มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จัดโครงการ “Mazda Caravan ปันสุข” นำคาราวานรถยนต์มาสด้าสีแดง โซล เรด ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทุกรุ่น ส่งมอบความสุขผ่านอุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬา และมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนที่ขาดแคลนในจังหวัดต่างๆ ทั้ง 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้การดำเนินธุรกิจของมาสด้าในประเทศไทย ประสบความสำเร็จดังเช่นทุกวันนี้ เป็นเพราะการนำรถยนต์ที่ดีที่สุดอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี และการออกแบบอย่างสง่างาม จนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย
ดังนั้น มาสด้าจึงมีความปรารถนาที่จะส่งมอบสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคมและพี่น้องชาวไทย ผ่านโครงการเพื่อสังคมต่างๆ เพื่อให้การช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น ตามแผนพัฒนาสู่ความยั่งยืน “Sustainable Zoom-Zoom 2030” ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ระยะยาวที่มาสด้าให้ความสำคัญมาโดยตลอด
“ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของมาสด้าอีกครั้ง เราจึงได้เดินหน้าจัดกิจกรรม “MAZDA CARAVAN ปันสุข” โดยจัดเป็นคาราวานรถยนต์มาสด้าสีแดง โซล เรด ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทุกรุ่น ส่งมอบอุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬาและทุนการศึกษา ให้แก่เด็กนักเรียนและประชาชนผู้เดือดร้อน”
สำหรับ ขบวน “MAZDA CARAVAN ปันสุข” จะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้า ในจังหวัดต่างๆ ทั้ง 4 ภูมิภาคด้วยกัน โดยเริ่มจาก จันทบุรี ขอนแก่น เชียงใหม่ กระบี่และหาดใหญ่ ตามลำดับ โดยจะใช้รถ Mazda MX-5, Mazda2, Mazda3, Mazda CX-30, Mazda CX-3, Mazda CX-5 และ Mazda CX-8 สีแดงโซลเรดทั้งหมดทุกคันในกิจกรรมนี้
ภารกิจแรกกับการเดินทางไปจังหวัดจันทบุรี เราได้รับเลือกให้ Mazda3 รุ่น 5 ประตู เป็นพาหนะคู่ใจตลอดทริปนี้ทั้งไปและกลับ โดยเริ่มต้นจากการใช้งานในเมืองที่ต้องบอกว่า คล่องตัวจากขนาดกระทัดรัด ไม่ใหญ่จนเกินไป ทำให้สามารถหาที่จอดได้ง่าย โดยขบวนคาราวานนัดออกเดินทางพร้อมกันที่คริสตัล พาร์ค และขับไปแบบฟรีรัน
เราเลือกใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ ทำให้สามารถทำความเร็วในการเดินทางได้ดี จุดเด่นที่สุดของ Mazda3 ที่เราสัมผัสได้จากการขับในรอบนี้คือ ความสนุก ทั้งอัตราเร่งและจังหวะในการเปลี่ยนเลน ที่ตอบสนองได้อย่างตรงใจ การเกาะถนนที่มั่นใจจากช่วงล่างชุดใหม่ รวมถึงความเงียบในห้องโดยสารที่เทียบกับรถในระดับเดียวกันแล้วมาสด้าไม่ด้อยกว่าใคร
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ Mazda3 โดดเด่นเป็นพิเศษคือ คุณภาพของวัสดุภายในที่ให้ความรู้สึกหรูหราและพรีเมี่ยม จุดสัมผัสต่างๆ นุ่มนวล หนังนิ่ม แต่จะมีในส่วนของขนาดพื้นที่ในห้องโดยสาร ทั้งด้านหน้าและด้านหลังที่จะให้ความรู้สึกว่า พอดีตัว ไม่ได้มีพื้นที่กว้างขวางหรือเหลือเฟือแต่อย่างใด ยิ่งถ้าเป็นคนตัวใหญ่อาจจะรู้สึกว่าแคบโดยเฉพาะการนั่งทางด้านเบาะหลัง ส่วนหนึ่งมาจากการออกแบบตามสไตล์สปอร์ตของมาสด้า
