เสร็จสิ้นรอบการทดสอบครั้งที่สองที่แดนปลาดิบ ทีมแข่งสายเลือดไทย “เอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” หลังลงสนามด้วยความมุ่งมั่นและเก็บเกี่ยวข้อมูลได้อย่างครบถ้วน ล่าสุด โค้ชฟิล์มเผยความมั่นใจ พร้อมแล้วสำหรับการลุยศึกซูซูก้า เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง แชมเปี้ยนชิพ 2017 ในวันเสาร์ที่ 29 ก.ค.นี้
หลังจากทีมแข่งสายเลือดไทย “เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ได้ยกทัพทีมแข่งที่เป็นคนไทยทั้งทีม เดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อเก็บตัวและเตรียมความพร้อม ก่อนลงทำการแข่งขันในรายการ “ซูซูก้า เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง แชมเปี้ยนชิพ” ประจำปี 2017 เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา และล่าสุด ได้เข้าร่วมการทดสอบอย่างเป็นทางการครั้งที่สอง (22 ก.ค.) ณ สนามซูซูก้า เซอร์กิต หรือสังเวียนที่จะใช้เป็นเวทีดวลความอึดรอบแข่งขันจริง ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม นี้
สำหรับผลการซ้อมเป็นไปอย่างราบรื่น ทางด้าน “ฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์” อดีตนักบิดผู้มีประสบการณ์การแข่งขันระดับเวิล์ดกรังด์ปรีซ์ในรุ่นโมโต 2 และรับหน้าที่เป็นเฮดโค้ชให้กับทีมแข่งค่ายปีกนกในปีนี้เผยว่า ผลของการทดสอบเป็นที่พอใจของทีมงาน โดยรายละเอียดหรือข้อมูลต่างๆ เมื่อเทียบกับรอบการซ้อมครั้งแรกถือว่าทำได้ดีกว่าเดิม และในภาพรวมสามารถเก็บเกี่ยวข้อมูลที่ต้องการได้ครบถ้วนมากขึ้น
“หลังผ่านรอบการซ้อมครั้งที่สอง แม้ทุกอย่างทำได้ดีขึ้น เวลาต่อรอบของนักแข่งเราดีขึ้น มีความเสถียรมากขึ้น ทีมงานทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น แต่ในด้านข้อมูลของคู่แข่งยังไม่ปรากฎ เนื่องจากรอบการซ้อมทางผู้จัดฯ ยังไม่บังคับให้ติดตั้งตัวจับเวลา ดังนั้น ผมจึงขอประเมินให้เหมือนเดิมที่ 8 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน เพื่อความไม่ประมาท เพราะเชื่อว่าคู่แข่งก็คงทำได้ดีขึ้นเช่นกัน” โค้ชฟิล์ม กล่าวและว่า
“การเข้าร่วมในปีนี้เป็นครั้งแรกของเราก็จริงอยู่ แต่ในด้านเป้าหมายเราตั้งเป้าไว้สูง ผมเชื่อว่าศักยภาพของทีมคนไทยไม่เป็นรองใคร และมั่นใจว่าสามารถทำได้ ซึ่งในส่วนข้อมูลทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ถือว่าใกล้เคียง และเพียงพอต่อการวางแผนในระดับหนึ่งแล้ว ขณะเดียวกันยังมีเวลารอบซ้อมเหลืออีกหนึ่งวัน(27 ก.ค.) ก่อนการควอลิฟาย แต่ ณ ตอนนี้ หากถามถึงความพร้อม ผมกล้าบอกได้เลยว่า เราพร้อมแล้วสำหรับการแข่งขันครั้งนี้”
ทั้งนี้ นอกจากการเก็บข้อมูลบนสังเวียนที่จะใช้ดวลความเร็วและทดสอบความอึดจริงแล้ว โค้ชฟิล์มยังนำลูกทีมทั้ง 3 คน นำโดย “เอ้-วรพงศ์ มาลาหวล” และ “ดรีม-สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง” สองนักแข่งตัวจริง และอีกหนึ่งตัวสำรอง “มุกข์-มุกข์ลดา สารพืช” รักษาสภาพความฟิตของร่างกาย ด้วยการเข้ายิมออกกำลังกาย พร้อมยืดเส้นและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ตลอดการเก็บตัวที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเตรียมความพร้อมให้มีความสมบูรณ์มากที่สุดอีกด้วย
ขณะที่ “ปฐมพล ฤดีวศิน” ในตำแหน่งผู้จัดการทีม กล่าวเสริมหลังเสร็จสิ้นรอบการทดสอบครั้งล่าสุดว่า ปัญหาที่พบในการซ้อมครั้งแรก อย่างเรื่องเวลาที่มีจำกัด หรือรถแข่งในสนามที่มีจำนวนมาก สำหรับการซ้อมครั้งนี้ไม่เป็นอุปสรรคแล้ว เพราะทางทีมงานช่วยกันหาวิธีแก้ไขและปรับเปลี่ยนได้อย่างลงตัว
“ในด้านสภาพอากาศเราควบคุมไม่ได้อยู่แล้ว และครั้งนี้ก็แตกต่างจากครั้งก่อนตรงที่อุณหภูมิสูงมาก อากาศร้อนมาก แต่ทุกทีมก็เจอเหมือนกัน และเป็นการทดสอบสภาพร่างกายของนักแข่งอีกทางหนึ่ง ส่วนจำนวนรถในสนามก็เห็นว่ามีมากขึ้น มีทีมใหญ่มาเข้าร่วมการซ้อมหนาตาขึ้นกว่าครั้งแรก ทำให้ได้เห็นการทำงานของทีมคู่แข่งด้วย ซึ่งบางอย่างเราก็ต้องเรียนรู้ เพราะต้องยอมรับว่าการเป็นทีมแข่งไทยทีมแรกในศึกนี้นั้นไม่ง่าย แต่พวกเราก็ตั้งใจจะทำให้เต็มที่อย่างสุดความสามารถ”
“เป้าหมายหลังจากรอบซ้อมคือ การคว้าตำแหน่งออกสตาร์ทติด 1 ใน 5 ให้ได้ในรอบควอลิฟาย เพื่อจะได้เกาะกลุ่มผู้นำตั้งแต่ออกตัว ไม่อย่างนั้นถ้าหลุดจากนี้มีโอกาสติดรถช้า หรือกว่าจะไล่ตามให้ทันคงลำบาก และอาจทำให้ยางสึกหรอมากเกินไปก่อนวิ่งจบการแข่งขัน” ผู้จัดการทีมแข่งสายเลือดไทย เอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ กล่าว
สำหรับโปรแกรมศึกดวลความเร็วสุดแสนทรหด “ซูซูก้า เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง แชมเปี้ยนชิพ” ปี 2017 ณ สนามซูซูก้า เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น จะทำการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ในวันเสาร์ที่ 29 กรกฏาคม นี้ ตั้งแต่เวลา 7.00-11.00 น. ตามเวลาในบ้านเรา.
หลังจากทีมแข่งสายเลือดไทย “เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ได้ยกทัพทีมแข่งที่เป็นคนไทยทั้งทีม เดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อเก็บตัวและเตรียมความพร้อม ก่อนลงทำการแข่งขันในรายการ “ซูซูก้า เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง แชมเปี้ยนชิพ” ประจำปี 2017 เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา และล่าสุด ได้เข้าร่วมการทดสอบอย่างเป็นทางการครั้งที่สอง (22 ก.ค.) ณ สนามซูซูก้า เซอร์กิต หรือสังเวียนที่จะใช้เป็นเวทีดวลความอึดรอบแข่งขันจริง ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม นี้
สำหรับผลการซ้อมเป็นไปอย่างราบรื่น ทางด้าน “ฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์” อดีตนักบิดผู้มีประสบการณ์การแข่งขันระดับเวิล์ดกรังด์ปรีซ์ในรุ่นโมโต 2 และรับหน้าที่เป็นเฮดโค้ชให้กับทีมแข่งค่ายปีกนกในปีนี้เผยว่า ผลของการทดสอบเป็นที่พอใจของทีมงาน โดยรายละเอียดหรือข้อมูลต่างๆ เมื่อเทียบกับรอบการซ้อมครั้งแรกถือว่าทำได้ดีกว่าเดิม และในภาพรวมสามารถเก็บเกี่ยวข้อมูลที่ต้องการได้ครบถ้วนมากขึ้น
“หลังผ่านรอบการซ้อมครั้งที่สอง แม้ทุกอย่างทำได้ดีขึ้น เวลาต่อรอบของนักแข่งเราดีขึ้น มีความเสถียรมากขึ้น ทีมงานทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น แต่ในด้านข้อมูลของคู่แข่งยังไม่ปรากฎ เนื่องจากรอบการซ้อมทางผู้จัดฯ ยังไม่บังคับให้ติดตั้งตัวจับเวลา ดังนั้น ผมจึงขอประเมินให้เหมือนเดิมที่ 8 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน เพื่อความไม่ประมาท เพราะเชื่อว่าคู่แข่งก็คงทำได้ดีขึ้นเช่นกัน” โค้ชฟิล์ม กล่าวและว่า
“การเข้าร่วมในปีนี้เป็นครั้งแรกของเราก็จริงอยู่ แต่ในด้านเป้าหมายเราตั้งเป้าไว้สูง ผมเชื่อว่าศักยภาพของทีมคนไทยไม่เป็นรองใคร และมั่นใจว่าสามารถทำได้ ซึ่งในส่วนข้อมูลทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ถือว่าใกล้เคียง และเพียงพอต่อการวางแผนในระดับหนึ่งแล้ว ขณะเดียวกันยังมีเวลารอบซ้อมเหลืออีกหนึ่งวัน(27 ก.ค.) ก่อนการควอลิฟาย แต่ ณ ตอนนี้ หากถามถึงความพร้อม ผมกล้าบอกได้เลยว่า เราพร้อมแล้วสำหรับการแข่งขันครั้งนี้”
ทั้งนี้ นอกจากการเก็บข้อมูลบนสังเวียนที่จะใช้ดวลความเร็วและทดสอบความอึดจริงแล้ว โค้ชฟิล์มยังนำลูกทีมทั้ง 3 คน นำโดย “เอ้-วรพงศ์ มาลาหวล” และ “ดรีม-สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง” สองนักแข่งตัวจริง และอีกหนึ่งตัวสำรอง “มุกข์-มุกข์ลดา สารพืช” รักษาสภาพความฟิตของร่างกาย ด้วยการเข้ายิมออกกำลังกาย พร้อมยืดเส้นและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ตลอดการเก็บตัวที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเตรียมความพร้อมให้มีความสมบูรณ์มากที่สุดอีกด้วย
ขณะที่ “ปฐมพล ฤดีวศิน” ในตำแหน่งผู้จัดการทีม กล่าวเสริมหลังเสร็จสิ้นรอบการทดสอบครั้งล่าสุดว่า ปัญหาที่พบในการซ้อมครั้งแรก อย่างเรื่องเวลาที่มีจำกัด หรือรถแข่งในสนามที่มีจำนวนมาก สำหรับการซ้อมครั้งนี้ไม่เป็นอุปสรรคแล้ว เพราะทางทีมงานช่วยกันหาวิธีแก้ไขและปรับเปลี่ยนได้อย่างลงตัว
“ในด้านสภาพอากาศเราควบคุมไม่ได้อยู่แล้ว และครั้งนี้ก็แตกต่างจากครั้งก่อนตรงที่อุณหภูมิสูงมาก อากาศร้อนมาก แต่ทุกทีมก็เจอเหมือนกัน และเป็นการทดสอบสภาพร่างกายของนักแข่งอีกทางหนึ่ง ส่วนจำนวนรถในสนามก็เห็นว่ามีมากขึ้น มีทีมใหญ่มาเข้าร่วมการซ้อมหนาตาขึ้นกว่าครั้งแรก ทำให้ได้เห็นการทำงานของทีมคู่แข่งด้วย ซึ่งบางอย่างเราก็ต้องเรียนรู้ เพราะต้องยอมรับว่าการเป็นทีมแข่งไทยทีมแรกในศึกนี้นั้นไม่ง่าย แต่พวกเราก็ตั้งใจจะทำให้เต็มที่อย่างสุดความสามารถ”
“เป้าหมายหลังจากรอบซ้อมคือ การคว้าตำแหน่งออกสตาร์ทติด 1 ใน 5 ให้ได้ในรอบควอลิฟาย เพื่อจะได้เกาะกลุ่มผู้นำตั้งแต่ออกตัว ไม่อย่างนั้นถ้าหลุดจากนี้มีโอกาสติดรถช้า หรือกว่าจะไล่ตามให้ทันคงลำบาก และอาจทำให้ยางสึกหรอมากเกินไปก่อนวิ่งจบการแข่งขัน” ผู้จัดการทีมแข่งสายเลือดไทย เอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ กล่าว
สำหรับโปรแกรมศึกดวลความเร็วสุดแสนทรหด “ซูซูก้า เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง แชมเปี้ยนชิพ” ปี 2017 ณ สนามซูซูก้า เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น จะทำการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ในวันเสาร์ที่ 29 กรกฏาคม นี้ ตั้งแต่เวลา 7.00-11.00 น. ตามเวลาในบ้านเรา.
