ถือเป็นยุคที่เมอร์เซเดส-เบนซ์มีอาวุธครบมือ และจัดเรียงไลน์อัพการขายได้ชัดเจนที่สุดแล้วละครับ หรือเมื่อก่อนมี “อี-คลาส” เป็นพระเอกปั้นยอดขาย แต่ปัจจุบันก็เสริมกลุ่ม Entry Level หรือ New Generation Compact Car (NGCC) ทั้ง เอ-คลาส,ซีแอลเอ และครอสโอเวอร์ จีแอลเอ ยิ่งขายดีไปกันใหญ่ (แต่เมืองไทย เอ-คลาสก็หยุดการทำตลาดไปแล้ว) ล่าสุดยังมากับระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริดในซี-คลาส,เอส-คลาส และจีแอลอี ซึ่งเป็นการประกอบในประเทศเสียด้วย
ในส่วน“อี-คลาส โฉมใหม่” W213 เพิ่งเปิดตัวในเมืองไทยช่วงต้นปีที่ผ่านมา ประเดิมกับรุ่นนำเข้าทั้งคันโดยแบ่งการขายเป็น E220 d Exclusive ราคา 3.99 ล้านบาท และ E220 d AMG Dynamic ราคา 4.79 ล้านบาท โดยวางเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ประกบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดลูกใหม่
เริ่มต้นด้วยของเล่นใหม่ๆที่ใส่เข้ามาในอี-คลาส เจเนอเรชันที่10 กันก่อน (ไม่นับออปชันที่อยู่ในสเปกเมืองนอกอย่างระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติและใช้รีโมทควบคุมเข้าที่จอด) เมอร์เซเดส-เบนซ์ เน้นไปที่เทคโนโลยีช่วยให้ขับขี่สบายและปลอดภัย ทั้ง ระบบไฟหน้า MULTIBEAM LED แบบความละเอียดสูงที่ทำงานด้วยระบบดิจิตอลทั้งหมด พร้อมระบบ Active Light ที่จะช่วยส่องไฟนำทางให้เห็นชัดทุกสภาพการขับขี่ และปรับลำแสงอัตโนมัติไม่ให้รบกวนเพื่อนที่ขับอยู่ในเลนตรงข้าม
เช่นเดียวกับขนาดตัวถังและฐานล้อที่ยาวและกว้างขึ้น พร้อมการออกแบบให้ซุ้มล้อหลังดูกว้างกว่าซุ้มล้อหน้า มีความคมคายตามสไตล์เจ้าพ่อรถหรูเขาละครับ
ภายในรุ่นท็อป E220 d AMG Dynamic จะมาพร้อมชุดหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว และเครื่องเสียง Burmester เพิ่มความสุนทรีย์ด้วยระบบปรับแสงไฟภายในห้องโดยสารได้ถึง 64 เฉดสี
ส่วนออปชันที่จัดมาในรุ่น AMG Dynamic หรือที่รุ่น Exclusive ไม่มี คือชุดไฟหน้าอัจฉริยะ หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ชุดกันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้างของAMG ระบบเปิด-ปิด ฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ ล้ออัลลอย 19 นิ้ว (รุ่น Exclusiveใช้ล้ออัลลอย 18 นิ้ว) รวมถึงออปชันภายในอย่างหน้าจอแสดงผล พร้อมชุดควบคุม รวมถึงชุดเครื่องเสียง ระบบชาร์จโทร์ศัพทมือถือไร้สาย และฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlayTM) และAndroid เป็นต้น
ภายนอกของสองรุ่นย่อยนี้จะเห็นความต่างชัดเจน เพราะกระจังหน้าไม่เหมือนกัน โดยรุ่น Exclusive จะเป็นแบบคลาสสิกและมีหัวเบนซ์บนฝากระโปรง ส่วนรุ่น AMG Dynamic เป็นสไตล์ Avantgarde ที่ฝังตราดาวสามแฉกเข้าไปที่กระจังเลย
