xs
xsm
sm
md
lg

ชิมลาง “อีซูซุ มิว-เอ็กซ์” นุ่มขึ้น ปลอดภัย-ไฮเทคจัดเต็ม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

หลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ (MU-X) เจเนอเรชันใหม่ล่าสุดเพียงหนึ่งวัน ทีมงานอีซูซุได้เชิญให้บรรดาสื่อมวลชนได้มีโอกาสสัมผัสและทดลองขับ พีพีวี รุ่นใหม่ล่าสุดกันแบบพิเศษ อาจจะไม่ได้ขับเต็มที่แต่ก็เพียงพอที่จะทราบถึงบุคลิกต่างๆ ของตัวรถที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ติดตามกันดู




ใหม่ทั้งคัน ออพชันจัดเต็ม


อีซูซุ ชูไฮไลท์ของ มิว-เอ็กซ์ ด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยล้ำสมัยในชื่อ ISUZU MATRIX SAFETY INTELLIGENCE ครบครัน ได้แก่ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance System) ที่มาพร้อมกล้องหน้าคู่อัจฉริยะ 3D Imaging Stereo Camera ช่วยตรวจจับวัตถุต่าง ๆ ด้วยการสแกนภาพ 3 มิติ แบบ Real Time แม่นยำกว่ากล้องระบบ Mono Camera ทั่วไป โดยทำงานร่วมกับเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน


ทั้งนี้ ADAS จะประกอบไปด้วย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go ACC (Full Speed Range Adaptive Cruise Control), ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้าFCW (Forward Collision Warning), ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking), ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลนLDW (Lane Departure Warning)


ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติAHB (Automatic High Beam) , ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาดPMM (Pedal Misapplication Mitigation), ระบบตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเองMSL (Manual Speed Limiter), ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาBSM (Blind Spot Monitoring), ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert), ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดรถยนต์ Parking Aid Systemและ ระบบเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนMCB (Multi-Collision Brake)


ส่วนเทคโนโลยีความปลอดภัยพื้นฐานยังมีอย่างครบถ้วน เช่น ระบบป้องกันล้อล็อก(ABS)พร้อมระบบเสริมแรงเบรก (BA) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) , ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว (TCS), ระบบควบคุมการทรงตัวขณะขับขี่ (ESC), ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย (TSC), ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก(BOS), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน(HSA), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน(HDC) และ SRS Airbags 6 ตำแหน่ง


สำหรับโครงสร้างของรถนั้นมากับแพลทฟอร์มที่ออกแบบใหม่ ด้วยแนวคิด ISUZU Symmetric Mobility ให้โครงสร้างตัวถัง, แชสซีส์, เครื่องยนต์ และช่วงล่างทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว โดยโครงสร้างตัวถังเสริมเหล็ก Ultra-High Tensile การวางตำแหน่งเครื่องยนต์เยื้องหลังเพลาหน้า แบบ Semi-Midship กระจายน้ำหนักดีขึ้น




ช่วงล่างเปลี่ยนใหม่ใช้คอยล์สปริงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone และเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบ 5-Link Suspension พร้อมเหล็กกันโคลง ซึ่งทำให้ความรู้สึกในการขับขี่นั้นแตกต่างไปจากโฉมก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง





เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 190 แรงม้า


เครื่องยนต์ยังมากับ 2 ทางเลือกเช่นเดียวกับรุ่นดี-แมคซ์ ได้แก่ ดีเซลขนาด 3.0 Ddi Blue Power กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่มาพร้อมโหมด Rev Tronic และSequential Paddle Shift และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้เลือก




ส่วนระบบขับเคลื่อนมีให้ทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ โดยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นแบบ Part Time ปรับเปลี่ยนด้วยไฟฟ้า ควบคุมผ่านสวิตช์ Terrain Command และมีระบบ Rough Terrain Mode ให้เลือกใช้งานเพิ่มขึ้นอีกด้วย


ออพชันภายนอกมีเพิ่มขึ้น เช่น ไฟหน้า Bi-LED Projector ดีไซน์แบบ Arrow Signature ดูหรูหรา, ไฟตัดหมอก LED (ในรุ่น Luxury ขึ้นไป), ไฟท้าย LED ดีไซน์แบบ Winglet Signature เพิ่มมิติมุมมองด้วยโคมไฟแบบ 3-Line LED ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ดีไซน์ใหม่ ขนาด 20” ในรุ่น Ultimate, ขนาด 18” ในรุ่น Luxury และ Elegant และ ขนาด 17” ในรุ่น Active




ภายในได้รับการออกแบบใหม่ คอนโซลหน้าเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับคอนโซลกลาง พร้อมเบรกมือไฟฟ้า และระบบ Auto BrakeHold ระบบช่วยหยุดอยู่กับที่โดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้และปลดเบรกอัตโนมัติเมื่อแตะคันเร่ง, ไฟในห้องโดยสารใหม่ Ambient Light และ Dome Light, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อม Sequential Paddle Shiftเปลี่ยนเกียร์ได้เพียงปลายนิ้ว




เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ฝั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง และเบาะฝั่งผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง ดีไซน์หรูสี Saddle Brown ตัดเย็บด้วยวัสดุพิเศษโอบกระชับ พร้อมเทคโนโลยี COOLMAXช่วยลดการสะสมความร้อน ส่วนระบบความบันเทิง ติดตั้งหน้าจอInfotainment Display ขนาดใหญ่ 9 นิ้ว รองรับ AppleCarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย(เฉพาะสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับการใช้งาน) พร้อมลำโพง 8 จุดให้มิติเสียงรอบทิศทาง

เบาะหลังกว้างขวาง
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone แยกอิสระซ้าย-ขวาพร้อมฟิลเตอร์กรองฝุ่น PM 2.5 , ช่องCharging Station รองรับการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าหลากหลาย ทั้ง USB Fast Charger ช่องต่อ AC Power Socket 220Vและช่องต่อ DC 12V, ระบบเปิด-ปิดประตูท้ายด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบJam Protection, กุญแจ ISUZU Genius Entry สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วย Remote Engine Start และใช้เปิด-ปิดประตูท้ายไฟฟ้า



เบาะนั่งแถวที่สามเข้าออกสะดวก

เบาะแบบ coolmax ไม่อมความร้อน

เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าแล้ว

ที่เสียบ USB 2 ช่องคู่

ที่เสียบปลั๊กอเนกประสงค์

แผงข้างประตูดูหรูหรามากขึ้น

ปุ่มปรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ งานละเอียดดูหรู

ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศเน้นความหรูหราเช่นเดียวกัน

หน้าจอขนาดใหญ่ พร้อมตัวอักษรขนาดใหญ่อ่านง่าย

ช่องเก็บของด้านหน้ามีที่ใส่CDซ่อนอยู่

คอนโซลกลางเป็นชิ้นเดียวกับคอนโซลหน้า

มาตรวัดใหม่ พร้อมจอแสดงผล

สามารถตั้งค่าระบบช่วยในการขับขี่ได้ด้วยปลายนิ้วสัมผัส

กระจกแต่งหน้าพร้อมไฟส่องสว่าง

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ปรับระยะห่างได้


นุ่มขึ้น มั่นใจมากขึ้น


สำหรับการขับขี่ในครั้งนี้ จัดขึ้นในสนามทดสอบยางรถยนต์แห่งหนึ่ง โดยให้ขับ 2 รอบสนามและลองขับบนพื้นผิวถนนจำลองรวมถึงการขับแบบเข้าโค้งแรงได้ด้วย ซึ่งความรู้สึกที่เราต้องบอกหลังขับเสร็จคือ ความนุ่มนวลที่มากขึ้นกว่ารุ่นเดิมแบบชัดเจน และไม่ยวบหรือโครงจนเวียนหัว ตามสไตล์ของรถที่เซ็ตช่วงล่างเน้นความนุ่ม เรียกว่า มิว-เอ็กซ์ โฉมนี้ อีซูซุ ทำการบ้านมาดี เซ็ตช่วงล่างมาให้สู้กับรถยนต์ได้อย่างสบาย




รอบแรกที่เราขับนั้นถนนแห้ง ความรู้สึกในการควบคุมพวงมาลัยค่อนข้างเบามือกว่าเดิม แต่จะหน่วงหนักขึ้นเมื่อขับด้วยความเร็วสูง กดคันเร่งแบบหนักเท้า ความเร็วตอบสนองทันใจดี ไม่ว่าจะเป็นจังหวะออกตัวหรือเร่งแซงในย่าน 80-140 กม./ชม. (คันที่ขับเป็นรุ่น 3.0 ลิตร) การป้องกันเสียงจากภายนอกรู้สึกว่าเงียบกว่าเดิม เสียงลมประทะดังน้อยลง จะมีก็แต่เสียงดังของเครื่องยนต์ที่ยังคงได้ยินแบบเป็นเอกลักษณ์


ความเร็วสูงสุดที่เราขับในรอบนี้แตะที่ 180 กม./ชม. ขับได้อย่างมั่นใจ ไม่รู้สึกว่าสั่นโคลง ตัวรถนิ่งดี ขณะที่บางท่านสามารถขับไปแตะที่ระดับ 200 กม./ชม. ได้แม้จะมีระยะทางไม่ยาวนัก ส่วนการขับผ่านผิวถนนจำลองที่ขรุขระและเป็นรอยต่อถนนนั้น มิว-เอ็กซ์ดูดซับแรงสะเทือนได้ดี อาการโยนตัวน้อยลงกว่าเดิม ขณะที่การเข้าโค้งแรงๆ ตัวรถทรงตัวได้ดีในระดับที่ใช้คำว่า ประทับใจ ได้


ทั้งนี้หลังขับเสร็จ เรามีโอกาสได้ทดลองนั่งเป็นผู้โดยสารแถวที่สองอีกครั้ง แต่จะต่างจากรอบแรกตรงที่รอบนี้ฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้พื้นผิวมีน้ำท่วมในบางจุด คนขับไม่สามารถใช้ความเร็วได้เหมือนกับรอบแรกที่เราขับ แต่จะได้ความรู้สึกอีกแบบหนึ่งแทน ซึ่งการนั่งทางด้านหลังนั้น ทำให้เราฟันธงได้อย่างมั่นใจเต็มร้อยเปอร์เซนต์ว่า อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ นุ่มนวลขึ้น และตัวรถทรงตัวดีกว่าเดิม เหวี่ยงน้อยลงเมื่อเข้าโค้ง เราไม่มีอาการเวียนหัวแต่อย่างใด




ส่วนอัตราการบริโภคน้ำมันนั้นไม่ได้มีการจับตัวเลขจึงไม่สามารถนำเสนอได้


อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ใหม่ มากับ 4 รุ่นย่อย ได้แก่ Ultimate, Elegant, Luxuryและ Active พร้อมราคาพิเศษช่วงแนะนำเริ่มต้น 1,109,000 บาท ซึ่งถือว่าขยับราคาเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย และหากเทียบกับสิ่งได้เพิ่มขึ้นมา แค่คำว่า คุ้มค่า คงไม่เพียงพอ ทำนายไว้ตรงนี้ได้เลยว่า ยอดขายของ พีพีวี ในกลุ่มผู้นำตลาดต้องมีการสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน




เหมาะกับใคร


คนที่รักความสบายในการเดินทาง อีซูซุ ได้สร้าง มิว-เอ็กซ์ โฉมนี้ขึ้นมาเพื่อเอาใจคนกลุ่มนี้แบบชัดเจน เน้นในเรื่องของความนุ่มนวลเป็นหลัก พร้อมกับการจัดเต็มระบบเสริมความปลอดภัยมาให้ ในราคาที่จับต้องได้ไม่ต้องปีนตึก และยังมั่นใจได้ในเรื่องบริการหลังการขาย บอกได้คำเดียวว่า แม้คันเก่ายังใช้ได้ดี ก็ต้องซื้อคันใหม่ เพราะเดี๋ยวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง
















กำลังโหลดความคิดเห็น