สุดแต่ใครจะนิยามว่าพี่เขาเป็น“รถตู้หรู” หรือ “ฟูลไซส์เอ็มพีวี” (Full size MPV) ทว่าเส้นเลือดใหญ่ของฮุนได มอเตอร์ ในประเทศไทย อย่าง เอช1 (H1) และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์ (Grand Starex) ยังโกยยอดขายเป็นกอบเป็นกำ
…ไม่เชื่อดูจำนวนรถบนท้องถนนดูก็ได้!!!
ส่วนหนึ่งเพราะช่องว่างการตลาดครับ ด้วยราคาไม่ถึง 2 ล้านบาท (H1) กับเอ็มพีวีคันใหญ่ ถือว่าถูกกว่ารถแบรนด์ยุโรป(เมอร์เซเดส-เบนซ์ วีโต้และโฟล์คสวาเกน คาราเวล) รวมถึงโตโยต้า อัลฟาร์ด ที่ราคาโดดไปแถวๆสามล้านบาททั้งนั้น
ส่วน“แกรนด์ สตาร์เร็กซ์” อาจจะแพงกว่า เอช1 นิดหน่อยเพราะเกิดมาเป็นรถยนต์ 7 ที่นั่ง(แต่ก็พื้นฐานการพัฒนาเดียวกัน) ทั้งนี้รุ่นโมเดลปี 2016 ราคาขายยังถูกปรับขึ้นเป็น 2.349 ล้านบาทสำหรับรุ่น Premium และ 2.399 ล้านบาท ในรุ่น VIP
การปรับโฉมในโมเดลปี 2016 อาจจะไม่เห็นเด่นชัด แต่ที่เปลี่ยนไปแน่ๆคือการออกแบบกระจังหน้าใหม่ และเพิ่มออปชันอย่างประตูสไลด์ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า(แถมรีโมทควบคุมมาให้ด้วย) ขณะที่ความโดดเด่นอื่นๆ มีไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Light) ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงพร้อมหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 8 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อ USB / iPod และรองรับระบบ Bluetooth สำหรับโทรศัพท์มือถือ
ส่วนมูลค่าที่ต่างกันระหว่างรุ่น Premium กับ VIP น่าจะเป็นพาร์ติชัน(เคาท์เตอร์ทีวี)ที่กั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสารตอนหลัง โดยรุ่นท็อปมีจอทีวี LCD ขนาด 22 นิ้ว(เลื่อนขึ้นเก็บลงได้ด้วยระบบไฟฟ้า) ส่วนรุ่น Premium ไม่ได้รับความอลังการนี้ แต่จะมีจอติดเพดานขนาด 13.3 นิ้วแบบรถตู้ทั่วไปมาให้
นอกจากนี้ในตัวท็อป VIP จะเพิ่มอารมณ์สุนทรีย์ภายในห้องโดยสารด้วย Ambient Light สามารถเปลี่ยนได้ 3 สี และมี 2 ช่อง USB ให้ชาร์จไฟตรงเคาน์เตอร์ทีวี ส่วนลำโพงก็ติดมาให้ 8 ตัว (รุ่น Premium 6 ตัว)
ด้วยโครงสร้างใหญ่ยักษ์ มีประตูสไลด์สองฝั่งอำนวยความสะดวกในการขึ้น-ลง พร้อมเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งความสบายในห้องโดยสารเกิดขึ้นจริงเมื่อคุณนั่งเป็นผู้โดยสารแถวสอง โดยเบาะแบบ VIP คู่ ปรับระดับจับเอนได้ด้วยระบบไฟฟ้า ให้ความนุ่มตึงกำลังดี ทั้ง เบาะรองนั่ง พนักพิงหลัง-ศีรษะ ที่วางแขน และที่พักเท้า
อย่างไรก็ตาม ด้วยความสูงของรถอาจจะเสียวๆหวิวๆเมื่อขับเข้าตึกจอดรถหรือลอดสะพาน แต่ดูป้ายจำกัดความสูงเอาไว้หน่อยครับ ถ้าเห็นว่าเกิน 2 เมตรก็ผ่านสบาย
“แกรนด์ สตาร์เร็กซ์” สามารถรองรับการใช้งานแบบรถครอบครัว กล่าวคือเป็นรถยนต์คันที่สองหรือสามของบ้านเพื่อรวมญาติไปเที่ยวหรือกินข้าวพร้อมหน้าในวันหยุดพักผ่อน ซึ่งการเดินทางในลักษณะนี้อบอุ่นมาก (ไม่ต้องแยกรถหลายคัน แถมประหยัดน้ำมันด้วย)
เหนืออื่นใด “แกรนด์ สตาร์เร็กซ์” อาจใช้เป็นรถประจำตำแหน่งของผู้บริหาร เบาะนั่งสบายให้ความผ่อนคลายแต่ใครอยากจะนั่งทำงานก็ขยับขยายได้พอสมควร พร้อมความเงียบภายในห้องโดยสารและความเป็นส่วนตัวสูง (ส่วนเสียงเครื่องยนต์ดีเซลก็แทบไม่ได้ยิน เมื่อนั่งเบาะแถวสอง)
ด้านการขับขี่อาจจะไม่ใช่ประเด็นใหญ่สำหรับคนซื้อรถประเภทนี้ แต่เชื่อว่าใครได้ลองขับแล้ว น่าจะชอบใจกับขุมพลังที่ตอบสนองได้เกินความคาดหวัง
โดยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผัน VGT อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 441 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 2,250 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมระบบ Sequential shift เลือกปรับเกียร์เองได้ ก็นั่งกันไปเถอะครับ 5 คน หรือ 7 คน พละกำลังเหลือเฟือ ซึ่งแรงบิด 441 นิวตัน-เมตร จัดให้เพียงพอต่อการใช้งาน จังหวะการกดคันเร่งกับการตอบสนองของรถดีพอสมควร ความยาวตัวถังระดับ 5.1 เมตรเหมือนจะเทอะทะ การควบคุมพวงมาลัยมีระยะฟรีนิดๆเพื่อความปลอดภัย เพียงแต่ความเร้าใจมาอยู่ตรงที่ตำแหน่งนั่งผู้ขับสูงมองได้ไกล รถหน้าสั้น ดูเหมือนรถจะไปเร็ว
การใช้ความเร็วสูง ตัวรถไม่ถึงกับโหวงเหวงโคลงเคลง ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท หลังแบบ 5 จุดยึด เก็บอาการสะเทือนจากพื้นถนนได้ยอดเยี่ยม เมื่อนั่งตำแหน่งผู้โดยสารแถวสองยังรับรู้ถึงความนุ่มนวล เพียงแต่ช่วงขึ้น-ลงคอสะพานยังต้องรับกับอาการโดดเด้งเป็นธรรมดา
นอกจากนี้ ด้วยรูปทรง ขนาด และน้ำหนักของตัวรถ ผู้ขับคงต้องปรับตัวเรื่องสัมผัสของแป้นเบรกกับระยะชะลอหยุด ที่น่าจะไกลกว่ารถบ้านทั่วๆไปอยู่เล็กน้อย(ใช้ดิสก์เบรก 4 ล้อ) ด้านอัตราบริโภคน้ำมันฮุนไดเคลมไว้เฉลี่ยๆ 10.3 กม./ลิตร ขณะที่การปล่อยไอเสีย 258 กรัมต่อกิโลเมตร โดนภาษีสรรพสามิตเต็มพิกัด 40%
รวบรัดตัดความ...รถอเนกประสงค์คันโต ตำแหน่งนั่งคนขับสูงมองไปข้างหน้าได้ไกล สามารถคิดและเตรียมการตัดสินใจได้ล่วงหน้า อัตราเร่งสมเนื้อสมตัว ขับทางไกลไม่เครียด การตอบสนองของเบรกพยายามเซ็ทให้นุ่มนวล แต่ขับแรกๆต้องเรียนรู้กับระยะเบรกพอสมควร ด้านการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารทำได้ดี พร้อมช่วงล่างเนียนนุ่ม ส่วนตำแหน่งนั่งของผู้โดยสารแถวสองน่าจะเป็นสวรรค์ที่สุด ส่วนราคาขายแม้จะค่อยๆขยับขึ้นแต่ยังถูกกว่าพวกรถตู้แบรนด์ยุโรปรวมถึงโตโยต้า อัลฟาร์ด/เวลไฟร์ เยอะ ความหรูอาจจะไม่เทียบ ทว่าวัดความสบายบนประโยชน์ใช้สอยแทบไม่ต่างกัน ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพอใจแล้วละครับ
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
…ไม่เชื่อดูจำนวนรถบนท้องถนนดูก็ได้!!!
ส่วนหนึ่งเพราะช่องว่างการตลาดครับ ด้วยราคาไม่ถึง 2 ล้านบาท (H1) กับเอ็มพีวีคันใหญ่ ถือว่าถูกกว่ารถแบรนด์ยุโรป(เมอร์เซเดส-เบนซ์ วีโต้และโฟล์คสวาเกน คาราเวล) รวมถึงโตโยต้า อัลฟาร์ด ที่ราคาโดดไปแถวๆสามล้านบาททั้งนั้น
ส่วน“แกรนด์ สตาร์เร็กซ์” อาจจะแพงกว่า เอช1 นิดหน่อยเพราะเกิดมาเป็นรถยนต์ 7 ที่นั่ง(แต่ก็พื้นฐานการพัฒนาเดียวกัน) ทั้งนี้รุ่นโมเดลปี 2016 ราคาขายยังถูกปรับขึ้นเป็น 2.349 ล้านบาทสำหรับรุ่น Premium และ 2.399 ล้านบาท ในรุ่น VIP
การปรับโฉมในโมเดลปี 2016 อาจจะไม่เห็นเด่นชัด แต่ที่เปลี่ยนไปแน่ๆคือการออกแบบกระจังหน้าใหม่ และเพิ่มออปชันอย่างประตูสไลด์ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า(แถมรีโมทควบคุมมาให้ด้วย) ขณะที่ความโดดเด่นอื่นๆ มีไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Light) ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงพร้อมหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 8 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อ USB / iPod และรองรับระบบ Bluetooth สำหรับโทรศัพท์มือถือ
ส่วนมูลค่าที่ต่างกันระหว่างรุ่น Premium กับ VIP น่าจะเป็นพาร์ติชัน(เคาท์เตอร์ทีวี)ที่กั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสารตอนหลัง โดยรุ่นท็อปมีจอทีวี LCD ขนาด 22 นิ้ว(เลื่อนขึ้นเก็บลงได้ด้วยระบบไฟฟ้า) ส่วนรุ่น Premium ไม่ได้รับความอลังการนี้ แต่จะมีจอติดเพดานขนาด 13.3 นิ้วแบบรถตู้ทั่วไปมาให้
นอกจากนี้ในตัวท็อป VIP จะเพิ่มอารมณ์สุนทรีย์ภายในห้องโดยสารด้วย Ambient Light สามารถเปลี่ยนได้ 3 สี และมี 2 ช่อง USB ให้ชาร์จไฟตรงเคาน์เตอร์ทีวี ส่วนลำโพงก็ติดมาให้ 8 ตัว (รุ่น Premium 6 ตัว)
ด้วยโครงสร้างใหญ่ยักษ์ มีประตูสไลด์สองฝั่งอำนวยความสะดวกในการขึ้น-ลง พร้อมเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งความสบายในห้องโดยสารเกิดขึ้นจริงเมื่อคุณนั่งเป็นผู้โดยสารแถวสอง โดยเบาะแบบ VIP คู่ ปรับระดับจับเอนได้ด้วยระบบไฟฟ้า ให้ความนุ่มตึงกำลังดี ทั้ง เบาะรองนั่ง พนักพิงหลัง-ศีรษะ ที่วางแขน และที่พักเท้า
อย่างไรก็ตาม ด้วยความสูงของรถอาจจะเสียวๆหวิวๆเมื่อขับเข้าตึกจอดรถหรือลอดสะพาน แต่ดูป้ายจำกัดความสูงเอาไว้หน่อยครับ ถ้าเห็นว่าเกิน 2 เมตรก็ผ่านสบาย
“แกรนด์ สตาร์เร็กซ์” สามารถรองรับการใช้งานแบบรถครอบครัว กล่าวคือเป็นรถยนต์คันที่สองหรือสามของบ้านเพื่อรวมญาติไปเที่ยวหรือกินข้าวพร้อมหน้าในวันหยุดพักผ่อน ซึ่งการเดินทางในลักษณะนี้อบอุ่นมาก (ไม่ต้องแยกรถหลายคัน แถมประหยัดน้ำมันด้วย)
เหนืออื่นใด “แกรนด์ สตาร์เร็กซ์” อาจใช้เป็นรถประจำตำแหน่งของผู้บริหาร เบาะนั่งสบายให้ความผ่อนคลายแต่ใครอยากจะนั่งทำงานก็ขยับขยายได้พอสมควร พร้อมความเงียบภายในห้องโดยสารและความเป็นส่วนตัวสูง (ส่วนเสียงเครื่องยนต์ดีเซลก็แทบไม่ได้ยิน เมื่อนั่งเบาะแถวสอง)
ด้านการขับขี่อาจจะไม่ใช่ประเด็นใหญ่สำหรับคนซื้อรถประเภทนี้ แต่เชื่อว่าใครได้ลองขับแล้ว น่าจะชอบใจกับขุมพลังที่ตอบสนองได้เกินความคาดหวัง
โดยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผัน VGT อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 441 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 2,250 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมระบบ Sequential shift เลือกปรับเกียร์เองได้ ก็นั่งกันไปเถอะครับ 5 คน หรือ 7 คน พละกำลังเหลือเฟือ ซึ่งแรงบิด 441 นิวตัน-เมตร จัดให้เพียงพอต่อการใช้งาน จังหวะการกดคันเร่งกับการตอบสนองของรถดีพอสมควร ความยาวตัวถังระดับ 5.1 เมตรเหมือนจะเทอะทะ การควบคุมพวงมาลัยมีระยะฟรีนิดๆเพื่อความปลอดภัย เพียงแต่ความเร้าใจมาอยู่ตรงที่ตำแหน่งนั่งผู้ขับสูงมองได้ไกล รถหน้าสั้น ดูเหมือนรถจะไปเร็ว
การใช้ความเร็วสูง ตัวรถไม่ถึงกับโหวงเหวงโคลงเคลง ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท หลังแบบ 5 จุดยึด เก็บอาการสะเทือนจากพื้นถนนได้ยอดเยี่ยม เมื่อนั่งตำแหน่งผู้โดยสารแถวสองยังรับรู้ถึงความนุ่มนวล เพียงแต่ช่วงขึ้น-ลงคอสะพานยังต้องรับกับอาการโดดเด้งเป็นธรรมดา
นอกจากนี้ ด้วยรูปทรง ขนาด และน้ำหนักของตัวรถ ผู้ขับคงต้องปรับตัวเรื่องสัมผัสของแป้นเบรกกับระยะชะลอหยุด ที่น่าจะไกลกว่ารถบ้านทั่วๆไปอยู่เล็กน้อย(ใช้ดิสก์เบรก 4 ล้อ) ด้านอัตราบริโภคน้ำมันฮุนไดเคลมไว้เฉลี่ยๆ 10.3 กม./ลิตร ขณะที่การปล่อยไอเสีย 258 กรัมต่อกิโลเมตร โดนภาษีสรรพสามิตเต็มพิกัด 40%
รวบรัดตัดความ...รถอเนกประสงค์คันโต ตำแหน่งนั่งคนขับสูงมองไปข้างหน้าได้ไกล สามารถคิดและเตรียมการตัดสินใจได้ล่วงหน้า อัตราเร่งสมเนื้อสมตัว ขับทางไกลไม่เครียด การตอบสนองของเบรกพยายามเซ็ทให้นุ่มนวล แต่ขับแรกๆต้องเรียนรู้กับระยะเบรกพอสมควร ด้านการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารทำได้ดี พร้อมช่วงล่างเนียนนุ่ม ส่วนตำแหน่งนั่งของผู้โดยสารแถวสองน่าจะเป็นสวรรค์ที่สุด ส่วนราคาขายแม้จะค่อยๆขยับขึ้นแต่ยังถูกกว่าพวกรถตู้แบรนด์ยุโรปรวมถึงโตโยต้า อัลฟาร์ด/เวลไฟร์ เยอะ ความหรูอาจจะไม่เทียบ ทว่าวัดความสบายบนประโยชน์ใช้สอยแทบไม่ต่างกัน ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพอใจแล้วละครับ
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring