หลังโตโยต้าเปิดตัว “คัมรี ไมเนอร์เชนจ์” ไปเมื่อปีที่แล้ว พร้อมทางเลือกหลากหลายทั้ง ไฮบริดและรุ่นเครื่องยนต์ ICE (Internal Combustion Engine) เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร พร้อมความสปอร์ตอย่าง Extremo รวมถึงรุ่นนำเข้าจากออสเตรเลีย Esport (เปิดตัวตามมาทีหลัง)
ในกลุ่ม D-segment หรือรถยนต์นั่งขนาดกลางถือเป็นตลาดอันแข็งแกร่งของโตโยต้าและฮอนด้าครับ ใครไม่แน่จริงจะมาขอแย่งส่วนแบ่งตรงนี้เห็นจะยาก (ดังนั้นหลายค่ายจึงหันไปลุยเอสยูวี ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ดี) ในส่วนยอดขาย 9 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กันยายน 2559) “คัมรี” ยังเหนือกว่า “แอคคอร์ด” นิดๆ ด้วยตัวเลข 4,293 คัน และ 4,051 คัน ตามลำดับ
สำหรับคัมรีรุ่นขายดีต้องยกให้ตัวไฮบริดและพวกรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรนั้นสัดส่วนการขายไม่ถึง 10% ของคัมรีทั้งหมด ดังนั้นเพื่อกระตุ้นการรับรู้ในรุ่นย่อยนี้บ้าง โตโยต้าจึงจัดคัมรี 2.5G มาให้ผู้สื่อข่าวได้ลองขับ
โดยรถยนต์รุ่นนี้มีความน่าสนใจอยู่ตรงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัย ไล่ตั้งแต่กระจกมองข้างปรับอัตโนมัติขณะถอยหลัง (2-Side Reverse Link & Auto Retractable) กล้องมองหลังขณะถอย ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่และกระจกมองข้าง ขณะที่เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ตลอดจนชุดเครื่องเล่น DVD หน้าจอสัมผัสรองรับระบบนำทาง พร้อมลำโพง JBL 12 ตัว (เพิ่มจาก 10 ตัว) รวมถึงแท่นชาร์จมือถือแบบไร้สาย(ถ้าเป็นไอโฟนต้องมีอแดปเตอร์เสียบก่อน)
ส่วนความปลอดภัยระดับถุงลมนิรภัยรวม 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า ด้านข้าง ม่านด้านข้าง และป้องกันหัวเข่าคนขับ) ระบบเตือนรถที่จะเข้ามาจากมุมอับสายตา(Blind Sport System) และระบบช่วยเตือนขณะถอยรถออกจากซอง ซึ่งโตโยต้าฝังเซ็นเซอร์ไว้รอบคันรวม 6 จุด
ภายในเบาะหนังเน้นโทนสว่างสีเบจ ตัดด้วยคอนโซลสีดำพร้อมลายไม้ดูสูงอายุ แต่สิ่งที่ผมชอบที่สุดของรถยนต์คันนี้ ต้องยกให้สัมผัสนั่งนุ่มสบายโดยเฉพาะตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลัง
การเข้า-ออก ภายในห้องโดยสารด้านหลังสะดวกคล่องแคล่ว เมื่อนั่งไปแล้วพื้นที่วางขากว้างขวาง ส่วนตำแหน่งเบาะนั่งวางองศากำลังดี เช่นเดียวกับการรองรับสรีระไม่นุ่มยวบและไม่แข็งจนเกินไป สอดคล้องกับช่วงล่างที่จัดการแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้อยู่หมัด พร้อมประสิทธิภาพของการเก็บเสียงรบกวนจากภายนอก บวกแอร์เย็นช่ำ นั่งด้านหลังจึงหลับได้เพลินๆ
….ไม่รู้โตโยต้าเขาร่ายมนต์เสน่ห์อะไรให้คัมรีครับ เพราะตั้งแต่โมเดลที่แล้วจนถึงโมเดลนี้ กาารนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังให้ความสุนทรียมีความนุ่มสบาย ซึ่งประเด็นนี้แอคคอร์ดยังสู้ไม่ได้
ด้านสมรรถนะจากเครื่องยนต์เบนซิน 2AR-FE 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 231 นิวตันเมตร ที่ 4,100 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้ความประทับใจในการขับขี่สูง จังหวะออกตัวไหลไปได้นิ่มๆ อัตราเร่งช่วงความเร็วกลางมีให้เหลือเฟือ ต้องการแซง จะหลบหลีกกะทันหัน กดคันเร่งลึกให้เกียร์คิกดาวน์ ตัวรถพร้อมตอบสนองทันท่วงที ดังนั้นใครใช้รถคันนี้ออกต่างจังหวัดน่าจะขับได้ไม่เครียดแน่นอน
บนโครงสร้างการรองรับอันนุ่มนวล เน้นความหรูหรานั่งสบาย แต่อาการดิ้นหรือยวบเมื่อใช้ความเร็วสูงไม่ถึงกับเป็นจุดด้อยของรถยนต์คันนี้ กล่าวคือยังควบคุมได้มั่นใจพอสมควร กับน้ำหนักพวงมาลัยพร้อมช่วงล่างด้านหน้าแบบแมกเฟอร์สันสตรัท หลังเป็นดูอัลลิงก์ ประกบล้ออัลลอย 17 นิ้ว ยาง 215/55 R17
ด้านอัตราบริโภคน้ำมันลองจับช่วงถนนโล่งทางยาวๆ เห็นตัวเลข12-13 กม./ลิตร (แต่เชื่อว่าขับในเมืองรถติดๆ ตัวเลขไม่น่าจะดีเท่านี้แน่) อีกประเด็นที่ต้องพูดถึงกันแล้วเมื่อบ้านเราคิดอัตราภาษีสรรพสามิตตามการปล่อยไอเสีย โดยคัมรี 2.5G คันนี้มีตัวเลข 188 กรัม/กม. รองรับน้ำมัน E20 โดนสรรพสามิต 35% ส่วนแอคคอร์ด 2.4 ลิตร รุ่น2.4ELปล่อยไอเสีย 194 กรัม/กม. แต่ได้แต้มต่อจากการรองรับน้ำมัน E85 จึงเสียภาษี 30% แต่กระนั้นโตโยต้าก็กัดฟันสู้ด้วยราคาขาย 1.599 ล้านบาท ส่วนแอคคอร์ด 1.635 ล้านบาท
รวบรัดตัดความ.... 2.5G อาจจะเป็นคัมรีรุ่นที่ถูกเมิน เพราะตำแหน่งกั๊กๆ กลางๆ กล่าวคือ สมรรถนะจากรุ่นเครื่องยนต์ 2.0ลิตร และเกียร์ชุดใหม่ก็ขับดีเพียงพอต่อการใช้งาน ส่วนใครอยากขยับราคาขึ้นไปมักจัดรุ่นไฮบริดที่เน้นประหยัดน้ำมันไปเลย ขณะเดียวกันทั้งรุ่น 2.0 และ 2.5 ยังมีอารมณ์สปอร์ตคือ Extremo กับ Esport เป็นทางเลือก ส่วน 2.5G พยายามเน้นความหรูคู่ออปชันอำนวยความสะดวก-ปลอดภัยแบบจัดเต็ม แถมนั่งด้านหลังนุ่มสบายชวนฝัน....งานนี้ทางใครทางมัน และคงไปวัดกันที่อายุเจ้าของครับ
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring