รถในตระกูล M ของ บีเอ็มดับเบิลยูนั้น เหล่าบิมเมอร์คงทราบกันดีอยู่แล้วว่านี่คือขีดสุดเวอร์ชันที่การันตีความแรงได้อย่างสุดขั้ว แต่สำหรับคนทั่วไปอาจจะยังไม่ทราบถึงความแตกต่าง รวมถึงบางรุ่นที่อยู่ในตระกูล M เหมือนกัน แต่รหัสต่อท้ายไม่เหมือนกันนั้น หากได้ลองแล้วจะพบว่า บุคลิกของรถนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ในคราวนี้ ทีมงานบีเอ็มดับเบิลยูได้จัดงาน BMW Track Day นำเอารถในตระกูล M มาให้ลองแบบเกือบครบทุกรุ่น รวมถึงได้ลองเปรียบเทียบกับเรือธงสายสปอร์ตอย่าง i8 Roadster ด้วยทำให้ความสนุกในคราวนี้ครบถ้วนจริงๆ ส่วนผลลัพธ์การขับขี่เป็นอย่างไรบ้างนั้น ติดตามกันได้
สำหรับรถที่บีเอ็มดับเบิลยูนำมาให้ทดลองขับในคราวนี้มีด้วยกัน 4 รุ่นได้แก่ M4 Competition , M4 CS Coupe , M5 และ i8 Roadster โดยจำลองสนามแข่งเพื่อให้สามารถทดสอบทุกโหมดการขับขี่สไตล์สปอร์ตครบถ้วนโดยเฉพาะในส่วนของระบบขับเคลื่อน M xDrive, ระบบช่วงล่าง Adaptive M
เทียบความต่าง xDrive – M xDrive
เริ่มต้นการทดลองขับด้วยการควบ บีเอ็มดับเบิลยู M5 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้ลองระบบ M xDrive ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อใหม่ ที่มีหลักการทำงานง่ายๆ คือ ส่งกำลังจากล้อหลัง ควบคู่กับการเพิ่มกำลังส่งจากล้อหน้า ในกรณีที่พละกำลังขับเคลื่อนจากล้อหลังไม่เพียงพอและต้องการแรงฉุดลากที่เพิ่มขึ้น แม้ในสภาวะการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบขับเคลื่อน M xDrive ก็ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมขุมพลังบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่นี้ ได้อย่างแม่นยำและง่ายดายยิ่งขึ้น
การขับเปรียบเทียบนั้นจะใช้การปรับโหมดการขับในบีเอ็มดับเบิลยู M5 ด้วยการเซ็ตอัพปุ่ม M1 และ M2 สีแดงสองปุ่ม ซึ่งอยู่ติดกับระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ทำให้การปรับเปลี่ยนการตั้งค่าระบบต่าง ๆ มีความสะดวกและง่ายจึ้น เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส
โดยสามารถตั้งได้ทั้ง ระบบ M xDrive ระบบควบคุมเสถียรภาพแบบไดนามิก (DSC) ระบบเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบระบายอากาศ ระบบการควบคุมพวงมาลัยไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งการตั้งค่ารูปแบบของการแสดงผลบน Head-Up Displayส่วนโหมดการขับขี่มาตรฐานมีให้เลือกใช้ 5 โหมดด้วยกัน
ผลลัพธ์หลังการขับแบบเป็นเลขแปดด้วยพละกำลังเต็มพิกัดพบว่า เมื่อเปิดการใช้งานแบบเต็มรูปแบบ M5 ควบคุมง่ายดายกว่าการปิดมาก การส่งแรงบิดและกำลังเพื่อให้รถไม่เสียการทรงตัวเป็นไปอย่างสมดุล ขับสนุก เรียกได้ว่า 600 แรงม้าที่อยู่ใต้ฝากระโปรงนั้น ได้ใช้งานอย่างเต็มที่
สำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ บรรจุเครื่องยนต์ M TwinPower Turbo แบบ V8 ความจุ 4.4 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 600 แรงม้า ที่ 5,600 – 6,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 5,600 รอบต่อนาที มาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 จังหวะ พร้อมระบบ Drivelogic อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.4 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ใน 11.1 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม.
บีเอ็มดับเบิลยู M5ราคาจำหน่าย: 13,339,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
หลังจากจบรอบ M5 ลงมาต่อด้วย บีเอ็มดับเบิลยู i8 Roadster ที่เรียกว่า เป็นการกระชากอารมณ์การขับแบบแตกต่างอย่างสิ้นเชิง โดยi8 Roadster เมื่อเทียบกับ M5 แล้ว กลายเป็นรถที่มีบุคลิกแบบผู้ดีไปในทันที แรงดึงไม่กระชากมาก แต่จะเด่นในเรื่องของการยึดเกาะและเข้าโค้งด้วยความสมดุลดีเยี่ยม
หัวใจสำคัญคือ การปรับเพิ่มกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าเป็น 143 แรงม้า (เพิ่มขึ้นจากเดิม 12 แรงม้า) และขยับขนาดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนโดยรวมจาก 7.1 เป็น 11.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยสามารถขับขี่ในตัวเมืองได้โดยไม่ปล่อยมลภาวะออกจากท่อไอเสียเป็นระยะทางสูงสุด 53 กิโลเมตร (EU test cycle)
ทั้งนี้ เฉพาะการขับด้วยไฟฟ้าล้วน(โหมด eDrive)สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดได้ถึง 105 กม./ชม. พัฒนาจากมอเตอร์ไฟฟ้าของรุ่นก่อนหน้าที่เร่งความเร็วได้สูงสุด 70 กม./ชม. ส่วน เครื่องยนต์มากับเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo เบนซิน 3 สูบ กำลัง 231 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.6 วินาที
บีเอ็มดับเบิลยู i8 Roadsterราคาจำหน่าย: 12,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard)
ต่างกันแค่ 10 แรงม้า เบากว่า30 กิโลกรัม แต่ค่าตัวห่างเกือบ3ล้านบาท
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญของงานในรอบนี้ คือ การได้ขับเปรียบเทียบแบบ รอบต่อรอบ ของ M4 Competition และ M4 CS Coupe ซึ่งหากมองแค่สเปกพื้นฐาน แรงม้าที่ต่างกันเพียง 10 แรงม้า และน้ำหนักตัวที่เบากว่ากันเพียง 30 กิโลกรัม แต่ค่าตัวนั้นห่างกันถึง 2,640,000 (M4 Competitionราคา 8,799,000 บาท M4 CS Coupeราคา 11,439,000 บาท)
สำหรับข้อมูลเบื้องต้น บีเอ็มดับเบิลยู M4 Competition มีรูปลักษณ์ในสไตล์ดุดัน หัวใจ M TwinPower Turbo 6 สูบขนาด 3.0 ลิตร กำลัง 450 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4 วินาที ความเร็วสูงสุด 280 กม./ชม. ระบบเกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ M ขนาด 20 นิ้ว
ส่วน บีเอ็มดับเบิลยู M4 CS Coupe เป็นรถยนต์รุ่นพิเศษในตระกูล M ผลิตขึ้นจำนวนจำกัด ขุมพลัง 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตรBMW M TwinPower Turbo กำลัง 460 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 280 กม./ชม. เกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ พร้อมระบบ Drivelogic เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วภายในเสี้ยววินาที ด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์ paddle shift บนพวงมาลัย
การตกแต่งภายในของบีเอ็มดับเบิลยู M4 CS Coupe จะแตกต่างจากรุ่น M4 Competitionด้วยเบาะที่นั่งน้ำหนักเบาแบบ M Sport หุ้มหนังแท้สลับ Alcantara พนักพิงหลังปรับความกว้างได้ เข็มขัดนิรภัยลาย M พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง Alcantara ดีไซน์ M พร้อมก้านเปลี่ยนเกียร์ มือดึงประตูเป็นเชือกพิเศษเพื่อลดน้ำหนักทำให้โดยรวมแล้วเบาลงกว่า 30 กิโลกรัม ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู M4 CS Coupe จะมีให้เลือกได้ในสีพิเศษจาก BMW Individual
ทั้งนี้เมื่อดูความแตกต่างของเครื่องยนต์และสเปกนั้นดูเหมือนไม่มากมาย แต่เมื่อได้ลองขับจริงจะพบว่า ทั้งสองคันนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง M4 CS Coupe ดุดันและพุ่งพล่านมากกว่า ตอบสนองทันใจและรุนแรงกว่าอย่างชัดเจน ยิ่งเมื่อเทียบกันในโหมด สปอร์ต แล้วเจ้าM4 CS Coupe แทบจะกระโจนทุกครั้งเมื่อกดคันเร่ง
ฉะนั้นความแตกต่างเพียง 10 แรงม้า แท้จริงแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู มีการเซ็ตอัพที่แตกต่างออกไป รวมถึงการปรับแต่งชุดประมวลผลเพื่อให้การขับขี่ที่ดุดันและเปรียบเสมือนรถแข่งในคราบของรถสปอร์ตธรรมดา ซึ่งหากไม่ได้ลองแบบเปรียบเทียบเช่นนี้ คุณจะไม่มีทางรู้ถึงความแตกต่างได้แบบง่ายๆ ดังนั้นอย่าแปลกใจหากมีใครยอมจ่ายเพิ่มเพื่อเจ้า M4 CS Coupe นั่นเป็นเพราะเขาทราบถึงความแตกต่างและจ่ายเพื่อความสุขและสนุกในแบบที่คันอื่นให้ไม่ได้นั่นเอง
บีเอ็มดับเบิลยู M4 Competitionราคาจำหน่าย: 8,799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู M4 CS Coupeราคาจำหน่าย: 11,439,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
ในคราวนี้ ทีมงานบีเอ็มดับเบิลยูได้จัดงาน BMW Track Day นำเอารถในตระกูล M มาให้ลองแบบเกือบครบทุกรุ่น รวมถึงได้ลองเปรียบเทียบกับเรือธงสายสปอร์ตอย่าง i8 Roadster ด้วยทำให้ความสนุกในคราวนี้ครบถ้วนจริงๆ ส่วนผลลัพธ์การขับขี่เป็นอย่างไรบ้างนั้น ติดตามกันได้
สำหรับรถที่บีเอ็มดับเบิลยูนำมาให้ทดลองขับในคราวนี้มีด้วยกัน 4 รุ่นได้แก่ M4 Competition , M4 CS Coupe , M5 และ i8 Roadster โดยจำลองสนามแข่งเพื่อให้สามารถทดสอบทุกโหมดการขับขี่สไตล์สปอร์ตครบถ้วนโดยเฉพาะในส่วนของระบบขับเคลื่อน M xDrive, ระบบช่วงล่าง Adaptive M
เทียบความต่าง xDrive – M xDrive
เริ่มต้นการทดลองขับด้วยการควบ บีเอ็มดับเบิลยู M5 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้ลองระบบ M xDrive ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อใหม่ ที่มีหลักการทำงานง่ายๆ คือ ส่งกำลังจากล้อหลัง ควบคู่กับการเพิ่มกำลังส่งจากล้อหน้า ในกรณีที่พละกำลังขับเคลื่อนจากล้อหลังไม่เพียงพอและต้องการแรงฉุดลากที่เพิ่มขึ้น แม้ในสภาวะการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบขับเคลื่อน M xDrive ก็ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมขุมพลังบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่นี้ ได้อย่างแม่นยำและง่ายดายยิ่งขึ้น
การขับเปรียบเทียบนั้นจะใช้การปรับโหมดการขับในบีเอ็มดับเบิลยู M5 ด้วยการเซ็ตอัพปุ่ม M1 และ M2 สีแดงสองปุ่ม ซึ่งอยู่ติดกับระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ทำให้การปรับเปลี่ยนการตั้งค่าระบบต่าง ๆ มีความสะดวกและง่ายจึ้น เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส
โดยสามารถตั้งได้ทั้ง ระบบ M xDrive ระบบควบคุมเสถียรภาพแบบไดนามิก (DSC) ระบบเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบระบายอากาศ ระบบการควบคุมพวงมาลัยไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งการตั้งค่ารูปแบบของการแสดงผลบน Head-Up Displayส่วนโหมดการขับขี่มาตรฐานมีให้เลือกใช้ 5 โหมดด้วยกัน
ผลลัพธ์หลังการขับแบบเป็นเลขแปดด้วยพละกำลังเต็มพิกัดพบว่า เมื่อเปิดการใช้งานแบบเต็มรูปแบบ M5 ควบคุมง่ายดายกว่าการปิดมาก การส่งแรงบิดและกำลังเพื่อให้รถไม่เสียการทรงตัวเป็นไปอย่างสมดุล ขับสนุก เรียกได้ว่า 600 แรงม้าที่อยู่ใต้ฝากระโปรงนั้น ได้ใช้งานอย่างเต็มที่
สำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ บรรจุเครื่องยนต์ M TwinPower Turbo แบบ V8 ความจุ 4.4 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 600 แรงม้า ที่ 5,600 – 6,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 5,600 รอบต่อนาที มาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 จังหวะ พร้อมระบบ Drivelogic อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.4 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ใน 11.1 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม.
บีเอ็มดับเบิลยู M5ราคาจำหน่าย: 13,339,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
หลังจากจบรอบ M5 ลงมาต่อด้วย บีเอ็มดับเบิลยู i8 Roadster ที่เรียกว่า เป็นการกระชากอารมณ์การขับแบบแตกต่างอย่างสิ้นเชิง โดยi8 Roadster เมื่อเทียบกับ M5 แล้ว กลายเป็นรถที่มีบุคลิกแบบผู้ดีไปในทันที แรงดึงไม่กระชากมาก แต่จะเด่นในเรื่องของการยึดเกาะและเข้าโค้งด้วยความสมดุลดีเยี่ยม
หัวใจสำคัญคือ การปรับเพิ่มกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าเป็น 143 แรงม้า (เพิ่มขึ้นจากเดิม 12 แรงม้า) และขยับขนาดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนโดยรวมจาก 7.1 เป็น 11.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยสามารถขับขี่ในตัวเมืองได้โดยไม่ปล่อยมลภาวะออกจากท่อไอเสียเป็นระยะทางสูงสุด 53 กิโลเมตร (EU test cycle)
ทั้งนี้ เฉพาะการขับด้วยไฟฟ้าล้วน(โหมด eDrive)สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดได้ถึง 105 กม./ชม. พัฒนาจากมอเตอร์ไฟฟ้าของรุ่นก่อนหน้าที่เร่งความเร็วได้สูงสุด 70 กม./ชม. ส่วน เครื่องยนต์มากับเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo เบนซิน 3 สูบ กำลัง 231 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.6 วินาที
บีเอ็มดับเบิลยู i8 Roadsterราคาจำหน่าย: 12,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard)
ต่างกันแค่ 10 แรงม้า เบากว่า30 กิโลกรัม แต่ค่าตัวห่างเกือบ3ล้านบาท
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญของงานในรอบนี้ คือ การได้ขับเปรียบเทียบแบบ รอบต่อรอบ ของ M4 Competition และ M4 CS Coupe ซึ่งหากมองแค่สเปกพื้นฐาน แรงม้าที่ต่างกันเพียง 10 แรงม้า และน้ำหนักตัวที่เบากว่ากันเพียง 30 กิโลกรัม แต่ค่าตัวนั้นห่างกันถึง 2,640,000 (M4 Competitionราคา 8,799,000 บาท M4 CS Coupeราคา 11,439,000 บาท)
สำหรับข้อมูลเบื้องต้น บีเอ็มดับเบิลยู M4 Competition มีรูปลักษณ์ในสไตล์ดุดัน หัวใจ M TwinPower Turbo 6 สูบขนาด 3.0 ลิตร กำลัง 450 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4 วินาที ความเร็วสูงสุด 280 กม./ชม. ระบบเกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ M ขนาด 20 นิ้ว
ส่วน บีเอ็มดับเบิลยู M4 CS Coupe เป็นรถยนต์รุ่นพิเศษในตระกูล M ผลิตขึ้นจำนวนจำกัด ขุมพลัง 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตรBMW M TwinPower Turbo กำลัง 460 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 280 กม./ชม. เกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ พร้อมระบบ Drivelogic เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วภายในเสี้ยววินาที ด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์ paddle shift บนพวงมาลัย
การตกแต่งภายในของบีเอ็มดับเบิลยู M4 CS Coupe จะแตกต่างจากรุ่น M4 Competitionด้วยเบาะที่นั่งน้ำหนักเบาแบบ M Sport หุ้มหนังแท้สลับ Alcantara พนักพิงหลังปรับความกว้างได้ เข็มขัดนิรภัยลาย M พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง Alcantara ดีไซน์ M พร้อมก้านเปลี่ยนเกียร์ มือดึงประตูเป็นเชือกพิเศษเพื่อลดน้ำหนักทำให้โดยรวมแล้วเบาลงกว่า 30 กิโลกรัม ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู M4 CS Coupe จะมีให้เลือกได้ในสีพิเศษจาก BMW Individual
ทั้งนี้เมื่อดูความแตกต่างของเครื่องยนต์และสเปกนั้นดูเหมือนไม่มากมาย แต่เมื่อได้ลองขับจริงจะพบว่า ทั้งสองคันนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง M4 CS Coupe ดุดันและพุ่งพล่านมากกว่า ตอบสนองทันใจและรุนแรงกว่าอย่างชัดเจน ยิ่งเมื่อเทียบกันในโหมด สปอร์ต แล้วเจ้าM4 CS Coupe แทบจะกระโจนทุกครั้งเมื่อกดคันเร่ง
ฉะนั้นความแตกต่างเพียง 10 แรงม้า แท้จริงแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู มีการเซ็ตอัพที่แตกต่างออกไป รวมถึงการปรับแต่งชุดประมวลผลเพื่อให้การขับขี่ที่ดุดันและเปรียบเสมือนรถแข่งในคราบของรถสปอร์ตธรรมดา ซึ่งหากไม่ได้ลองแบบเปรียบเทียบเช่นนี้ คุณจะไม่มีทางรู้ถึงความแตกต่างได้แบบง่ายๆ ดังนั้นอย่าแปลกใจหากมีใครยอมจ่ายเพิ่มเพื่อเจ้า M4 CS Coupe นั่นเป็นเพราะเขาทราบถึงความแตกต่างและจ่ายเพื่อความสุขและสนุกในแบบที่คันอื่นให้ไม่ได้นั่นเอง
บีเอ็มดับเบิลยู M4 Competitionราคาจำหน่าย: 8,799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู M4 CS Coupeราคาจำหน่าย: 11,439,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)