ล่าสุดกับการเปิดตัวรุ่น GLC 300e 4MATIC AMG Dynamic โฉมประกอบในประเทศไทย ที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เคาะราคาออกมาได้อย่างน่าสนใจมากที่ 3,749,000 บาท โดยรถรุ่นนี้เป็นแบบ PHEV ซึ่งหากไม่มีวิกฤตโควิด-19 เชื่อมั่นว่าเราจะได้ขับรถรุ่นนี้หลังเปิดตัวไม่นาน อย่างไรก็ตามแม้จะช้าไปบ้างแต่น่าจะยังทันท่วงทีก่อนที่ทุกท่านจะตัดสินใจ ....มาชมกันว่าเจ้าPHEV คันนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
PHEV สเปกเต็มครบ
การออกแบบภายนอกยังเหมือนเดิมแต่มีจุดที่เปลี่ยนไปหลายรายการเช่น ไฟหน้าเปลี่ยนเป็นแบบมัลติบีม แอลอีดี ที่มีระบบปรับไฟสูง แบบอัตโนมัติ AHA, ระบบปรับโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ALS, ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง Cornering Light, ระบบไฟสูง ULTRA RANGE Highbeam ระยะส่องสว่างไกลถึง 650 เมตรและไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL ส่วนล้อแม็กเปลี่ยนเป็นลาย 5 ก้าน ขนาด 20 นิ้ว
สำหรับการตกแต่งภายในมากับเบาะนั่งคู่หน้าทรงสปอร์ตปรับไฟฟ้า หุ้มด้วยหนัง ARTICO พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันโดยมีแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ Galvanized หน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และAmbient Light ปรับได้ 64 สี
ส่วนหัวใจระบบมัลติมีเดียควบคุมด้วยระบบ MBUX หรือ Mercedes-Benz User Experience แบบใหม่ หน้าจอขนาด 10.25 นิ้ว สามารถเริ่มต้นสั่งการด้วยเสียง “Hey Mercedes” ระบบเสียงรอบทิศทางจาก Burmester พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play และ Android Auto
หัวใจเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ กำลังสูงสุด 211 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร และจากมอเตอร์ไฟฟ้า 122 แรงม้า 440 นิวตันเมตร ทั้งนี้ เมื่อผสานกันได้กำลังสูงสุด 320 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4Matic ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนขนาดความจุ 13.5 kWh ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.4 วินาที
ด้านระบบความปลอดภัย มาครบทั้ง เบรก ABS, BA, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP, ระบบเบรก Adaptive Brake พร้อมฟังก์ชั่น HOLD, ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า Active Distance DISTRONIC, ระบบจำกัดความเร็ว Speedtronic, ระบบเตือนแรงดันลมยาง Tyre Pressure lose warning, ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Attention Assist, เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด Parktronic, ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist, กล้องมองภาพขณะถอยจอด, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 จุด, ด้านข้าง 4 จุด และ ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง
แรงสนุก 36 กม.ไม่ง้อน้ำมัน
การทดลองขับในรอบนี้เราขอเน้นไปที่เรื่องของการใช้งานดุจดั่งเป็นรถไฟฟ้า โดยผู้เขียนรับรถมาแล้วพบว่า กระแสไฟในระบบมีอยู่เพียง 1% ตามการแสดงผลบนหน้าจอ และแม้จะ 0% ก็ไม่เป็นอะไร เพราะความลับจากการได้คุยกับทีมวิศวกรระบุให้เราทราบว่าจะมีค่าความปลอดภัย (Safety Factor) ซ่อนเอาไว้ประมาณ 20-30% เพื่อป้องกันการเสื่อมของแบตเตอรี่
สิ่งแรกที่เราทำหลังจากขับรถกลับมาถึงบ้านคือ ทดลองชาร์จไฟด้วยชุดชาร์จที่แถมมาให้กับตัวรถและใช้เต้ารับมาตรฐานที่ใช้งานในบ้าน ห้ามใช้เต้ารับแบบสามตาหรือสายต่อพ่วงเป็นอันขาด เพราะการชาร์จจะมีความร้อนสะสมและหากอุปกรณ์นั้นไม่ได้มาตรฐานจะทำให้เกิดไฟลุกไหม้ได้
ถ้าถามว่าจังหวะที่เสียบไฟเพื่อชาร์จนั้นหวาดเสียวหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ เพราะบ้านผู้เขียนเดินสายไฟและวางระบบไฟด้วยสายดินแท้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขแรกของรถยนต์ไฟฟ้าทุกชนิดเมื่อต้องทำการชาร์จไฟฟ้า บ้านของทุกท่านจำเป็นต้องวางระบบแบบนี้ มิฉะนั้น ท่านอาจจะไม่สามารถชาร์จไฟได้ หรืออาจเกิดความเสียหายขึ้นได้
สำหรับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic เมื่อเราลองเสียบชาร์จจากระดับไฟ 1% จะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงในการชาร์จจนเต็มถึง 100% หรือเรียกง่ายๆ ว่าชาร์จทิ้งไว้ทั้งคืนแล้วตอนเช้าค่อยมาถอดออกก็ไม่เป็นอะไร เพราะมีระบบตัดไฟไม่ให้ชาร์จเกิน
ส่วนการถอดปลั๊กออกจากที่ชาร์จสามารถทำได้แม้จะยังชาร์จไม่เต็ม โดยไม่เกิดความเสียหายใดๆ ต่อตัวรถ เพียงแค่กดปุ่มเปิดล็อกเท่านั้นก็สามารถถอดปลั๊กออกได้
การขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนๆ เราลองขับแบบจริงจังสามารถทำได้ระยะทางราว 36 กม. ด้วยการขับผ่านเมือง และวิ่งออกนอกเมือง ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กม./ชม. โดยที่เครื่องยนต์ไม่ติดขึ้นมาเลย ความเร็วเฉลี่ยที่ขับอยู่ราว 80-100 กม./ชม.
การขับเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าถ้าคุณใช้งานรถในแต่ละวันไม่ถึง 30 กม. คุณไม่ต้องเติมน้ำมันเลย แค่เย็นกลับบ้านชาร์จไฟ เช้าออกไปต่อได้ คำนวณการใช้ไฟชาร์จไม่เกิน 10 หน่วย ฉะนั้นคุณจะจ่ายไม่เกิน 40 บาทต่อการวิ่งระยะทาง 36 กม. หรือหากที่ทำงานของคุณมีที่ชาร์จไฟสาธารณะ และในช่วงเริ่มต้นที่ไม่เก็บค่าชาร์จไฟแบบนี้ จะทำให้คุณเดินทางฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
สำหรับการชาร์จไฟกลับขณะที่รถเบรกนั้นจะได้ไฟกลับมามากหรือน้อยขึ้นกับโหมดการขับขี่ที่ท่านเลือก เพราะสิ่งนี้จะมีผลเกี่ยวเนื่องกับความนุ่มนวลในการขับขี่โดยตรง เนื่องจากเมื่อปรับใช้โหมดที่เบรกหน่วงมาก รถจะชาร์จไฟได้มากแต่จะหยุดไวขึ้น ซึ่งอาจจะเวียนหัวได้ง่าย หากปล่อยคันเร่งไวไปหรือเหยียบเบรกหนักเท้าสักหน่อย
ในแง่ของสมรรถนะการขับขี่ เชื่อว่าทุกท่านทราบมาบ้างแล้ว การตอบสนองคันเร่งทันใจตั้งแต่ออกตัว ไม่มีอาการรอรอบ จังหวะเร่งแซงมั่นใจในทุกย่านความเร็ว การทรงตัวเกาะถนนอุ่นใจดี โดยเฉพาะทางตรงยาวๆ ให้ความรู้สึกที่หนึบแน่น การโยนตัวน้อย แม้จะวิ่งด้วยความเร็วสูงราว 140-160 กม./ชม. รถยังนิ่ง ไม่รู้สึกว่าขับเร็วแต่อย่างใด จุดนี้ต้องขอบคุณระบบช่วงล่างและระบบขับเคลื่อน4ล้อ
ความเร็วสูงสุดที่เราลองขับได้อยู่ที่ 180 กม./ชม. ตามสถานที่ที่เอื้ออำนวยให้ทำได้เพียงแค่นี้ด้วยระยะทางที่จำกัด แน่นอนว่า ยังรู้สึกได้ว่ารถนั้นทำความเร็วได้มากกว่านี้ ส่วนระบบเบรกมั่นใจได้ว่าหยุดอยู่โดยไม่ต้องกังวล น้ำหนักพวงมาลัยเบามือ ขับได้สบายทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ มีให้อย่างครบถ้วน ใช้งานได้เพลินๆ จะมีเพียงเรื่องของเกียร์ที่หากคุณต้องใช้งานสลับกับรถญี่ปุ่นบ่อยๆ จะทำให้สับสนได้เนื่องจากคันเกียร์กันอยูที่คอพวงมาลัยทางด้านขวา ตำแหน่งเดียวกับไฟเลี้ยวในรถญี่ปุ่น ยิ่งถ้าใช้คันใดคันหนึ่งจนชินแล้วมาขับอีกคันจะต้องใช้สมาธิอย่างสูงในการขับ
อัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยแบบขับทั้งในเมืองและออกต่างจังหวัดทางยาวๆ วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด หน้าจอระบุตัวเลขราว 12 กม./ลิตร ถือว่าทำได้ดีทีเดียวกับรถขนาดนี้
เหมาะกับใคร
อย่างที่เกริ่นไว้ด้านบน กลุ่มคนมีครอบครัวที่อยากได้รถหรูพร้อมใช้งานแบบสมบุกสมบันคือ ลุยทางวิบากได้ แถมประหยัดน้ำมัน หรืออาจไม่ต้องใช้น้ำมันเลย ในราคาราว 3 ล้านกว่าบาท ซึ่งรปภ.พร้อมวิ่งหาที่จอดรถให้ GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic คือตัวเลือกลำดับแรกหากคุณกำลังมองหารถด้วยโจทย์เช่นนี้