ความเร็วที่เราใช้ในการเดินทางรอบนี้อยู่ระหว่าง 100-120 กม. ตามที่กฎหมายกำหนด แต่อาจจะมีบ้างในจังหวะเร่งแซงที่ทำความเร็วไปแถวๆ 140 กม./ชม. เพื่อให้แซงทันเวลา ตัวรถทรงตัวดีมาก ให้ความรู้สึกที่หนึบแม้จะขับด้วยความเร็วสูง น่าจะตรงใจคนชอบความสนุกสนานในการขับขี่
การขับขี่ในช่วงถนนของจังหวัดจันทบุรีที่มีโค้งมากมาย ทั้งขึ้นเนินและลงเนิน ทำให้เราได้รับรู้ถึงสมรรถนะในการบังคับควบคุมพวงมาลัยที่แม่นยำ และระบบช่วงล่างที่เกาะหนึบเวลาเลี้ยวเข้าโค้ง ให้ความสนุกในการขับขี่แบบสิบเต็มสิบคะแนนได้เลย
ทั้งนี้ยังมีในส่วนของระบบเสริมความปลอดภัยที่ Mazda3 จัดมาให้เต็มพิกัด เช่น ระบบเตือนการออกนอกเลน ที่ได้ใช้งานบ่อยที่สุด โดยจะมีแรงดึงพวงมาลัยเบาๆ ไม่หน่วงมาก แต่รู้สึกได้ หากเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว และอีกหนึ่งระบบที่บางท่านอาจจะไม่ชอบ แต่เรารู้สึกว่าดีคือ i-Stop ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ เพื่อช่วยลดมลพิษและลดการใช้เชื้อเพลิง
สำหรับอัตราการบริโภคน้ำมันของ Mazda3 ในการขับคราวนี้รวมระยะทางทางทั้งวิ่งจากกรุงเทพฯ-จันทบุรีและวิ่งในเมืองจันทบุรี เป็นระยะทางกว่า 500 กม. ก่อนการเติมน้ำมัน ตามการแสดงผลบนหน้าจอระบุค่าเฉลี่ยราว 11 กม./ลิตร ถือว่ายอมรับได้กับการขับโดยใช้ความเร็วแบบนี้
บทสรุปสั้นๆ ถ้าคุณชอบความกว้างในห้องโดยสาร มาสด้า ไม่ตอบโจทย์แบบนั้น แต่ถ้าคุณชอบความสนุกสนานในการขับขี่ Mazda3 ชนะเลิศในหัวข้อนี้
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้การดำเนินธุรกิจของมาสด้าในประเทศไทย ประสบความสำเร็จดังเช่นทุกวันนี้ เป็นเพราะการนำรถยนต์ที่ดีที่สุดอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี และการออกแบบอย่างสง่างาม จนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย
ดังนั้น มาสด้าจึงมีความปรารถนาที่จะส่งมอบสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคมและพี่น้องชาวไทย ผ่านโครงการเพื่อสังคมต่างๆ เพื่อให้การช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น ตามแผนพัฒนาสู่ความยั่งยืน “Sustainable Zoom-Zoom 2030” ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ระยะยาวที่มาสด้าให้ความสำคัญมาโดยตลอด
“ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของมาสด้าอีกครั้ง เราจึงได้เดินหน้าจัดกิจกรรม “MAZDA CARAVAN ปันสุข” โดยจัดเป็นคาราวานรถยนต์มาสด้าสีแดง โซล เรด ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทุกรุ่น ส่งมอบอุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬาและทุนการศึกษา ให้แก่เด็กนักเรียนและประชาชนผู้เดือดร้อน”
