ถ้าจะมีรถยนต์สักหนึ่งรุ่นที่เป็นบรรทัดฐานให้กับการนิยามคำว่า “ซูเปอร์คาร์” ได้อย่างดีที่สุด มั่นใจว่าชื่อของ “ปอร์เช่ 911 (Porsche 911)” คือ หนึ่งในชื่อที่ได้รับการเสนออย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยคุณสมบัติที่ครบถ้วนทุกกระบวนความของการเป็นซูเปอร์คาร์ เหนือสิ่งอื่นใดคือ การมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและการยอมรับจากผู้คนทั่วโลกจนสิ้นข้อสงสัย
แน่นอนว่า ปอร์เช่ 911 มีหลายพิกัดความแรงตามรุ่นย่อยต่างๆ ซึ่งในครั้งนี้ทีมงาน เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ได้มีโอกาสทดลองขับ 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) ตัวเริ่มต้นของตระกูลนี้ มาดูกันว่า เป็นอย่างไรบ้าง สมกับฉายา “เจ้าชายกบ” ขนาดไหน
ขยับความแรงขึ้น 15 แรงม้า
เริ่มกันที่หัวใจของ 911 คาร์เรร่า วางเครื่องยนต์ ขนาด 3.0 ลิตร ตัวเดิมที่ได้รับการปรับปรุงใหม่แบบ 6 สูบนอน บ็อกเซอร์ เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 385 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,950-5,000 รอบ/นาที ซึ่งเทียบกับรุ่นก่อนหน้าจะมีกำลังเพิ่มขึ้น 15 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ PDK 8 จังหวะ
ในส่วนของสมรรถนะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 293 กม./ชม. อัตราการบริโภคน้ำมัน 11.11 กม./ลิตร ตามการเคลมของปอร์เช่
ส่วนสิ่งที่เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนหน้าภายนอกนั้นแม้จะดูคล้ายโฉมรหัส 991 แต่สำหรับรหัส 992 มีการปรับปรุงหลายรายการ ซึ่งทีมวิศกรบอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 90% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
จุดใหญ่ใจความในการปรับปรุงอยู่ที่การขยายซุ้มล้อหลังให้กว้างขึ้นกว่าเดิม และใช้ยางและล้อที่มีขนาดแตกต่างกันระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง โดยล้อหน้ามีขนาด 235/40ZR19 และ ล้อหลัง 295/35ZR20 ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายทีมวิศวกรในการเซตอัพรถให้คงการขับขี่ที่สมดุลเอาไว้ให้ได้
ด้านการตกแต่งภายในออกแบบใหม่ทั้งหมด เน้นการใช้งานง่าย โดยรุ่นคาร์เรร่า ตัวมาตราฐานติดตั้ง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่มือ แต่จะไม่มีปุ่มปรับโหมดการขับขี่โดยสามารถซื้อเพิ่มภายใต้ออปชัน Sport Chrono Package ที่จะได้รับนาฬิกาจับเวลาพร้อมโหมดการขับขี่ Sport+ เพิ่มเข้ามา โดยออปชันนี้มีราคา 200,000 บาท
เครื่องเสียงติดตั้ง Bose มาให้เป็นมาตรฐาน พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play โดยมีระบบ Porsche Communication Management (PCM) ในการสั่งการทั้งหมด รวมถึงระบบนำทางที่ใช้งานได้ในประเทศไทย
แรงหลังติดเบาะ
พิกัดความแรงระดับ 385 แรงม้า แรงบิด 450 แรงม้า แน่นอนว่าถ้ามองไปในตลาดรถระดับซูเปอร์คาร์ ตัวเลขนี้ไม่ถือว่ามาก แต่ความรู้สึกจากการขับขี่นั้นบอกไว้ตั้งแต่บรรทัดนี้ว่า แรงเพียงพอที่จะทำให้หลังคุณติดเบาะ และอะดรีนาลีนหลั่งได้อย่างไม่ยากเย็น
หัวใจสำคัญที่สุดของการขับขี่ 911 ไม่ใช่ความแรง แต่เป็นเรื่องของการบังคับควบคุมอย่างสมดุล ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกถึงความสนุก สามารถเรียกความแรงออกมใช้งานได้ทุกเวลาที่ต้องการ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะควบคุมรถไม่อยู่ เนื่องจากทีมวิศวกรได้คิดคำนวณมาอย่างดีแล้วและเลือกใช้อุปกรณ์ระดับเทพมาใส่ไว้ใน 911
ทันทีที่ติดเครื่องยนต์ เสียงคำรามจากท่อไอเสีย (ชุดนี้เป็นออปชันพิเศษสั่งเพิ่ม) ดังกระหึ่มมากหากเรายืนอยู่นอกตัวรถ แต่ถ้านั่งอยู่ในรถ เสียงจะเบามากจนเทียบไม่ได้ยิน และหากเปิดเพลงฟัง ความบันเทิงจะมาครบโดยไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด
การขับขี่ของเรารอบนี้เน้นที่การใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งขับในเมือง วิ่งบนทางด่วน และออกนอกเมืองขับไปย่านปริมณฑล จุดเด่นคือความเป็นรถซูเปอร์คาร์ที่ใช้งานได้อย่างคล่องตัวในทุกๆ วัน ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องความร้อน หรือการขับขี่ที่ยากและเมื่อยล้า เนื่องจากปอร์เช่ ได้ออกแบบมาให้ 911 นั้นเป็นมิตรกับผู้ขับขี่
เมื่อเอ่ยถึงจุดเด่นย่อมมีหลากหลายจุด แล้วอะไรคือที่สุด คำตอบจาก วิศวกรผู้พัฒนา 911 ระบุว่า “ความทนทาน” เป็นสิ่งที่พวกเขายกให้เป็นที่สุดของ 911 จะมีรถซูเปอร์คาร์ สักกี่คันสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานและซ่อมบำรุงน้อยมากเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน สิ่งนี้เองทำให้ ปอร์เช่ 911 ได้รับการยอมรับและสะท้อนกลับมาเป็นยอดขายซึ่งเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายๆ ปีที่ผ่านมา
กลับมาที่การขับขี่ ช่วงล่างนั้นเกาะถนนหนึบแบบไม่ต้องสงสัย และยังนุ่มในระดับยอมรับได้เมื่อต้องขับผ่านหลุมหรือฝาท่อ ด้วยความเร็วปกติ มิใช่การขับรูดด้วยความเร็ว เพราะถ้าขับแบบไม่เบาเลย แน่นอนว่าแรงสั่นสะเทือนจะมากกว่า และจะทำให้ช่วงล่างเสื่อมสภาพเร็วกว่ามาตรฐานด้วย
มุมมองและทัศนวิสัยในการขับขี่ ไม่แตกต่างจากรถธรรมดาเท่าใดนัก จึงทำให้ 911 ขับขี่ง่าย คุณผู้หญิงก็ขับได้ และหากใครยังไม่ทราบ ต้นเหตุเนื่องจาก 911 นั้น มีแรงบันดาลใจในการสร้างมาจากรถโฟล์คสวาเกน บีเทิล หรือที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อ โฟล์ค เต่า นั่นเอง
ความเร็วสูงสุดในการขับของเรารอบนี้อยู่ที่ 180 กม./ชม. ในพื้นที่ส่วนบุคคล เรียกว่าเป็นการเร่งขึ้นและพุ่งทะยานแบบเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ขับขี่ มีแรงดึงหลังติดเบาะ แต่ไม่ถึงกับกระชากหงายหลัง จังหวะเบรกเอาอยู่ในทุกย่านความเร็ว เบรกได้ด้วยความมั่นใจ 100%
สำหรับอัตราการบริโภคน้ำมัน เฉพาะช่วงที่ใช้ในเมืองแบบการจราจรปกติ (คือหนาแน่นและติดขัด) เราเห็นตัวเลขราว 4-5 กม./ลิตร และเมื่อเราขับออกทางยาวๆ รวมกับตัวเลขในเมืองแล้ว ตัวเลขบนหน้าจอระบุราว 7 กม./ลิตร ถือว่า รับได้กับการขับขี่ที่สนุกสนานเช่นนี้
เหมาะกับใคร
ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า ถือว่าเป็นบรรทัดฐานหรือเส้นแบ่งการเริ่มต้นในการเป็นซูเปอร์คาร์ก็ว่าได้ ดังนั้นใครก็ตามที่คิดจะเล่นซูเปอร์คาร์ คุณต้องมาเริ่มที่ ปอร์เช่ 911 ก่อนโดยรุ่นคาร์เรร่านั้น มีราคาเริ่มต้น 9.9 ล้านบาท (ไม่รวมออปชัน) นับว่าเป็นราคาที่จับต้องเป็นเจ้าของซูเปอร์คาร์ได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร