“โตโยต้า” โตไม่หยุด 6 ด.แรก ฟันยอดขาย 141,989 คัน ดันปรับเป้าเพิ่ม 31.2% หลังลุยศึกเปิด 4 รุ่นใหม่รุกตลาด ชี้รัฐทุ่มงบลงทุนกระตุ้น ศก.โตต่อเนื่อง ส่งผลยอด 6 ด.ทะลุ 4.8 แสนคัน เดินหน้าปรับเป้ายอดขายรวมโต 9.5 แสนคัน
นายมิจิโนบุ ซึงาตะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ในช่วง 6 เดือนแรก มียอดทั้งสิ้น 489,118 คัน เพิ่ม 19.3% เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนภายในประเทศรวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ทำให้ตลาด 6 เดือนแรกโตอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้ว
สำหรับยอดขาย 6 เดือนแรก แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง ยอด 190,310 คัน โต 17.9%, รถเพื่อการพาณิชย์ ยอด 298,808 คัน โต 20.2%, รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ยอด 237,429 คัน โตเพิ่ม 18.1%และรถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) ยอด 207,405 คัน โต 20.2%
ด้านยอดขายโตโยต้า 6 เดือนแรก อยู่ที่ 141,989 คัน เพิ่ม 26.2% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง ยอด 53,512 คัน โต 18.5% , รถเพื่อการพาณิชย์ ยอด 88,477 คัน เพิ่มขึ้น 31.4%, รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ ยอด 76,758 คัน เพิ่มขึ้น 21.6% และรถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) ยอด 63,908 คัน เพิ่มขึ้น 22.5% ปัจจัยจากการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ได้แก่ Yaris, Yaris ATIV, Hilux Revo ROCCO และ C-HR
ส่วนการส่งออกครึ่งปีแรก โตโยต้า ได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป จำนวน 145,080 คัน เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้ตลาดตะวันออกกลางปรับลดลง หากตลาดเอเชียและโอเชียเนียมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะญี่ปุ่นและออสเตรเลียที่เริ่มส่งออกเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีและมียอดรวม 5,400 คัน
ทั้งนี้ การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป คิดเป็นมูลค่า 74,250 ล้านบาท และการส่งออกชิ้นส่วน มูลค่า 29,875 ล้านบาท รวมมูลค่าการส่งออกเป็น 104,125 ล้านบาท และในส่วนของเป้าหมายการส่งออกในปี 2561 นั้น คาดว่าปริมาณการส่งออกของโตโยต้ายังคงอยู่ที่ 300,000 คัน ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา”
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2561 นายซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า GDP จะเติบโตอยู่ที่ 4.4% ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐ และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หลากหลาย รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ จากค่ายรถยนต์ถือเป็นปัจจัยหลักในการ กระตุ้นตลาดรถยนต์ โดยคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์โดยรวมในประเทศปี 2561 จะปรับจาก 900,000 คัน เป็น 980,000 คัน เพิ่มขึ้น 12.4% จากปีที่แล้ว แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง ยอด 381,000 คัน เพิ่มขึ้น 10% รถเพื่อการพาณิชย์ 599,000 คัน เพิ่มขึ้น 14% รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 478,000 คัน เพิ่มขึ้น 12.9% รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 418,000 คัน เพิ่มขึ้น 14.6%
ส่วนเป้าการขายของโตโยต้าในปีนี้ คาดมียอดรวม 315,000 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 31.2% แบ่งเป็นรถนั่ง 116,000 คัน, รถเพื่อการพาณิชย์ 199,000 คัน, รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 71,300 คัน และรถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 145,000 คัน
“เนื่องจากตลาดรวมที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงปรับเป้าหมายการขายสำหรับตลาดในประเทศจาก 300,000 คัน เป็น 315,000 คัน เพิ่มขึ้น 31.2% จากปีที่แล้ว โดยเน้นการสร้างความแข็งแกร่งด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น พร้อมมอบประสบการณ์ผ่าน “ALIVE SPACE” โชว์รูมรูปแบบใหม่ที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางการตลาดอีกมากมาย เพื่อขอบคุณลูกค้าในโอกาสฉลองความสำเร็จยอดการผลิตครบ 10 ล้านคัน”
นายซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากเป้าหมายทางด้านธุรกิจที่โตโยต้ามุ่งมั่นสร้างสรรค์ยนตรกรรมแห่งการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า (ever-better mobility) เรายังมีความตั้งใจที่จะดำเนินงานเพื่อสังคมให้ดียิ่งขึ้น (ever-better society) ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคม อย่างโครงการที่ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยบนท้องถนน โตโยต้า ถนนสีขาว ครบรอบ 30 ปี ซึ่งมีแนวคิด “มุ่งเน้นการสร้างสังคมคนขับรถดี” โดยเน้นการพัฒนาทักษะการขับรถด้วยการจัดตั้งศูนย์พัฒนาศักยภาพผู้ขับขี่รถยนต์โตโยต้าที่ Toyota Driving Experience Park เพื่อสร้างสังคมผู้ขับขี่ที่ดี นอกจากนี้ยังได้พัฒนา ปรับปรุงถนนต้นแบบโดยการปรับลดจุดเสี่ยง เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์บริเวณหน้าโรงงานโตโยต้าบ้านโพธิ์และเกตเวย์
เพื่อตอบรับกับ“พันธสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของโตโยต้า พ.ศ. 2593” โดยหนึ่งในเป้าหมายสูงสุดคือการลดCO2 ให้เป็นศูนย์ เรายังได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ภายใต้โครงการ “โตโยต้า เมืองสีเขียว” เริ่มต้นจากภายในโรงงาน เราใช้พลังงานทดแทนและระบบการจัดการของเสียที่ได้มาตรฐานระดับโลก อีกทั้งยังส่งเสริมการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพที่โรงงานบ้านโพธิ์ ซึ่งถือเป็นโรงงานที่มีระบบนิเวศแห่งความยั่งยืนแห่งแรกของโตโยต้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ยิ่งไปกว่านั้นเรายังส่งเสริมความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นผ่านกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมภายนอกโรงงาน เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมแก่สังคมไทยผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น กิจกรรมลดเมืองร้อนด้วยมือเรา กิจกรรมปลูกป่าชายเลนและกิจกรรมปลูกป่านิเวศ ตลอดจนโครงการ “โตโยต้าเมืองสีเขียว อยุธยา” ศูนย์การเรียนรู้ด้าน สิ่งแวดล้อมนอกโรงงานแห่งแรกที่จะเปิดในเดือนพฤศจิกายนนี้ และหนึ่งในองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม คือ การเดินทางอย่างยั่งยืน (Sustainable Transportation) เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยเชื่อมโยงกับสถานที่ท่องเที่ยวของอยุธยาด้วยรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก HA:MO
ซึ่งทั้งหมดนี้คือความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบยนตรกรรมแห่งการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า (ever-better mobility) ให้กับ คนไทยผ่านทางผลิตภัณฑ์และการบริการของเรา ภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจของโตโยต้าที่ว่า “เราจะเติบโตควบคู่ไปกับสังคมไทย” นายซึงาตะ กล่าว