สำหรับ ขบวน “MAZDA CARAVAN ปันสุข” จะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้า ในจังหวัดต่างๆ ทั้ง 4 ภูมิภาคด้วยกัน โดยเริ่มจาก จันทบุรี ขอนแก่น เชียงใหม่ กระบี่และหาดใหญ่ ตามลำดับ โดยจะใช้รถ Mazda MX-5, Mazda2, Mazda3, Mazda CX-30, Mazda CX-3, Mazda CX-5 และ Mazda CX-8 สีแดงโซลเรดทั้งหมดทุกคันในกิจกรรมนี้
ภารกิจแรกกับการเดินทางไปจังหวัดจันทบุรี เราได้รับเลือกให้ Mazda3 รุ่น 5 ประตู เป็นพาหนะคู่ใจตลอดทริปนี้ทั้งไปและกลับ โดยเริ่มต้นจากการใช้งานในเมืองที่ต้องบอกว่า คล่องตัวจากขนาดกระทัดรัด ไม่ใหญ่จนเกินไป ทำให้สามารถหาที่จอดได้ง่าย โดยขบวนคาราวานนัดออกเดินทางพร้อมกันที่คริสตัล พาร์ค และขับไปแบบฟรีรัน
เราเลือกใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ ทำให้สามารถทำความเร็วในการเดินทางได้ดี จุดเด่นที่สุดของ Mazda3 ที่เราสัมผัสได้จากการขับในรอบนี้คือ ความสนุก ทั้งอัตราเร่งและจังหวะในการเปลี่ยนเลน ที่ตอบสนองได้อย่างตรงใจ การเกาะถนนที่มั่นใจจากช่วงล่างชุดใหม่ รวมถึงความเงียบในห้องโดยสารที่เทียบกับรถในระดับเดียวกันแล้วมาสด้าไม่ด้อยกว่าใคร
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ Mazda3 โดดเด่นเป็นพิเศษคือ คุณภาพของวัสดุภายในที่ให้ความรู้สึกหรูหราและพรีเมี่ยม จุดสัมผัสต่างๆ นุ่มนวล หนังนิ่ม แต่จะมีในส่วนของขนาดพื้นที่ในห้องโดยสาร ทั้งด้านหน้าและด้านหลังที่จะให้ความรู้สึกว่า พอดีตัว ไม่ได้มีพื้นที่กว้างขวางหรือเหลือเฟือแต่อย่างใด ยิ่งถ้าเป็นคนตัวใหญ่อาจจะรู้สึกว่าแคบโดยเฉพาะการนั่งทางด้านเบาะหลัง ส่วนหนึ่งมาจากการออกแบบตามสไตล์สปอร์ตของมาสด้า
ความเร็วที่เราใช้ในการเดินทางรอบนี้อยู่ระหว่าง 100-120 กม. ตามที่กฎหมายกำหนด แต่อาจจะมีบ้างในจังหวะเร่งแซงที่ทำความเร็วไปแถวๆ 140 กม./ชม. เพื่อให้แซงทันเวลา ตัวรถทรงตัวดีมาก ให้ความรู้สึกที่หนึบแม้จะขับด้วยความเร็วสูง น่าจะตรงใจคนชอบความสนุกสนานในการขับขี่
การขับขี่ในช่วงถนนของจังหวัดจันทบุรีที่มีโค้งมากมาย ทั้งขึ้นเนินและลงเนิน ทำให้เราได้รับรู้ถึงสมรรถนะในการบังคับควบคุมพวงมาลัยที่แม่นยำ และระบบช่วงล่างที่เกาะหนึบเวลาเลี้ยวเข้าโค้ง ให้ความสนุกในการขับขี่แบบสิบเต็มสิบคะแนนได้เลย
ทั้งนี้ยังมีในส่วนของระบบเสริมความปลอดภัยที่ Mazda3 จัดมาให้เต็มพิกัด เช่น ระบบเตือนการออกนอกเลน ที่ได้ใช้งานบ่อยที่สุด โดยจะมีแรงดึงพวงมาลัยเบาๆ ไม่หน่วงมาก แต่รู้สึกได้ หากเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว และอีกหนึ่งระบบที่บางท่านอาจจะไม่ชอบ แต่เรารู้สึกว่าดีคือ i-Stop ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ เพื่อช่วยลดมลพิษและลดการใช้เชื้อเพลิง
สำหรับอัตราการบริโภคน้ำมันของ Mazda3 ในการขับคราวนี้รวมระยะทางทางทั้งวิ่งจากกรุงเทพฯ-จันทบุรีและวิ่งในเมืองจันทบุรี เป็นระยะทางกว่า 500 กม. ก่อนการเติมน้ำมัน ตามการแสดงผลบนหน้าจอระบุค่าเฉลี่ยราว 11 กม./ลิตร ถือว่ายอมรับได้กับการขับโดยใช้ความเร็วแบบนี้
บทสรุปสั้นๆ ถ้าคุณชอบความกว้างในห้องโดยสาร มาสด้า ไม่ตอบโจทย์แบบนั้น แต่ถ้าคุณชอบความสนุกสนานในการขับขี่ Mazda3 ชนะเลิศในหัวข้อนี้