โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ เปิดตัวทำตลาดในประเทศไทยมาเป็นเวลาร่วม 5 ปีแล้ว สำหรับโมเดลนี้ แม้จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่หลายครั้ง แต่คราวนี้ถือว่าเป็นการปรับครั้งใหญ่ที่สุดหรือเรียกกว่า Big Minorchange ซึ่งมีจุดเปลี่ยนทั้งชุดภายนอก , เครื่องยนต์ และภายใน รวมถึงการเพิ่มอุปกรณ์อีกหลายรายการ
หลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในรูปแบบออนไลน์ โตโยต้าได้เชิญให้สื่อร่วมทดลองขับ ไฮลักซ์ รีโว่ ใหม่กันแบบพอเป็นกระษัย ณ ศูนย์ฝึกอบรม TDEX ย่านบางนา โดยเปิดให้ทดลองขับหนึ่งรอบในสถานีต่างๆ และนั่งอีกสองรอบ ก่อนที่จะไปทดลองขับและนั่งกันต่อในจุดทดลองการขับขี่แบบออฟโรดรวมแล้วหกรอบ เป็นอันเสร็จสิ้น มาลองอ่านสัมผัสแรกกันดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะได้ลองกันแบบเต็มๆ ในโอกาสถัดไป
ช่วงล่างนุ่มขึ้น เครื่องยนต์แรง
รถที่นำมาให้ทดลองขับในรอบนี้ เป็นรุ่นท็อปสุด ไฮลักซ์ รีโว่ รอคโค เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ สถานีแรกเป็นการลองในส่วนของการขับทางตรงแล้วปล่อยมือ เพื่อทดสอบการทำงานของ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลนพร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert with Brake Force Assist) ซึ่งพบว่า ทำงานได้ดีมีทั้งเสียงเตือนและการดึงพวงมาลัยกลับมาเล็กน้อย
ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นหนึ่งใน Toyota Safety Sense ที่ใส่มาให้เป็นครั้งแรกในปิกอัพ ทั้งยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกหลายรายการโดยเราจะนำเสนอในคราวต่อไป ครั้งนี้ได้ลองเพียงแค่ระบบเดียวเท่านั้น
ต่อมาเป็นการลองขับแบบสลาลม เพื่อให้ทราบถึงแรงเหวี่ยงและน้ำหนักในการควบคุมพวงมาลัย เราขับด้วยความเร็วราว 50 กม./ชม. (ความเร็วแนะนำคือ 60 กม./ชม.) พบว่า แรงเหวี่ยงค่อนข้างน้อย พวงมาลัยแม่นยำดี แต่รู้สึกเหมือนจะหนักมือไปในบางจังหวะ ซึ่งระบบพวงมาลัยนี้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับการปรับปรุงในการเปลี่ยนครั้งนี้
จากนั้นกลับรถมุมกว้างด้วยความเร็วพอประมาณ ก่อนจะมาตั้งลำเพื่อลองอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง เรากดคันเร่งสุดเท้าเพื่อออกตัว รีโว่ ตอบสนองทันใจดี ไม่ถึงกับแรงหลังติดเบาะ แต่ก็เพียงพอที่จะทำความเร็วแตะถึงระดับ 100 กม./ชม. ได้ในระยะทางสั้นๆ ของลานทดสอบนี้ เรียกว่า รู้สึกได้ถึงอัตราเร่งที่ดีขึ้นแบบชัดเจน ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการเพิ่มกำลังของเครื่องยนต์จาก 177 แรงม้า มาเป็น 204 แรงม้า และแรงบิดจาก 450 มาเป็น 500 นิวตันเมตร
เข้าสู่ช่วงของสถานีทางโค้งที่ขับด้วยความเร็วได้ราว 60 กม./ชม. มีแรงเหวี่ยงอยู่บ้าง แต่ไม่มาก ยิ่งเมื่อทราบอยู่ก่อนแล้วว่า ระบบช่วงล่างมีการปรับเพื่อเพิ่มความนุ่มนวล ทำให้เราคาดหวังว่ารถจะยวบหรือย้วยกว่านี้ แต่โตโยต้า รีโว่ ร็อคโค่ ยังคงสมรรถนะในการขับขี่ทางโค้งเอาไว้ได้ เกาะโค้งไม่กลัวหลุด แบบประทับใจ
ไฮไลต์ของช่วงการทดลองขับรอบนี้ คือ การขับขึ้น-ลงคอสะพานที่ชัน พบว่า การดูดซับแรงกระแทกจากการขับขึ้นด้วยความเร็วราว 30 กม./ชม. ทำได้ดี ยุบและยืดตัวเพียงครั้งเดียว ไม่กระเด้งกระดอน จุดนี้ทำได้ดีเกินกว่าที่คาดเอาไว้ ทั้งการเป็นคนขับเองและการเป็นผู้โดยสารนั่งแถวที่สอง
จุดสุดท้ายทางออกของลานนี้จะเป็นการจำลองสภาพถนนที่เป็นเนินและขรุขระ เราขับตามวิถีปกติทั่วไป สิ่งที่สัมผัสได้คือ ความนุ่มนวลที่มากขึ้นกว่าเดิม แม้จะสลัดความรู้สึกแบบปิกอัพออกไปได้ไม่หมด แต่ก็ได้ความรู้สึกเหมือนนั่งรถเก๋ง อาจจะยังไม่นุ่มเท่ารถเก๋งขนาดใหญ่ แต่ถือว่าทำได้ดีไม่น้อยหน้าเก๋งกลาง-เล็ก
ออฟโรดเนียนๆ
สถานีออฟโรดนั้นมีให้ลองเพียง 2 จุด โดยจุดแรกเป็นการขึ้น-ลงเนินสูง เพื่อทดลองระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC) ที่จะมีการช่วยเบรกเอาไว้ 3 วินาที หลังจากปล่อยเท้าออกจากเบรก เพื่อให้ผู้ขับขี่มีเวลาในการเหยียบคันเร่ง โดยรถจะไม่ไหลลงไป ทำให้มั่นใจในการขับขี่บนทางลาดชัน
เมื่อขึ้นไปถึงสุดยอดเนินแบบที่กำลังรถเหลือเฟือ ถึงคราวลง เราไม่ได้แตะเบรกแต่เปิดระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (DAC) เอาไว้ แล้วกดคันเร่งเล็กน้อยให้รถเคลื่อนตัวออกมาจากนั้นปล่อยให้ระบบทำงานโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องแตะเบรกแต่อย่างใด อาจจะมีความรู้สึกหวาดเสียวบ้างแต่ขอให้มั่นใจว่า ระบบนั้นทำงานได้เป็นอย่างดีไม่ต้องหวั่นใจยกเท้าไปเหยียบเบรก
หลังจากนั้นเป็นการลองขับผ่านเนินสลับ ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้เราทราบถึงระบบพวงมาลัยและการเปลี่ยนวัสดุของช่วงล่างใหม่ที่ส่งผลให้การขับขี่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งมุมเลี้ยวและการเลี้ยวแบบหักสุดโดยไม่มีเสียงดังหรือการฝืนของพวงมาลัยขณะรถเคลื่อนตัว
สำหรับการขับผ่านเนินสลับที่จะต้องมีล้อลอยหนึ่งด้านและขับเคลื่อนไปด้วยล้อเพียง 3 ล้อ ไฮลักซ์ รีโว่ รอคโค ทำได้ประทับใจเรา การตัดต่อส่งกำลังใช้คำว่าเนียน รอบเครื่องเดินเบาที่ปรับมาใหม่เหลือเพียง 680 รอบ/นาที ทำให้การขับโดยปล่อยไหล (Walking speed) เป็นไปด้วยความนุ่มนวลและต่อเนื่อง ไร้การกระชาก รวมถึงความนุ่มจากช่วงล่างที่ปรับมาใหม่นั้นทำได้อย่างลงตัว มิใช่นุ่มยวบจนสูญเสียสมรรถนะในการทรงตัวไป
ถึงบรรทัดนี้ แม้จะยังไม่สามารถฟันธง เนื่องจากยังขาดอีกหลายส่วนในการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขับทางยาวๆ การใช้งานในเมือง และอัตราการบริโภคน้ำมันที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์ให้กระจ่าง เพราะหัวข้อนี้ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในคราวนี้ด้วย ดังนั้นผู้เขียนจึงขอสรุปแบบเบื้องต้นว่า ไฮลักซ์ รีโว่ รอคโค่ เวอร์ชันปรับโฉใหม่นี้ เร่งทันใจดี นุ่มนวลขึ้น พวงมาลัยความรู้สึกเปลี่ยน และปลอดภัยมากขึ้น
ส่วนการฟันธงแบบ 100% และรายละเอียดอื่นๆ ขอยกยอดไปรวมไว้กับบทความทดลองขับฉบับเต็มของ ไฮลักซ์ รีโว่ รอคโค่ อีกครั้งในโอกาสถัดไป