นอกจากรถยนต์ในสายการผลิตแล้ว แน่นอนว่ารถยนต์ต้นแบบ หรือ Concept Car ยังคืออีกสีสันที่น่าสนใจของตลาดรถยนต์ แม้ว่าจริงอยู่ที่บางรุ่นอาจจะไม่ได้มีการผลิตออกขายอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่ก็ถือเป็นสิ่งที่ยืนยันให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ในการพัฒนาโลกแห่งยานยนต์ในด้านต่างๆ ทั้งเทคโนโลยี และการออกแบบอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญคือ เป็นการส่งสัญญาณให้กับผู้ใช้รถยนต์ทั่วโลกได้รับทราบเป็นนัยๆ ถึงแนวโน้ม หรือทิศทางที่ตลาดรถยนต์ในยุคหน้ากำลังจะเดินไปทางไหน
นี่คือ 10 ต้นแบบในปี 2019 ที่เราคัดเลือกขึ้นมาและมีความน่าสนใจอย่างมาก
Nissan Ariya : นิสสัน เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบ 2 รุ่นใหม่ในโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2019 แต่ที่เด่นและน่าสนใจคือ SUV Concpet ที่มีชื่อว่า Ariya และที่น่าสนใจนั้น นอกจากจะเป็นการแสดงให้เห็นแนวทางและสไตล์การออกแบบของนิสสันในยุคหน้าซึ่งจะมีการปรับและนำมาใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ แล้ว Ariya ยังเตรียมลงสู่ตลาดในอนาคตอีกด้วย เพื่อเสริมทางเลือกในตลาด EV ร่วมกับ LEAF โดยต้นแบบคันนี้แชร์พื้นฐานจาก LEAF แต่ใช้เทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวในการขับเคลื่อนพร้อมระบบในการกระจายกำลังเพื่อปรับหน้าที่ในการขับเคลื่อนที่เหมาะสม พร้อมระบบช่วยเหลือคนขับ ProPilot 2.0 ที่มีใช้อยู่ใน Nissan Skyline รุ่นใหม่ล่าสุด ขณะที่รายละเอียดอื่นๆ ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่เชื่อว่า Ariya จะจำหน่ายเป็นคันจริงแน่นอนภายในปี 2021
Audi AI-Trail Quattro : ดีไซน์ของตัวรถถือว่าล้ำ และมีคอนเซ็ปต์เพราะถูกสร้างสรรค์มาเพื่อการใช้งานบนพื้นที่สมบุกสมบันจนเกิดความคิดต่อเนื่องว่า ออดี้กำลังจะเข้าไปมีส่วนในการพัฒนาพวกรถยนต์สำรวจอวกาศของ NASA หรือเปล่า โดยสิ่งที่น่าสนใจคือการรวบรวมเอาแนวทางการออกแบบที่มีประโยชน์ของแต่ละสิ่งเข้ามา เช่น ห้องโดยสารถูกออกแบบให้คล้ายกับค็อกพิตของเฮลิคอปเตอร์เพื่อความสะดวกในการมองรอบด้าน 180 องศา หรือการใช้ระบบ AI เข้ามามีส่วนในการขับเคลื่อนแบบไร้คนขับ หรือ Autonomous Driving โดยที่ผู้ขับคนที่เป็นคนจริงๆ จะทำหน้าที่เข้ามาทำหน้าที่ช่วยเหลือในการขับเคลื่อนเมื่อระบบมีความต้องการ เช่น การขับบนเส้นทางโหดๆ ที่ AI อาจจะยังรับมือไม่ได้ โดยที่ตัวรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ และการชาร์จ 1 ครั้งทางออดี้บอกว่าแล่นได้ประมาณ 400-500 กิโลเมตรเลยทีเดียว
Mercedes-Benz Vision EQS : เป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นทิศทางที่ชัดเจนของรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ หลังจากที่เปิดตัวออกมาขายแล้ว 2 รุ่นคือ EQC และ EQV ซึ่งคราวนี้คงหนีไม่พ้นตลาดรถยนต์หรูเพราะคำลงท้าย EQ คือ S ซึ่งหมายถึง S-Class อย่างแน่นอน สิ่งที่น่าสนใจคือ ต้นแบบคันนี้ไม่ได้ถูกพัฒมาจาก S-Class คันที่มีอยู่เหมือนกับที่พวกเขาทำกับ 2 รุ่นก่อนหน้านี้ ดังนั้นคำถามตามมาทันทีว่า นอกจากจะเป็นแม่แบบในการแสดงวิสัยทัศน์ของการบุกตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าของค่ายดาว 3 แฉกแล้ว ต้นแบบคันนี้อาจจะเป็นร่างจำแลงของ S-Class ใหม่ที่มีคิวเปิดตัวโมเดลเชนจ์ในอีกไม่เกิน 2 ปีข้างหน้าหรือเปล่า ? เพราะรุ่นที่ขายอยู่ก็เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว แต่ที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นคือเทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลัง 350Kw ในการขับเคลื่อน และสมรรถนะไม่เบาเลย ใช้เวลา 4.5 วินาทีสำหรับทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่กลับแล่นทำระยะทางได้ถึง 700 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
Honda e Concept : ถือว่าเร็วมากจากต้นแบบที่จัดแสดงในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2019 ฮอนด้าใช้เวลาเพียงครึ่งปีพัฒนาต้นแบบคันนี้ให้กลายเป็นจริงสำหรับวางตลาด และงานนี้ถือเป็นการปรับตัวอย่างรวดเร็วของฮอนด้าในการเข้าถึงลูกค้ายุโรปในยุคที่ตลาดเริ่มมีการเปลี่ยนผ่าน และรถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นกระแสหลักที่ทั้งภาคเอกชนและภารรัฐให้การสนับสนุนในการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว โดยเฉพาะในประเทศเยอรมนี โดย e-Concept คาดว่าจะกลายมาเป็นคู่ปรับสำคัญของ Volkswagen ID BEV ที่ว่ากันว่าจะหลายมาเป็นรถยนต์ของประชาชนในยุคศตวรรษที่ 21 โดยรุ่นจำหน่ายจริงที่เปิดตัวออกมาหลังจากนั้น ฮอนด้า e มากับ 2 ความเร้าใจจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลัง 136 แรงม้า และ 154 แรงม้า โดยมีแบตเตอรี่ขนาดเดียวที่ 35.5 kWh สามารถวิ่งไกล 220 กิโลเมตร รองรับชาร์จเร็วถึง 80% ภายใน 30 นาทีเท่านั้น เร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในราว 8 วินาทีเท่านั้น
Lamborghini Lambo V12 Vision Grand Turismo Concept : อาจจะไม่เป็นคันจริงให้เห็นให้สัมผัส แต่ Lamborghini ก็ร่วมมือกับผู้ผลิตเกม Gran Turismo ในการสร้างสรรค์ต้นแบบคันนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเกมแข่งรถเกมนี้ และจะเข้าไปปรากฏตัวในเกมเวอร์ชันปี 2020 โดยตัวรถได้รับการสร้างสรรค์จากทีม In-House ของพวกเขาที่เมืองโบโลญญ่า ประเทศอิตาลี ส่วนสเป็กไม่ได้มีการเปิดเผยอะไรออกมามากมาย ถ้าอยากทราบอาจจะต้องติดตามผ่านทางเกม GT ที่จะเปิดตัวในปีหน้า
BMW X7 Pick Up Concept : สำหรับ X7 Pick Up ของบีเอ็มดับเบิลยูเป็นการพัฒนามาจาก SUV ระดับหรูสุดเท่าที่มีอยู่ในตลาดของบีเอ็มดับเบิลยู อย่าง X7 และ เป็นปิกอัพที่เกิดจากพื้นฐานของปิกอัพ ซึ่งก็คือการแชร์พื้นฐานร่วมกับนิสสัน Navara ที่มีพื้นฐานแบบ Ladder on Frame ต่อให้มีการปรับปรุงอย่างไรการตอบสนองต่อการขับขี่ก็ไม่มีทางสู้กับเอสยูวีที่มีพื้นฐานมาจาก Monocoque นั่นหมายถึงเวลาแล่นอยู่บนเส้นทางเรียบปกติ
อย่างไรก็ตาม นี่ยังเป็นต้นแบบอยู่ และบีเอ็มดับเบิลยูนำออกจัดแสดงในงานชุมนุมแฟนนักบิดของแบรนด์ BMW Motorrad โดยเป็นโปรเจ็กต์ที่เกิดขึ้นจากไอเดียของนักศึกษาฝึกหัด 12 คนภายใต้โปรแกรมฝึกสอนวิชาชีพของบีเอ็มดับเบิลยูพร้อมได้รับการสนับสนุนจาก Concept Vehicle Construction และ Model Technology 2 แผนกสำคัญของค่ายใบพัดสีฟ้า โดยใช้เวลาทั้งหมด 10 เดือนก่อนจะสำเร็จออกมาเป็นคอนเซ็ปต์คาร์คันจริง โดยตัวถังส่วนท้ายมีการดัดแปลงให้เป็นพื้นที่ขนาดย่อมๆ สำหรับใช้ในการบรรทุกสัมภาระ ขณะที่เครื่องยนต์เป็นบล็อก 6 สูบเรียง 3,000 ซีซีของรุ่น X7 xDrive40i มีกำลังสูงสุด 340 แรงม้า โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 11 กิโลเมตรต่อลิตร
Karma GT by Pininfarina Concept : ถือเป็นการเปิดศักราชรถยนต์ไฟฟ้าสุดหรู โดย Karma แบรนด์รถยนต์ระดับหรูที่มาพร้อมกับการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าตกเป็นข่าวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ก็ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการในเรื่องการผลิต เพียงแต่เป็นผลผลิตใหม่ที่ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่เกิดจากความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ใหม่อย่าง Pininfarina ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายหลังจากที่ประกาศร่วมมือกันเมื่อต้นปี 2019 โดย Karma GT by Pininfarina Concept จะถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานประกวดรถยนต์โบราณที่ Monterey ประเทศสหรัฐอเมริกา
งานนี้น่าจะเรียกว่าเป็นผลผลิตที่ต่อเนื่องมาจากต้นแบบรุ่น Revero GT ที่เปิดตัวในงาน Auto Shanghai เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าตัวรถจะดูสวยและสปอร์ตในสไตล์ GT แบบ 4 ประตูอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ถูกใจทีมออกแบบของ Pininfarina ซึ่งเข้ามาช่วยในเรื่องการแต่งหน้าทาปากใหม่เพื่อให้ตัวรถมีความสมดุลในด้านความสวยรอบคัน พร้อมกับเปลี่ยนตัวรถจากแบบ 4 ประตูมาเป็นแบบสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่ง
อย่างไรก็ตาม งานนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของตัวรถออกมาอย่างชัดเจน แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่าน่าจะเป็นคันที่พร้อมขายแล้วแม้ว่าจะมีคำว่า Concept ต่อท้ายก็ตาม เพราะว่าทาง Karma วางแผนในการรุกตลาดรถยนต์อย่างเป็นทางการในปี 2020 แล้ว อีกทั้งการนำมาเปิดตัวที่งาน Pebble Beach COncour d’Elegance ที่ถือว่าเป็นงานประกวดรถยนต์คลาสสิคชื่อดังริมมหาสมุทรแปซิฟิก ก็ถือเป็นขั้นตอนที่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง เพราะว่างานนี้เป็นศูนย์รวมของบรรดาเศรษฐีที่เป็นคอลเล็กเตอร์รถยนต์กระเป๋าหนักจากทั่วโลก ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าของ Karma
Toyota e-Palette : การที่โตโยต้าเข้ามามีส่วนร่วมกับมหกรรมการแข่งขัน Olympic ฤดูร้อน บวกกับความพยายามในการพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแบบไร้คนขับนั้นได้นำไปสู่การพัฒนาต้นแบบที่ชื่อว่า e-Palette ขึ้นมา โดยเป็นรถยนต์ที่มีตัวถังทรงกล่องคล้ายกับรถบัสแต่ย่อส่วนสำหรับการใช้งานส่วนบุคคล ดูเหมือนจะเป็นเทรนด์ที่ทุกค่ายนำมาเสนอในงานปีนี้ และรถยนต์ค้นนี้โตโยต้าพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้เป็นรถยนต์สำหรับรับส่งนักกีฬา Olympic และ Paralympic ปี 2020 ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ ตัวถังมีขนาด 5,255 มิลลิเมตร แต่ะระยะฐานล้อยาวถึง 4,000 มิลลิเมตร
Lexus LF-30 Electrified : สปอร์ตสุดล้ำสมัยเปิดประตูในแบบปีกนก พร้อมกับการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า โดยจุดเด่นของ LF-30 Electrified Concept คือการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่ล้อทั้ง 4 ล้อซึ่งให้กำลังรวม 536 แรงม้า โดยการใช้มอเตอร์ที่ล้อทั้ง 4 ทำให้รถมีการควบคุมที่ดีจากเทคโนโลยี Lexus Advanced Posture Control ซึ่งสร้างพลังขับเคลื่อนจากมอเตอร์กำลังสูง
Volkswagen e-Beetle Concept : โลกยุคหน้ากำลังเดินทางไปสู่การขับเคลื่อนแบบไร้มลพิษ และแน่นอนว่าการใช้พลังไฟฟ้าในการเดินทางคือทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ รถยนต์คลาสสิคทั้งหลายจะเป็นอย่างไร หากนำออกมาใช้งาน (แต่ถ้าจอดอยู่ในบ้านก็ไม่มีปัญหาอะไร) และนี่คือ ผลผลิตแรกจากค่าย Volkswagen ในการแสดงให้เห็นว่าถึงข้อบังคับและกติกาเปลี่ยน แต่พวกรถยนต์คลาสสิคก็ยังอยู่ได้ถ้ารู้ที่จะปรับตัวตาม โดยถอดเครื่องยนต์สูบนอนออก และมีการปรับเปลี่ยนมาใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนด้วยกำลังสูงสุด 82 แรงม้า ซึ่งแม้ว่าตัวรถจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 1.28 ตันเพราะต้องแบกชุดแบตเตอรี่ แต่สมรรถนะก็ยังเร้าใจ ใช้เวลาเพียง 8 วินาทีสำหรับ 0-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง และทำความเร็วสูงสุดได้ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง