การเข้ามาทำตลาดของ อาวดี้ ประเทศไทย หากนับเฉพาะผู้แทนจำหน่ายในยุคใหม่นี้ ถือเป็นเวลาราว 3 ปีกว่าแล้ว เรียกว่าผ่านบทพิสูจน์ในระดับแรกไปได้อย่างสวยงาม ได้รับคำชมและการซื้อซ้ำจากกลุ่มลูกค้าที่กล้าเปิดใจรับการดูแลอีกครั้งจากทีมงานใหม่ ซึ่งต้องยอมรับว่า อาวดี้ นั้นภาพลักษณ์ในเมืองไทยมิใช่เริ่มจาก ศูนย์ แต่เริ่มจากการติดลบ ฉะนั้นจึงมีการบ้านที่ต้องทำอีกไม่น้อย
หนึ่งในสิ่งที่เป็นปัจจัยในความสำเร็จและได้รับการยอมรับจากลูกค้า คือ การมีสินค้าที่ดีและตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งอาวดี้ ประเทศไทย เข้าใจตรงจุดนี้เป็นอย่างดี จึงได้หาสินค้าที่น่าจะตอบโจทย์และกำหนดเป็นนโยบายสำคัญคือ การนำรถที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท เข้ามาจำหน่ายมากขึ้น และหนึ่งในโมเดลที่เป็นหัวหอกสำคัญของนโยบายนี้ได้แก่ Audi Q3 ที่มีการเปิดตัวพร้อมกันทั้งรุ่น SUV และ Sportback มาชมกันว่า อาวดี้ คิว3 ทั้งสองแบบตัวถังนี้ เป็นอย่างไรบ้าง ภายใต้มุมมองของทีมงาน เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง
150 แรงม้า ขับล้อหน้า
สิ่งสำคัญของอาวดี้ คิว3 ที่ต้องบอกกล่าวเป็นอย่างแรกคือ เรื่องของระบบขับเคลื่อนที่หันมาคบกับระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อหน้า ซึ่งจะทำให้ความรู้สึกในการขับขี่โดยรวมแตกต่างจากอาวดี้ รุ่นอื่นๆ ที่เป็นการขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง และจะแตกต่างอย่างมากกับรุ่นที่ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยจะกล่าวในช่วงของการทดลองขับ
ในส่วนของการออกแบบนั้นภายนอกเป็นรถเอสยูวี โดยมาทั้งแบบมาตรฐานและแบบท้ายลาดที่อาวดี้ เรียกว่ารุ่น Sportback ซึ่งทุกอย่างของ 2 รุ่นนี้จะเหมือนกัน แต่แตกต่างตรงรูปแบบตัวถังและออพชันที่ใส่ให้มา ซึ่งทำให้มีราคาแตกต่างกันด้วยเช่นกัน
สำหรับการทำตลาดในเมืองไทย เลือกรุ่นเครื่องยนต์แบบเดียวคือ เบนซิน 1.4 ลิตร เทอร์โบ ที่มีกำลังสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการขับเคลื่อนรถที่มีน้ำหนักตัวราว ตันครึ่งแบบนี้ได้อย่างสบายๆ โดยการส่งกำลังเลือกคบหากับเกียร์อัตโนมัติ S tronic 6 สปีด
อุปกรณ์ภายในมาเต็มด้วยหน้าปัดแบบ Virtual Cockpit ขนาด 10.25 นิ้ว จอแสดงผลรุ่นใหม่ล่าสุด MMI touch ขนาด 8.8 นิ้วที่ควบคุมและสั่งการด้วยปลายนิ้ว รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto โดยใช้งานระบบนำทางของ Google Maps ได้
เบาะนั่งสำหรับรุ่น Sportback จะเป็นเวอร์ชัน S line โดยมาพร้อมกับชุดแต่ง S line ทั้งคัน ขณะที่รุ่นเริ่มต้นในตัวถังแบบ SUVนั้นจะเป็นเบาะนั่งแบบธรรมดา ไม่มีชุดแต่ง และล้อแม็กในรุ่น Sportback จะมีขนาด 19 นิ้ว ต่างจากรุ่นเริ่มต้นที่ใช้ล้อขนาด 18 นิ้ว
ระบบความปลอดภัยมาตรฐานใส่มาครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ,ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบควบคุมการทรงตัว ESC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบล็อกเบรกขณะหยุดนิ่ง (Audi hold assist) และ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system)
เบา คล่องตัว เหมาะในเมือง
ความรู้สึกแรกหลังได้ลองขับเจ้าคิว3 คือ เบา ด้วยพวงมาลัยและการเป็นรถขับหน้า จังหวะในการเลี้ยวเข้าโค้งแตกต่างอย่างชัดเจนตั้งแต่โค้งแรก เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆของอาวดี้โดยเฉพาะคันที่ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ข้อดีคือ ช่วยให้การบังคับควบคุมง่ายขึ้น คุณผู้หญิงจะใช้งานได้อย่างเบามือ ส่วนข้อด้อยคือ ใครที่ชอบความรู้สึกเกาะโค้งแบบตุ๊กแกของอาวดี้นั้น อาจจะผิดหวังเบาๆ เมื่อมาลองคิว3
ส่วนช่วงล่างนั้น ยังคงความหนึบ หนักแน่น และดูดซับแรงสะเทือนได้เป็นอย่างดีตามแบบฉบับของอาวดี้ ยิ่งเมื่อวิ่งทางตรงยาวๆ ด้วยความเร็วสูง คุณจะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่า ทำไมเราต้องจ่ายเงินแพงกว่ารถญี่ปุ่นเพื่อซื้อรถยุโรป จุดเด่นนี้ยังคงสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ได้ลองอาวดี้แล้วส่วนมากจะกล้าตัดสินใจเลือกเพราะเหตุนี้
การใช้งานแบบวิ่งในเมือง ให้ความรู้สึกคล่องตัว ด้วยขนาดที่เรียกว่าอยู่ตรงกลางระหว่างคิว2 และคิว5 และถ้าเทียบกับคู่แข่งคือ จะใหญ่กว่า บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์1 กับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ และเล็กกว่า เอ็กซ์3 กับ จีแอลซี จึงถือว่าเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างแตกต่าง
ด้านการใช้งานอุปกรณ์ภายในเรียกว่าให้มาครบทั้งหน้าปัดแบบ Virtual Cockpit หน้าจอตรงกลางแบบ MMI ทัชสกรีน เวอร์ชันใหม่ล่าสุด เชื่อมต่อบูลทูธได้ รองรับสมาร์ทโฟนทั้ง Apple และ Android มีช่องต่อ USB ให้เสียบใช้งานได้ เบาะหลังสามารถขยับปรับเลื่อนตำแหน่งได้ ลูกเล่นอาจจะไม่ถึงกับล้นหลามแต่ครบถ้วนเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน
สำหรับคนที่เป็นกังวลเรื่องอัตราเร่ง หากดูเฉพาะตัวเลขขนาดความจุของเครื่องยนต์ที่มีเพียง 1.4 ลิตร เท่านั้น แต่หากได้มาลองขับแล้วกดคันเร่งแบบคิกดาวน์ รถพุ่งออกได้แบบมีแรงดึงเบาๆ ไม่มีอาการอีดแน่นอน ส่วนจังหวะเร่งแซงนั้น ยังมั่นใจได้ แม้จะไม่ถึงกับพุ่งพล่าน แต่ช่วงความเร็ว80-140 กม./ชม. เชื่อขนมกินได้ว่าแซงพ้นสบายๆ
ด้านการเก็บเสียงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องขอชมอาวดี้ออกนอกหน้า ด้วยรถในระดับราคาเช่นนี้ หากไม่นับรถประเภทไฮบริด คิว 3 จัดว่าเป็นรถที่ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีทีเดียว ขณะที่การนั่งทางด้านหลังนั้น มีพื้นที่กว้างเพียงพอในระดับที่ไม่ต้องห่วงว่าขาจะติดเหมือนคิว2 โดยเฉพาะรุ่นสปอร์ตแบ็คหลังคาลาดนั้น แทบไม่แตกต่างเมื่อต้องนั่งทางด้านหลัง รวมถึงการบรรจุของที่ใส่ได้พอๆ กัน ด้านท้ายเล็กกว่าเพียงนิดเดียว
ทั้งนี้การขับในคราวนี้เราได้มาพร้อมกันทั้ง 2 คัน เปรียบเทียบการขับแบบคันต่อคันแล้วสารภาพตามตรงว่า ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างอย่างมีนัยยะ ขับแล้วเหมือนกัน แม้ว่าตัวถังจะมีรูปทรงที่แตกต่าง และขนาดของล้อจะไม่เหมือนกัน เรียกว่าจ่ายเพิ่มขึ้นราว 3.5 แสนบาท สำหรับรุ่นสปอร์ตแบ็ค คุณจะได้รูปทรงสปอร์ตกับออพชันมากขึ้น สุดท้ายอยู่ที่ว่าชอบหรือไม่แค่นั้น
อัตราการบริโภคน้ำมัน วิ่งทางยาวๆ เราเห็นตัวเลขบนหน้าจอระบุ 14.7 กม./ลิตร ส่วนถ้าวิ่งในเมืองแบบรถติดตามมาตรฐานการจราจรไทยตัวเลขระบุ 7-8 กม./ลิตร ส่วนตัวเลขเฉลี่ยแบบระยะยาวที่รถคันของเราเก็บตัวเลขไว้ระบุ 9.7 กม./ลิตร ถือว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้
เหมาะกับใคร
ด้วยขนาดตัวถังและราคาค่าตัว 2.29-2.649 ล้านบาท ถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกับคู่แข่ง ตัดสินใจยาก สำหรับเศรษฐีที่จะซื้อรถคันแรกให้ลูกไว้ใช้งานสักคัน หรือหนุ่มสาววัยทำงานที่อยากลองใช้รถยุโรปคันแรก คิว 3 จัดเป็นการเริ่มต้นที่เหมาะสม ด้วยจุดเด่นคือการเป็นรถประกอบนอกทั้งคันภายใต้มาตรฐานอาวดี้ ส่วนจะเลือกระหว่างตัวเอสยูวีหรือสปอร์ตแบ็คนั้น ดูตามความชอบใจได้เลย
หนึ่งในสิ่งที่เป็นปัจจัยในความสำเร็จและได้รับการยอมรับจากลูกค้า คือ การมีสินค้าที่ดีและตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งอาวดี้ ประเทศไทย เข้าใจตรงจุดนี้เป็นอย่างดี จึงได้หาสินค้าที่น่าจะตอบโจทย์และกำหนดเป็นนโยบายสำคัญคือ การนำรถที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท เข้ามาจำหน่ายมากขึ้น และหนึ่งในโมเดลที่เป็นหัวหอกสำคัญของนโยบายนี้ได้แก่ Audi Q3 ที่มีการเปิดตัวพร้อมกันทั้งรุ่น SUV และ Sportback มาชมกันว่า อาวดี้ คิว3 ทั้งสองแบบตัวถังนี้ เป็นอย่างไรบ้าง ภายใต้มุมมองของทีมงาน เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง
150 แรงม้า ขับล้อหน้า
สิ่งสำคัญของอาวดี้ คิว3 ที่ต้องบอกกล่าวเป็นอย่างแรกคือ เรื่องของระบบขับเคลื่อนที่หันมาคบกับระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อหน้า ซึ่งจะทำให้ความรู้สึกในการขับขี่โดยรวมแตกต่างจากอาวดี้ รุ่นอื่นๆ ที่เป็นการขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง และจะแตกต่างอย่างมากกับรุ่นที่ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยจะกล่าวในช่วงของการทดลองขับ
ในส่วนของการออกแบบนั้นภายนอกเป็นรถเอสยูวี โดยมาทั้งแบบมาตรฐานและแบบท้ายลาดที่อาวดี้ เรียกว่ารุ่น Sportback ซึ่งทุกอย่างของ 2 รุ่นนี้จะเหมือนกัน แต่แตกต่างตรงรูปแบบตัวถังและออพชันที่ใส่ให้มา ซึ่งทำให้มีราคาแตกต่างกันด้วยเช่นกัน
สำหรับการทำตลาดในเมืองไทย เลือกรุ่นเครื่องยนต์แบบเดียวคือ เบนซิน 1.4 ลิตร เทอร์โบ ที่มีกำลังสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการขับเคลื่อนรถที่มีน้ำหนักตัวราว ตันครึ่งแบบนี้ได้อย่างสบายๆ โดยการส่งกำลังเลือกคบหากับเกียร์อัตโนมัติ S tronic 6 สปีด
อุปกรณ์ภายในมาเต็มด้วยหน้าปัดแบบ Virtual Cockpit ขนาด 10.25 นิ้ว จอแสดงผลรุ่นใหม่ล่าสุด MMI touch ขนาด 8.8 นิ้วที่ควบคุมและสั่งการด้วยปลายนิ้ว รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto โดยใช้งานระบบนำทางของ Google Maps ได้
เบาะนั่งสำหรับรุ่น Sportback จะเป็นเวอร์ชัน S line โดยมาพร้อมกับชุดแต่ง S line ทั้งคัน ขณะที่รุ่นเริ่มต้นในตัวถังแบบ SUVนั้นจะเป็นเบาะนั่งแบบธรรมดา ไม่มีชุดแต่ง และล้อแม็กในรุ่น Sportback จะมีขนาด 19 นิ้ว ต่างจากรุ่นเริ่มต้นที่ใช้ล้อขนาด 18 นิ้ว
ระบบความปลอดภัยมาตรฐานใส่มาครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ,ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบควบคุมการทรงตัว ESC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบล็อกเบรกขณะหยุดนิ่ง (Audi hold assist) และ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system)
เบา คล่องตัว เหมาะในเมือง
ความรู้สึกแรกหลังได้ลองขับเจ้าคิว3 คือ เบา ด้วยพวงมาลัยและการเป็นรถขับหน้า จังหวะในการเลี้ยวเข้าโค้งแตกต่างอย่างชัดเจนตั้งแต่โค้งแรก เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆของอาวดี้โดยเฉพาะคันที่ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ข้อดีคือ ช่วยให้การบังคับควบคุมง่ายขึ้น คุณผู้หญิงจะใช้งานได้อย่างเบามือ ส่วนข้อด้อยคือ ใครที่ชอบความรู้สึกเกาะโค้งแบบตุ๊กแกของอาวดี้นั้น อาจจะผิดหวังเบาๆ เมื่อมาลองคิว3
ส่วนช่วงล่างนั้น ยังคงความหนึบ หนักแน่น และดูดซับแรงสะเทือนได้เป็นอย่างดีตามแบบฉบับของอาวดี้ ยิ่งเมื่อวิ่งทางตรงยาวๆ ด้วยความเร็วสูง คุณจะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่า ทำไมเราต้องจ่ายเงินแพงกว่ารถญี่ปุ่นเพื่อซื้อรถยุโรป จุดเด่นนี้ยังคงสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ได้ลองอาวดี้แล้วส่วนมากจะกล้าตัดสินใจเลือกเพราะเหตุนี้
การใช้งานแบบวิ่งในเมือง ให้ความรู้สึกคล่องตัว ด้วยขนาดที่เรียกว่าอยู่ตรงกลางระหว่างคิว2 และคิว5 และถ้าเทียบกับคู่แข่งคือ จะใหญ่กว่า บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์1 กับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ และเล็กกว่า เอ็กซ์3 กับ จีแอลซี จึงถือว่าเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างแตกต่าง
ด้านการใช้งานอุปกรณ์ภายในเรียกว่าให้มาครบทั้งหน้าปัดแบบ Virtual Cockpit หน้าจอตรงกลางแบบ MMI ทัชสกรีน เวอร์ชันใหม่ล่าสุด เชื่อมต่อบูลทูธได้ รองรับสมาร์ทโฟนทั้ง Apple และ Android มีช่องต่อ USB ให้เสียบใช้งานได้ เบาะหลังสามารถขยับปรับเลื่อนตำแหน่งได้ ลูกเล่นอาจจะไม่ถึงกับล้นหลามแต่ครบถ้วนเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน
สำหรับคนที่เป็นกังวลเรื่องอัตราเร่ง หากดูเฉพาะตัวเลขขนาดความจุของเครื่องยนต์ที่มีเพียง 1.4 ลิตร เท่านั้น แต่หากได้มาลองขับแล้วกดคันเร่งแบบคิกดาวน์ รถพุ่งออกได้แบบมีแรงดึงเบาๆ ไม่มีอาการอีดแน่นอน ส่วนจังหวะเร่งแซงนั้น ยังมั่นใจได้ แม้จะไม่ถึงกับพุ่งพล่าน แต่ช่วงความเร็ว80-140 กม./ชม. เชื่อขนมกินได้ว่าแซงพ้นสบายๆ
ด้านการเก็บเสียงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องขอชมอาวดี้ออกนอกหน้า ด้วยรถในระดับราคาเช่นนี้ หากไม่นับรถประเภทไฮบริด คิว 3 จัดว่าเป็นรถที่ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีทีเดียว ขณะที่การนั่งทางด้านหลังนั้น มีพื้นที่กว้างเพียงพอในระดับที่ไม่ต้องห่วงว่าขาจะติดเหมือนคิว2 โดยเฉพาะรุ่นสปอร์ตแบ็คหลังคาลาดนั้น แทบไม่แตกต่างเมื่อต้องนั่งทางด้านหลัง รวมถึงการบรรจุของที่ใส่ได้พอๆ กัน ด้านท้ายเล็กกว่าเพียงนิดเดียว
ทั้งนี้การขับในคราวนี้เราได้มาพร้อมกันทั้ง 2 คัน เปรียบเทียบการขับแบบคันต่อคันแล้วสารภาพตามตรงว่า ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างอย่างมีนัยยะ ขับแล้วเหมือนกัน แม้ว่าตัวถังจะมีรูปทรงที่แตกต่าง และขนาดของล้อจะไม่เหมือนกัน เรียกว่าจ่ายเพิ่มขึ้นราว 3.5 แสนบาท สำหรับรุ่นสปอร์ตแบ็ค คุณจะได้รูปทรงสปอร์ตกับออพชันมากขึ้น สุดท้ายอยู่ที่ว่าชอบหรือไม่แค่นั้น
อัตราการบริโภคน้ำมัน วิ่งทางยาวๆ เราเห็นตัวเลขบนหน้าจอระบุ 14.7 กม./ลิตร ส่วนถ้าวิ่งในเมืองแบบรถติดตามมาตรฐานการจราจรไทยตัวเลขระบุ 7-8 กม./ลิตร ส่วนตัวเลขเฉลี่ยแบบระยะยาวที่รถคันของเราเก็บตัวเลขไว้ระบุ 9.7 กม./ลิตร ถือว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้
เหมาะกับใคร
ด้วยขนาดตัวถังและราคาค่าตัว 2.29-2.649 ล้านบาท ถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกับคู่แข่ง ตัดสินใจยาก สำหรับเศรษฐีที่จะซื้อรถคันแรกให้ลูกไว้ใช้งานสักคัน หรือหนุ่มสาววัยทำงานที่อยากลองใช้รถยุโรปคันแรก คิว 3 จัดเป็นการเริ่มต้นที่เหมาะสม ด้วยจุดเด่นคือการเป็นรถประกอบนอกทั้งคันภายใต้มาตรฐานอาวดี้ ส่วนจะเลือกระหว่างตัวเอสยูวีหรือสปอร์ตแบ็คนั้น ดูตามความชอบใจได้เลย