ผมลองขับ E220 d AMG Dynamic ที่รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวสมวัย แต่กระนั้นแนวทางการออกแบบใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะทำคล้ายๆกันหมดทั้ง ซี-คลาส และเอส-คลาส ที่อาจจะน่าเบื่อหน่าย ต่างจากยุค New Eyes ที่อี-คลาส โดดเด่นแตกต่างด้วยดวงไฟคู่ ไล่ตั้งแต่ W210 W211 และ W212 ที่มาเปลี่ยนตอนเฟซลิฟท์
อย่างไรก็ตาม ถ้าสังเกตเข้าไปในโคมไฟของอี-คลาส จะเห็นการจัดวางรายละเอียดที่ต่างไป ด้วยการใช้ไฟ Daytime Running Light แบบ LED fibre optic คือแอบทำเป็นไฟวิ่งสองเส้นให้ต่างจากรถยนต์รุ่นอื่นๆ และเหมือนจะรักษาเอกลักษณ์ของ New Eyes เอาไว้กลายๆ
ภายในการตกแต่งโทนเข้ม วัสดุที่ใช้หรูหราปราณีต การออกแบบปุ่มควบคุมและหน้าจอแสดงผลต่างๆ ส่งให้รถมีระดับและสามารถเชื่อมระหว่างคนกับรถให้เข้าใจกันง่ายและชัดเจนในทุกชุดคำสั่ง
เบาะหนังนั่งสบายปรับระดับด้วยไฟฟ้า ขับระยะทางไกลๆ ไม่เมื่อยตัวปวดหลังครับ ยิ่งภายในห้องโดยสารเงียบมากๆ เสียงการจราจรภายนอกเล็ดลอดเข้ามาน้อย เช่นเดียวกับเสียงเครื่องยนต์ถ้าขับความเร็วปกติ(ไม่ได้เข่นคันเร่ง) แทบไม่รู้ครับว่าเป็นเครื่องยนต์ดีเซล คือเดินเรียบ เงียบ นิ่งมากๆ
รถคันนี้ยังมีระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถจอดหยุดนิ่ง ซึ่งทำงานนุ่มเงียบ แทบไม่รู้สึกถึงอาการกระตุกเวลาเครื่องยนต์ดับหรือจุดระเบิดติดขึ้นมาอีกครั้ง(เมื่อยกเท้าออกจากแป้นเบรก)
ในภาพรวม E220 d AMG Dynamic วิ่งนุ่มนวลชวนฝัน แรงบิดมาเนียนๆตั้งแต่รอบต่ำ หรือประมาณ 1,500 รอบต่อนาที และได้เกียร์ 9 สปีดลูกนี้มาช่วยส่งกำลังลงสู่ล้อหลังก็ยิ่งสมศักดิ์ศรี พร้อมตอบสนองการขับขี่ได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ แต่ก็พร้อมฉุดกระชากกะทันหันรวดเร็วตามแรงกดของเท้าขวา
...อ้อ อย่าลืมว่ารถเป็นเกียร์มือนะครับ คือเลื่อนไว้ที่ตำแหน่ง D จากนั้นเชิญเล่นเปลี่ยนเกียร์แบบแพดเดิ้ลชิฟท์ได้ตามสบายๆ แม้อารมณ์การเปลี่ยนเกียร์เองก็ไม่ค่อยสนุกเร้าใจเท่าไหร่
E220 d AMG Dynamic ให้สมรรถนะที่ทรงพลังแต่ก็สุภาพ จนไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นรถเครื่องยนต์ดีเซลประกบล้ออัลลอย 19 นิ้ว ขณะที่อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ระดับ 7.3 วินาที วิ่งพลิ้วพุ่งฉลุย ส่วนการนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังนุ่มนวลในระดับที่สบายมาก แม้จะไม่เทียบเท่า “เอส-คลาส” แต่ต้องบอกว่าเกือบๆ และตอนนี้ชนะเลิศเหนือ “ซีรีย์5” F10 แน่นอน(คงต้องรอเทียบกับซีรีย์ 5 โมเดลเชนจ์ที่จะมาในปีหน้าก่อนแล้วกัน)
เมื่อได้สัมผัสประสิทธิภาพและความอัจฉริยะต่างๆแล้ว ต้องบอกว่า “อี-คลาส โฉมใหม่” เป็นอีกหนึ่งยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบที่ขายในเมืองไทย ด้านอัตราบริโภคน้ำมันเมอร์เซเดส-เบนซ์ เคลมไว้ 25.6 กม./ลิตร ส่วนของผมทำได้เฉลี่ยๆ 16 กม./ลิตร (6 ลิตรต่อ100 กม.)
รวบรัดตัดความ...ยกความภูมิฐานขึ้นไปอีกระดับ ขับขี่สบายๆไฮโซใกล้เคียงเอส-คลาส บนมาตรฐานความปลอดภัยและออปชันอำนวยความสะดวกครบครัน เช่นเดียวกับสมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร ประกบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ต้องใช้คำว่าสมบูรณ์แบบในแง่ของความไหลลื่นต่อเนื่อง สรุปว่าใครซื้อตอนนี้ได้ของดีไปใช้ก่อน ส่วนคนที่ยังไม่รีบก็รอรุ่นประกอบในประเทศแบบปลั๊ก-อินไฮบริด ที่ลุ้นทำราคาได้น่าสนใจ ด้วยภาษีเอื้ออำนวย...ปลายปีนี้น่าจะได้เจอครับ
ระบบความปลอดภัยมาตรฐานใน อี-คลาส โฉมใหม่
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
ในส่วน“อี-คลาส โฉมใหม่” W213 เพิ่งเปิดตัวในเมืองไทยช่วงต้นปีที่ผ่านมา ประเดิมกับรุ่นนำเข้าทั้งคันโดยแบ่งการขายเป็น E220 d Exclusive ราคา 3.99 ล้านบาท และ E220 d AMG Dynamic ราคา 4.79 ล้านบาท โดยวางเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ประกบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดลูกใหม่
เริ่มต้นด้วยของเล่นใหม่ๆที่ใส่เข้ามาในอี-คลาส เจเนอเรชันที่10 กันก่อน (ไม่นับออปชันที่อยู่ในสเปกเมืองนอกอย่างระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติและใช้รีโมทควบคุมเข้าที่จอด) เมอร์เซเดส-เบนซ์ เน้นไปที่เทคโนโลยีช่วยให้ขับขี่สบายและปลอดภัย ทั้ง ระบบไฟหน้า MULTIBEAM LED แบบความละเอียดสูงที่ทำงานด้วยระบบดิจิตอลทั้งหมด พร้อมระบบ Active Light ที่จะช่วยส่องไฟนำทางให้เห็นชัดทุกสภาพการขับขี่ และปรับลำแสงอัตโนมัติไม่ให้รบกวนเพื่อนที่ขับอยู่ในเลนตรงข้าม
เช่นเดียวกับขนาดตัวถังและฐานล้อที่ยาวและกว้างขึ้น พร้อมการออกแบบให้ซุ้มล้อหลังดูกว้างกว่าซุ้มล้อหน้า มีความคมคายตามสไตล์เจ้าพ่อรถหรูเขาละครับ
ภายในรุ่นท็อป E220 d AMG Dynamic จะมาพร้อมชุดหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว และเครื่องเสียง Burmester เพิ่มความสุนทรีย์ด้วยระบบปรับแสงไฟภายในห้องโดยสารได้ถึง 64 เฉดสี
ส่วนออปชันที่จัดมาในรุ่น AMG Dynamic หรือที่รุ่น Exclusive ไม่มี คือชุดไฟหน้าอัจฉริยะ หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ชุดกันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้างของAMG ระบบเปิด-ปิด ฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ ล้ออัลลอย 19 นิ้ว (รุ่น Exclusiveใช้ล้ออัลลอย 18 นิ้ว) รวมถึงออปชันภายในอย่างหน้าจอแสดงผล พร้อมชุดควบคุม รวมถึงชุดเครื่องเสียง ระบบชาร์จโทร์ศัพทมือถือไร้สาย และฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlayTM) และAndroid เป็นต้น
ภายนอกของสองรุ่นย่อยนี้จะเห็นความต่างชัดเจน เพราะกระจังหน้าไม่เหมือนกัน โดยรุ่น Exclusive จะเป็นแบบคลาสสิกและมีหัวเบนซ์บนฝากระโปรง ส่วนรุ่น AMG Dynamic เป็นสไตล์ Avantgarde ที่ฝังตราดาวสามแฉกเข้าไปที่กระจังเลย
ผมลองขับ E220 d AMG Dynamic ที่รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวสมวัย แต่กระนั้นแนวทางการออกแบบใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะทำคล้ายๆกันหมดทั้ง ซี-คลาส และเอส-คลาส ที่อาจจะน่าเบื่อหน่าย ต่างจากยุค New Eyes ที่อี-คลาส โดดเด่นแตกต่างด้วยดวงไฟคู่ ไล่ตั้งแต่ W210 W211 และ W212 ที่มาเปลี่ยนตอนเฟซลิฟท์
อย่างไรก็ตาม ถ้าสังเกตเข้าไปในโคมไฟของอี-คลาส จะเห็นการจัดวางรายละเอียดที่ต่างไป ด้วยการใช้ไฟ Daytime Running Light แบบ LED fibre optic คือแอบทำเป็นไฟวิ่งสองเส้นให้ต่างจากรถยนต์รุ่นอื่นๆ และเหมือนจะรักษาเอกลักษณ์ของ New Eyes เอาไว้กลายๆ
ภายในการตกแต่งโทนเข้ม วัสดุที่ใช้หรูหราปราณีต การออกแบบปุ่มควบคุมและหน้าจอแสดงผลต่างๆ ส่งให้รถมีระดับและสามารถเชื่อมระหว่างคนกับรถให้เข้าใจกันง่ายและชัดเจนในทุกชุดคำสั่ง
เบาะหนังนั่งสบายปรับระดับด้วยไฟฟ้า ขับระยะทางไกลๆ ไม่เมื่อยตัวปวดหลังครับ ยิ่งภายในห้องโดยสารเงียบมากๆ เสียงการจราจรภายนอกเล็ดลอดเข้ามาน้อย เช่นเดียวกับเสียงเครื่องยนต์ถ้าขับความเร็วปกติ(ไม่ได้เข่นคันเร่ง) แทบไม่รู้ครับว่าเป็นเครื่องยนต์ดีเซล คือเดินเรียบ เงียบ นิ่งมากๆ
