 คัน และ ซิตี้ อี:เอชอีวี 4,000 คัน
ขณะที่ ตลาดรถยนต์รวมของปี2563 นั้นเดิมประเมินไว้ว่าจะอยู่ที่ 680,000 คัน แต่เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ทำให้ยอดขายฟื้นตัว จึงปรับประมาณการณ์ว่าจะอยู่ที่ 780,000 คัน ในส่วนของฮอนด้าคาดว่าจะทำยอดขายรวมทุกรุ่นที่ 95,000 คัน
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐที่มีโครงการ รถเก่าแลกรถใหม่ นั้นบริษัทฯ เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งจะได้ประโยชน์ถึงสองทาง
หนึ่งคือในด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากรถเก่ามากนั้นมีมลพิษสูงจะถูกกำจัดออกจากระบบไป ส่วนรถรุ่นใหม่ๆ ที่มีผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร4 ขึ้นไปปล่อยไอเสียน้อยอยู่แล้ว อีกด้านหนึ่งคือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่การสร้างความต้องการเทียมขึ้น เป็นการปลุกความต้องการที่หลับอยู่ ของกลุ่มคนที่มีรถอยู่แล้ว
“การใช้นโยบายนี้ วิธีคิดมาถูกทาง รัฐไม่ขาดทุน แต่เงื่อนไขต่างๆ นั้นยังไม่ชัดเจน และส่วนลดที่ให้กับประชาชนนั้นมองว่าน้อยเกินไป เพราะรถเก่าอย่างไรก็มีมูลค่าคันละ 3-5 หมื่นบาทเป็นอย่างน้อยอยู่แล้ว ดังนั้นการให้ส่วนลด 1 แสนบาทจึงไม่น่าจะสร้างแรงจูงใจที่มากพอให้คนหันมาเปลี่ยนได้ ควรเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้มากกว่านี้” นายพิทักษ์กล่าว
สำหรับทิศทางของฮอนด้าในอนาคต จะดำเนินนโยบายตามที่บริษัทฯ แม่ได้ประกาศเอาไว้ว่า จะมีสัดส่วนยอดขายของรถที่ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนราว 2 ใน 3 ของยอดขายทั้งหมดภายในปี 2030 ซึ่งหมายความว่า รถทุกรุ่นของฮอนด้าจะมีรุ่นย่อยที่เป็นไฮบริดหรือไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายอย่างแน่นอน
นายพิทักษ์กล่าวว่า ล่าสุด ฮอนด้า ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่นพร้อมกันคือ ซิตี้ แฮทช์แบ็ค และซิตี้ อี:เอชอีวี ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าชนิดไฮบริด โดยตั้งเป้าหมายการขายในระยะเวลา 12 เดือนแรกเอาไว้ สำหรับ ซิตี้ แฮทช์แบ็ค 30,000 คัน และ ซิตี้ อี:เอชอีวี 4,000 คัน
ขณะที่ ตลาดรถยนต์รวมของปี2563 นั้นเดิมประเมินไว้ว่าจะอยู่ที่ 680,000 คัน แต่เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ทำให้ยอดขายฟื้นตัว จึงปรับประมาณการณ์ว่าจะอยู่ที่ 780,000 คัน ในส่วนของฮอนด้าคาดว่าจะทำยอดขายรวมทุกรุ่นที่ 95,000 คัน
