ช่วงกลางๆค่อนมาทางปลายอายุโมเดลของ“เอ็กซ์1” (X1)โฉมเก่า เราได้เห็นราคาไม่ถึงสองล้านบาทสำหรับรุ่น sDrive18i ที่วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร นับเป็นเอสยูวีระดับเริ่มต้นที่เปิดโอกาสให้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆเข้าถึงแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูมากขึ้น



ดังนั้นโฉมใหม่หรือเจเนอเรชันที่สองของ X1 จึงน่าสนใจว่าจะเข้ามาช่วยสร้างความคึกคักให้กับบีเอ็มดับเบิลยูและตลาดรถหรูได้ขนาดไหน ซึ่งในเมืองไทยเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมากับรุ่นนำเข้าทั้งคัน
ส่วนรุ่นประกอบในประเทศเพิ่งจะพร้อมทำตลาดช่วงเดือนกรกฎาคม
ด้วยสองทางเลือกเครื่องยนต์คือ เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร บล็อกใหม่ ประกบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร ประกบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทุกรุ่นเครื่องยนต์ส่งกำลังขับเคลื่อนลงสู่ล้อหน้าพร้อมแบ่งรุ่นย่อยการตกแต่งเป็น M Sport และ xLine
โดยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน sDrive18i ตัว xLine ราคา 2.299 ล้านบาท และเครื่องยนต์ดีเซล sDrive18d xLine ราคา 2.499 ล้านบาท ส่วนใครอยากได้รุ่น M Sport เพิ่มเงิน 1 แสนบาท
X1 โฉมใหม่รหัสตัวถัง F48 ในเชิงวิศวกรรมหันมาใช้แพลตฟอร์ม UKL1 ของรถขับเคลื่อนล้อหน้าที่นำร่องมาก่อนกับ “ซีรีส์ 2” แอคทีฟและแกรนด์ทัวร์เรอร์ ซึ่งการเป็นเอสยูวีขับเคลื่อนล้อหน้า บีเอ็มดับเบิลยูชี้ว่า จะได้ประโยชน์เต็มๆจากการใช้พื้นที่ภายในห้องโดยสาร แม้จริงๆแล้วความยาวและระยะฐานล้อของรถยนต์รุ่นนี้จะน้อยกว่าเดิมตาม
X1 โฉมใหม่มีความยาว 4,439 มม.(สั้นลง 15 มม.) ส่วนความกว้าง 1,821 มม. (เพิ่มขึ้น 23 มม.) สูง 1,612 มม. (เพิ่มขึ้น 67 มม.) ระยะฐานล้อ 2,670 มม.(สั้นลง 90 มม.) ทว่าค่ายใบพัดสีฟ้ายืนยันว่าตำแหน่งนั่งและการปรับเลื่อนหน้าถอยหลัง(เบาะหน้า-หลัง) สามารถขยับขยายได้มากขึ้น ขณะเดียวกันยังเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังได้ 83 ลิตร เป็น 505 ลิตร และถ้าพับเบาะนั่งแถวสองลงจะเพิ่มพื้นที่ตรงนี้ได้เป็น 1,550 ลิตร



ส่วนอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานครบทุกรุ่นย่อย คือหน้าจอ Head-Up Display สะท้อนข้อมูลการขับขี่มาที่กระจกบังลมหน้า (ความเร็ว,ระบบนำทาง) ซึ่งคนขับสามารถเลือกเปิด-ปิดได้ เช่นเดียวกับการปรับตำแหน่งการแสดงผลให้สูงขึ้น-ต่ำลง รวมถึงความสว่างมาก-น้อย
นอกจากนี้ยังติดตั้งหน้าจอ 8.8 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง ระบบช่วยการจอดรถอัตโนมัติ Parking Assistant ที่จะคอยช่วยหาช่องว่างที่เหมาะสม พร้อมกะระยะถอยรถให้จอดเองแบบขนานกับทางเท้าได้
ด้านรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่ผมได้ลองขับล่าสุดให้กำลัง 150 แรงม้า (บีเอ็มดับเบิลยูจึงใช้ชื่อรุ่นในการทำตลาดว่า 18d เพราะถ้าเป็นรถยนต์รุ่นอื่นๆที่ชื่อ 20d ต่อท้าย จะให้กำลังระดับ 190 แรงม้า) การขับขี่ตอบสนองดีตามสไตล์เครื่องยนต์ดีเซล อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.9.2 วินาที ถือว่าเหมาะสมลงตัวกับขนาดตัวถัง แรงบิดรีดออกมาขมีขมันเต็มกำลังตั้งแต่รอบต่ำ ส่วนเกียร์อัตโนมัต 8 สปีด รักษาความคงเส้นคงวาในการส่งกำลังลงสู่ล้อหน้าได้อย่างต่อเนื่องนุ่มนวล
ผมประทับใจอัตราเร่งที่จัดให้ทันใช้ ทั้งช่วงออกตัว ช่วงความเร็วกลาง และความเร็วปลาย ขณะเดียวกันบนความเร็ว 120 กม./ชม. ที่ตำแหน่งเกียร์สูงสุด รอบเครื่องยนต์ก็อยู่แถวๆ 1,900 เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เรี่ยวแรงหรืออัตราเร่งที่น่าพอใจนี้ ต้องสงวนเอาไว้ให้รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลครับ เพราะถ้าได้ลองขับเปรียบเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร 136 แรงม้า จะรู้สึกถึงความอืดอาดกว่ากันชัดเจน (ส่วนคู่แข่ง GLA200 เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร เทอร์โบ ยังตอบสนองดีกว่า)

...กล่าวคือรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เหมาะใช้งานในเมืองขับ “ชิล ชิล”สบายๆ แต่ถ้าต้องการสมรรถนะมากไปกว่านั้น หรือขับใช้ไปท่องเที่ยวตามต่างจังหวัดพร้อมครอบครัวและสัมภาระเต็มลำ อาจจะมีหงุดหงิดใจบ้าง
ส่วนช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท หลังมัลติลิงค์ ประกบล้ออัลลอย 18 นิ้ว ยางรันแฟลต 225/50 R18 ประสิทธิภาพการทรงตัวยอดเยี่ยม หรือเกาะถนนหนึบแน่นควบคุมอยู่มือ พร้อมลดความกระด้างลงจากรุ่นเดิมเล็กน้อย
อัตราบริโภคน้ำมันของรุ่น sDrive 18d บีเอ็มดับเบิลยูเคลมไว้เฉลี่ย 20 กม./ลิตร ส่วนการขับขี่ของผมในสภาวะการขับขี่รวมๆเห็นตัวเลข 14 กม./ลิตร สบายๆครับ
รวบรัดตัดความ...ในภาพรวมของการขับขี่ อารมณ์ยังต่างจากเอสยูวีรุ่นพี่ๆที่เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังและมี ระบบ xDrive อยู่พอสมควร แต่เอาเป็นว่าใครตกลงปลงใจกับ X1 แล้วยังลังเลว่าจะจัดรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่สมรรถนะดีแถมจิบน้ำมัน หรือซื้อรุ่นเครื่องยนต์เบนซินที่จ่ายถูกกว่ากันสองแสนบาท (แล้วเอาเงินส่วนต่างนี้ไปจ่ายค่าน้ำมันได้เยอะ) ก็คงต้องพิจารณาเรื่องการใช้งานและความพอใจส่วนตัวเพื่อประกอบการตัดสินใจ กล่าวคือหากใช้วิ่งในเมือง ขับขำๆ รุ่น sDrive 18i ก็พอไหว แต่ถ้าต้องใช้รถทางไกล วิ่งต่างจังหวัดบ่อยๆ เน้นระดมคน บรรทุกของ หรือวันพักผ่อนของครอบครัว จัดรุ่น sDrive 18d ขับไม่เครียดและให้ความสบายใจกว่าแน่นอน






ดังนั้นโฉมใหม่หรือเจเนอเรชันที่สองของ X1 จึงน่าสนใจว่าจะเข้ามาช่วยสร้างความคึกคักให้กับบีเอ็มดับเบิลยูและตลาดรถหรูได้ขนาดไหน ซึ่งในเมืองไทยเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมากับรุ่นนำเข้าทั้งคัน
ส่วนรุ่นประกอบในประเทศเพิ่งจะพร้อมทำตลาดช่วงเดือนกรกฎาคม
ด้วยสองทางเลือกเครื่องยนต์คือ เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร บล็อกใหม่ ประกบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร ประกบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทุกรุ่นเครื่องยนต์ส่งกำลังขับเคลื่อนลงสู่ล้อหน้าพร้อมแบ่งรุ่นย่อยการตกแต่งเป็น M Sport และ xLine
โดยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน sDrive18i ตัว xLine ราคา 2.299 ล้านบาท และเครื่องยนต์ดีเซล sDrive18d xLine ราคา 2.499 ล้านบาท ส่วนใครอยากได้รุ่น M Sport เพิ่มเงิน 1 แสนบาท
X1 โฉมใหม่รหัสตัวถัง F48 ในเชิงวิศวกรรมหันมาใช้แพลตฟอร์ม UKL1 ของรถขับเคลื่อนล้อหน้าที่นำร่องมาก่อนกับ “ซีรีส์ 2” แอคทีฟและแกรนด์ทัวร์เรอร์ ซึ่งการเป็นเอสยูวีขับเคลื่อนล้อหน้า บีเอ็มดับเบิลยูชี้ว่า จะได้ประโยชน์เต็มๆจากการใช้พื้นที่ภายในห้องโดยสาร แม้จริงๆแล้วความยาวและระยะฐานล้อของรถยนต์รุ่นนี้จะน้อยกว่าเดิมตาม
X1 โฉมใหม่มีความยาว 4,439 มม.(สั้นลง 15 มม.) ส่วนความกว้าง 1,821 มม. (เพิ่มขึ้น 23 มม.) สูง 1,612 มม. (เพิ่มขึ้น 67 มม.) ระยะฐานล้อ 2,670 มม.(สั้นลง 90 มม.) ทว่าค่ายใบพัดสีฟ้ายืนยันว่าตำแหน่งนั่งและการปรับเลื่อนหน้าถอยหลัง(เบาะหน้า-หลัง) สามารถขยับขยายได้มากขึ้น ขณะเดียวกันยังเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังได้ 83 ลิตร เป็น 505 ลิตร และถ้าพับเบาะนั่งแถวสองลงจะเพิ่มพื้นที่ตรงนี้ได้เป็น 1,550 ลิตร
ส่วนอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานครบทุกรุ่นย่อย คือหน้าจอ Head-Up Display สะท้อนข้อมูลการขับขี่มาที่กระจกบังลมหน้า (ความเร็ว,ระบบนำทาง) ซึ่งคนขับสามารถเลือกเปิด-ปิดได้ เช่นเดียวกับการปรับตำแหน่งการแสดงผลให้สูงขึ้น-ต่ำลง รวมถึงความสว่างมาก-น้อย
นอกจากนี้ยังติดตั้งหน้าจอ 8.8 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง ระบบช่วยการจอดรถอัตโนมัติ Parking Assistant ที่จะคอยช่วยหาช่องว่างที่เหมาะสม พร้อมกะระยะถอยรถให้จอดเองแบบขนานกับทางเท้าได้
ด้านรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่ผมได้ลองขับล่าสุดให้กำลัง 150 แรงม้า (บีเอ็มดับเบิลยูจึงใช้ชื่อรุ่นในการทำตลาดว่า 18d เพราะถ้าเป็นรถยนต์รุ่นอื่นๆที่ชื่อ 20d ต่อท้าย จะให้กำลังระดับ 190 แรงม้า) การขับขี่ตอบสนองดีตามสไตล์เครื่องยนต์ดีเซล อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.9.2 วินาที ถือว่าเหมาะสมลงตัวกับขนาดตัวถัง แรงบิดรีดออกมาขมีขมันเต็มกำลังตั้งแต่รอบต่ำ ส่วนเกียร์อัตโนมัต 8 สปีด รักษาความคงเส้นคงวาในการส่งกำลังลงสู่ล้อหน้าได้อย่างต่อเนื่องนุ่มนวล
ผมประทับใจอัตราเร่งที่จัดให้ทันใช้ ทั้งช่วงออกตัว ช่วงความเร็วกลาง และความเร็วปลาย ขณะเดียวกันบนความเร็ว 120 กม./ชม. ที่ตำแหน่งเกียร์สูงสุด รอบเครื่องยนต์ก็อยู่แถวๆ 1,900 เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เรี่ยวแรงหรืออัตราเร่งที่น่าพอใจนี้ ต้องสงวนเอาไว้ให้รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลครับ เพราะถ้าได้ลองขับเปรียบเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร 136 แรงม้า จะรู้สึกถึงความอืดอาดกว่ากันชัดเจน (ส่วนคู่แข่ง GLA200 เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร เทอร์โบ ยังตอบสนองดีกว่า)
...กล่าวคือรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เหมาะใช้งานในเมืองขับ “ชิล ชิล”สบายๆ แต่ถ้าต้องการสมรรถนะมากไปกว่านั้น หรือขับใช้ไปท่องเที่ยวตามต่างจังหวัดพร้อมครอบครัวและสัมภาระเต็มลำ อาจจะมีหงุดหงิดใจบ้าง
ส่วนช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท หลังมัลติลิงค์ ประกบล้ออัลลอย 18 นิ้ว ยางรันแฟลต 225/50 R18 ประสิทธิภาพการทรงตัวยอดเยี่ยม หรือเกาะถนนหนึบแน่นควบคุมอยู่มือ พร้อมลดความกระด้างลงจากรุ่นเดิมเล็กน้อย
อัตราบริโภคน้ำมันของรุ่น sDrive 18d บีเอ็มดับเบิลยูเคลมไว้เฉลี่ย 20 กม./ลิตร ส่วนการขับขี่ของผมในสภาวะการขับขี่รวมๆเห็นตัวเลข 14 กม./ลิตร สบายๆครับ
รวบรัดตัดความ...ในภาพรวมของการขับขี่ อารมณ์ยังต่างจากเอสยูวีรุ่นพี่ๆที่เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังและมี ระบบ xDrive อยู่พอสมควร แต่เอาเป็นว่าใครตกลงปลงใจกับ X1 แล้วยังลังเลว่าจะจัดรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่สมรรถนะดีแถมจิบน้ำมัน หรือซื้อรุ่นเครื่องยนต์เบนซินที่จ่ายถูกกว่ากันสองแสนบาท (แล้วเอาเงินส่วนต่างนี้ไปจ่ายค่าน้ำมันได้เยอะ) ก็คงต้องพิจารณาเรื่องการใช้งานและความพอใจส่วนตัวเพื่อประกอบการตัดสินใจ กล่าวคือหากใช้วิ่งในเมือง ขับขำๆ รุ่น sDrive 18i ก็พอไหว แต่ถ้าต้องใช้รถทางไกล วิ่งต่างจังหวัดบ่อยๆ เน้นระดมคน บรรทุกของ หรือวันพักผ่อนของครอบครัว จัดรุ่น sDrive 18d ขับไม่เครียดและให้ความสบายใจกว่าแน่นอน