รถคันนี้ยังมีระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถจอดหยุดนิ่ง ซึ่งทำงานนุ่มเงียบ แทบไม่รู้สึกถึงอาการกระตุกเวลาเครื่องยนต์ดับหรือจุดระเบิดติดขึ้นมาอีกครั้ง(เมื่อยกเท้าออกจากแป้นเบรก)
ในภาพรวม E220 d AMG Dynamic วิ่งนุ่มนวลชวนฝัน แรงบิดมาเนียนๆตั้งแต่รอบต่ำ หรือประมาณ 1,500 รอบต่อนาที และได้เกียร์ 9 สปีดลูกนี้มาช่วยส่งกำลังลงสู่ล้อหลังก็ยิ่งสมศักดิ์ศรี พร้อมตอบสนองการขับขี่ได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ แต่ก็พร้อมฉุดกระชากกะทันหันรวดเร็วตามแรงกดของเท้าขวา
...อ้อ อย่าลืมว่ารถเป็นเกียร์มือนะครับ คือเลื่อนไว้ที่ตำแหน่ง D จากนั้นเชิญเล่นเปลี่ยนเกียร์แบบแพดเดิ้ลชิฟท์ได้ตามสบายๆ แม้อารมณ์การเปลี่ยนเกียร์เองก็ไม่ค่อยสนุกเร้าใจเท่าไหร่
E220 d AMG Dynamic ให้สมรรถนะที่ทรงพลังแต่ก็สุภาพ จนไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นรถเครื่องยนต์ดีเซลประกบล้ออัลลอย 19 นิ้ว ขณะที่อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ระดับ 7.3 วินาที วิ่งพลิ้วพุ่งฉลุย ส่วนการนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังนุ่มนวลในระดับที่สบายมาก แม้จะไม่เทียบเท่า “เอส-คลาส” แต่ต้องบอกว่าเกือบๆ และตอนนี้ชนะเลิศเหนือ “ซีรีย์5” F10 แน่นอน(คงต้องรอเทียบกับซีรีย์ 5 โมเดลเชนจ์ที่จะมาในปีหน้าก่อนแล้วกัน)
เมื่อได้สัมผัสประสิทธิภาพและความอัจฉริยะต่างๆแล้ว ต้องบอกว่า “อี-คลาส โฉมใหม่” เป็นอีกหนึ่งยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบที่ขายในเมืองไทย ด้านอัตราบริโภคน้ำมันเมอร์เซเดส-เบนซ์ เคลมไว้ 25.6 กม./ลิตร ส่วนของผมทำได้เฉลี่ยๆ 16 กม./ลิตร (6 ลิตรต่อ100 กม.)
รวบรัดตัดความ...ยกความภูมิฐานขึ้นไปอีกระดับ ขับขี่สบายๆไฮโซใกล้เคียงเอส-คลาส บนมาตรฐานความปลอดภัยและออปชันอำนวยความสะดวกครบครัน เช่นเดียวกับสมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร ประกบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ต้องใช้คำว่าสมบูรณ์แบบในแง่ของความไหลลื่นต่อเนื่อง สรุปว่าใครซื้อตอนนี้ได้ของดีไปใช้ก่อน ส่วนคนที่ยังไม่รีบก็รอรุ่นประกอบในประเทศแบบปลั๊ก-อินไฮบริด ที่ลุ้นทำราคาได้น่าสนใจ ด้วยภาษีเอื้ออำนวย...ปลายปีนี้น่าจะได้เจอครับ
ระบบความปลอดภัยมาตรฐานใน อี-คลาส โฉมใหม่
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ(PRE-SAFE®system) |
ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตําแหนง สําหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร |
ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าผู้ขับขี่ |
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตําแหน่ง สําหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า |
ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะ 4 ตําแหน่ง สําหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร |
เข็มขัดนิรภัยแบบ3จุด5ที่นั่ง |
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติESP®(Electronic Stability Program) |
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อกABS(Anti-lock braking system) |
ระบบเบรก Adaptive Brake พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist |
ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน(Adaptive Brake Light) |
ระบบรักษาความเร็ว(Cruise Control)และจํากัความเร็ว(Speedtronic) |
ระบบเตือนเพื่อนํารถเข้าศูนย์บริการ และระบบเตือนแรงดันลมยาง |
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่(Attention Assist) |
เซ็นเซอร์ช่วยในการนํารถเขาจอด(Parktronic) |
ระบบช่วยการนํารถเข้าจอดอัตโนมัติ(Active Parking Assist) |
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง |
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring