ตลาดเอสยูวีมีการแตกเซกเมนท์ เจาะฐานลูกค้าแยกย่อยๆ มากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการเปิดตัวเอสยูวีเล็ก หรือซับคอมแพ็กต์เอสยูวีรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน แต่ใช่ว่าตลาดหลักเดิมอย่างกลุ่มคอมแพ็กต์เอสยูวีจะถูกลดบทบาทลง เพราะเริ่มมีการขยับปรับโฉมกัน และไม่เพียงเท่านั้นยังมีผู้เล่นหน้าใหม่ๆ เข้ามาเป็นอีกทางเลือกของลูกค้าเช่นกัน ส่งผลให้ตลาดคอมแพ็กต์เอสยูวีร้อนแรงทันที!...
หากพิจารณาจากยอดขายรถคอมแพ็กต์เอสยูวีในปีผ่านมา (ดูตารางยอดขายประกอบ) จะเห็นว่ามีปริมาณที่ลดลงกันเกือบหมด แน่นอนส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวของรถใหม่ในกลุ่มซับคอมแพ็กต์เอสยูวี แต่คงจะไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมด ส่วนสำคัญน่าจะมาจากรถในกลุ่มนี้มีการวางตลาดมาระยะหนึ่งแล้ว ทำให้ไม่สามารถใช้ความสดใหม่มากระตุ้นการขายได้
จะเห็นว่ารถรุ่นปรับโฉมใหม่อย่าง “นิสสัน เอ็กซ์-เทรล” และยังมีตัวเลือกใหม่เพิ่มกับรุ่นไฮบริด สามารถทำยอดขายจากหลักไม่กี่ร้อยคันต่อปี พุ่งทะยานเป็นกว่า 6 พันคันต่อปี ส่วนเจ้าตลาดเดิม “ฮอนด้า ซีอาร์-วี” ซึ่งอยู่ในช่วงของการปรับแยกฐานลูกค้ากับรุ่นใหม่ ฮอนด้า บีอาร์-วี จนส่งผลให้ยอดขายตกลงแต่ก็ไม่มากนัก เพราะเพิ่งไมเนอร์เชนจ์ไปได้ไม่นาน หรือ “เชฟโรเลต แคปติวา” ก็เพิ่งปรับโฉมช่วงก่อนสิ้นปีที่ผ่านมา น่าจะเริ่มเห็นตัวเลขปรับตัวดีขึ้นในช่วงจากนี้ไป
เช่นเดียวกับ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-5” ที่ทำการปรับโฉมและส่งลงตลาดเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากปรับรูปลักษณ์บางส่วนภายนอก และภายในใหม่ โดยเฉพาะการติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับเดียวกับรถยุโรป พร้อมเพิ่มทางเลือกในรุ่นย่อยกับเครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D 2.2 ลิตร ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ มาเสริมทัพรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และถอดรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร เหลือเฉพาะรุ่น 2.0 ลิตร ทำให้น่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากขึ้น
การขยับปรับตัวของรถคอมแพ็กต์เอสยูวีในตลาด ใช่ว่าจะมีเพียงผู้เล่นรายเดิมเท่านั้น เพราะจากนี้ไปจะมีตัวเลือกใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาในตลาดมากขึ้น โดยมีรายงานข่าวจากบริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมเปิดตัวเอสยูวี “ซูบารุ ฟอเรสเตอร์” (Subaru Forester) รุ่นใหม่ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม - 3 เมษายน 59 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี
ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ เป็นเอสยูวีที่ทำตลาดในไทยมานาน แต่ที่ผ่านมานำเข้ารถสำเร็จรูปจากญี่ปุ่น ทำให้ราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง แต่ฟอเรสเตอร์ใหม่จะถูกนำมาประกอบ(CKD) ในประเทศมาเลเซีย เช่นเดียวกับ “ซูบารุ เอ็กซ์วี” ในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 150 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT เบื้องต้นจะทำตลาด 2 เวอร์ชั่น รุ่นพื้นฐาน 2.0i และรุ่นพรีเมียม 2.0i-P โดยรูปลักษณ์ภายนอกมีการปรับใหม่ โดยเฉพาะภายในที่เหมือนกับรุ่นเลอร์เวอร์ค รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์และเทคโนโลยีทันสมัย ขณะที่รุ่นเอ็กซ์ที(XT) 2.0 ลิตร เทอร์โบ 240 แรงม้า ยังนำเข้าจากญี่ปุ่นมาทำตลาดเช่นเดิม
จากการนำฟอเรสเตอร์ใหม่มาขึ้นไลน์ประกอบในมาเลเซีย จึงสามารถทำตลาดในไทยโดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ภายใต้กรอบข้อตกลงการค้าเสรีในอาเซียน ทำให้ซูบารุปรับตำแหน่งสินค้าของฟอเรสเตอร์ใหม่ มาชนกับกลุ่มคอมแพ็กต์เอสยูวีจากญี่ปุ่นด้วยกัน โดยรุ่น 2.0 ลิตร 150 แรงม้า ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1.3-1.4 ล้านบาท ผนึกกำลังกับครอสโอเวอร์รุ่นเอ็กซ์วีที่ลงมาชนกับ ฮอนด้า บีอาร์-วี ราคาประมาณ 1.1-1.2 ล้านบาท ช่วยกันผลักดันยอดขายของซูบารุในไทย ให้ทะยานตามเป้าปีนี้ 6,000 คัน จากปีที่ผ่านมาทำได้กว่า 3,000 คัน
นอกจากนี้ช่วงเดียวกันยังเตรียมพบกับคอมแพ็กต์เอสยูวีน้องใหม่ “เอ็มจี จีเอส” (MG GS) ซึ่งได้ฤกษ์เปิดตัวสู่ตลาดไทยอย่างเป็นทางการ 17 มีนาคมนี้ หลังจากได้มีการประกาศจะนำรถรุ่นนี้มาประกอบและทำตลาดในไทยมาได้สักระยะ ซึ่งในต่างประเทศรุ่นจีเอสวางตลาด 2 ทางเลือก กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ 168 แรงม้า แต่ในไทยเบื้องต้นจะทำตลาดรุ่น 2.0 ลิตร 218 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบดูอัลคลัตช์ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนที่มีทั้งแบบมาตรฐาน 2 ล้อคู่หน้า และแบบ 4 ล้อ หรือ AWD ให้เลือก รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85
ส่วนอุปกรณ์ติดตั้งภายนอกตามกระแสนิยม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ และ LED Daylight ส่องสว่างกลางวัน หลังคาซันรูฟ และติดราวแร็คสีดำ ขณะที่ภายในออกแบบทันสมัย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น โดดเด่นกับแผงหน้าปัดที่ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเชื่อมต่อความบันเทิง พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รวมคำสั่งและข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะ inkaNet ระบบสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตระหว่างคนกับรถของค่ายเอ็มจี ซึ่งจัดเต็มไม่แพ้คู่แข่งในตลาด และแว่วว่าจะวางราคาที่ดึงดูดใจเป็นพิเศษด้วย...
เรียกว่า... ตลาดซับคอมแพ็กต์กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง เพราะนอกจากรุ่นที่ทำตลาดอยู่มีการขยับปรับตัว ยังมีน้องใหม่เข้ามาเป็นอีกทางเลือกเพิ่ม งานนี้คงต้องเปิดศึกชิงเค้กกันดุเดือดแน่?!
หากพิจารณาจากยอดขายรถคอมแพ็กต์เอสยูวีในปีผ่านมา (ดูตารางยอดขายประกอบ) จะเห็นว่ามีปริมาณที่ลดลงกันเกือบหมด แน่นอนส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวของรถใหม่ในกลุ่มซับคอมแพ็กต์เอสยูวี แต่คงจะไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมด ส่วนสำคัญน่าจะมาจากรถในกลุ่มนี้มีการวางตลาดมาระยะหนึ่งแล้ว ทำให้ไม่สามารถใช้ความสดใหม่มากระตุ้นการขายได้
จะเห็นว่ารถรุ่นปรับโฉมใหม่อย่าง “นิสสัน เอ็กซ์-เทรล” และยังมีตัวเลือกใหม่เพิ่มกับรุ่นไฮบริด สามารถทำยอดขายจากหลักไม่กี่ร้อยคันต่อปี พุ่งทะยานเป็นกว่า 6 พันคันต่อปี ส่วนเจ้าตลาดเดิม “ฮอนด้า ซีอาร์-วี” ซึ่งอยู่ในช่วงของการปรับแยกฐานลูกค้ากับรุ่นใหม่ ฮอนด้า บีอาร์-วี จนส่งผลให้ยอดขายตกลงแต่ก็ไม่มากนัก เพราะเพิ่งไมเนอร์เชนจ์ไปได้ไม่นาน หรือ “เชฟโรเลต แคปติวา” ก็เพิ่งปรับโฉมช่วงก่อนสิ้นปีที่ผ่านมา น่าจะเริ่มเห็นตัวเลขปรับตัวดีขึ้นในช่วงจากนี้ไป
เช่นเดียวกับ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-5” ที่ทำการปรับโฉมและส่งลงตลาดเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากปรับรูปลักษณ์บางส่วนภายนอก และภายในใหม่ โดยเฉพาะการติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับเดียวกับรถยุโรป พร้อมเพิ่มทางเลือกในรุ่นย่อยกับเครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D 2.2 ลิตร ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ มาเสริมทัพรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และถอดรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร เหลือเฉพาะรุ่น 2.0 ลิตร ทำให้น่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากขึ้น
การขยับปรับตัวของรถคอมแพ็กต์เอสยูวีในตลาด ใช่ว่าจะมีเพียงผู้เล่นรายเดิมเท่านั้น เพราะจากนี้ไปจะมีตัวเลือกใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาในตลาดมากขึ้น โดยมีรายงานข่าวจากบริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมเปิดตัวเอสยูวี “ซูบารุ ฟอเรสเตอร์” (Subaru Forester) รุ่นใหม่ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม - 3 เมษายน 59 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี
ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ เป็นเอสยูวีที่ทำตลาดในไทยมานาน แต่ที่ผ่านมานำเข้ารถสำเร็จรูปจากญี่ปุ่น ทำให้ราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง แต่ฟอเรสเตอร์ใหม่จะถูกนำมาประกอบ(CKD) ในประเทศมาเลเซีย เช่นเดียวกับ “ซูบารุ เอ็กซ์วี” ในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 150 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT เบื้องต้นจะทำตลาด 2 เวอร์ชั่น รุ่นพื้นฐาน 2.0i และรุ่นพรีเมียม 2.0i-P โดยรูปลักษณ์ภายนอกมีการปรับใหม่ โดยเฉพาะภายในที่เหมือนกับรุ่นเลอร์เวอร์ค รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์และเทคโนโลยีทันสมัย ขณะที่รุ่นเอ็กซ์ที(XT) 2.0 ลิตร เทอร์โบ 240 แรงม้า ยังนำเข้าจากญี่ปุ่นมาทำตลาดเช่นเดิม
จากการนำฟอเรสเตอร์ใหม่มาขึ้นไลน์ประกอบในมาเลเซีย จึงสามารถทำตลาดในไทยโดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ภายใต้กรอบข้อตกลงการค้าเสรีในอาเซียน ทำให้ซูบารุปรับตำแหน่งสินค้าของฟอเรสเตอร์ใหม่ มาชนกับกลุ่มคอมแพ็กต์เอสยูวีจากญี่ปุ่นด้วยกัน โดยรุ่น 2.0 ลิตร 150 แรงม้า ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1.3-1.4 ล้านบาท ผนึกกำลังกับครอสโอเวอร์รุ่นเอ็กซ์วีที่ลงมาชนกับ ฮอนด้า บีอาร์-วี ราคาประมาณ 1.1-1.2 ล้านบาท ช่วยกันผลักดันยอดขายของซูบารุในไทย ให้ทะยานตามเป้าปีนี้ 6,000 คัน จากปีที่ผ่านมาทำได้กว่า 3,000 คัน
นอกจากนี้ช่วงเดียวกันยังเตรียมพบกับคอมแพ็กต์เอสยูวีน้องใหม่ “เอ็มจี จีเอส” (MG GS) ซึ่งได้ฤกษ์เปิดตัวสู่ตลาดไทยอย่างเป็นทางการ 17 มีนาคมนี้ หลังจากได้มีการประกาศจะนำรถรุ่นนี้มาประกอบและทำตลาดในไทยมาได้สักระยะ ซึ่งในต่างประเทศรุ่นจีเอสวางตลาด 2 ทางเลือก กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ 168 แรงม้า แต่ในไทยเบื้องต้นจะทำตลาดรุ่น 2.0 ลิตร 218 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบดูอัลคลัตช์ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนที่มีทั้งแบบมาตรฐาน 2 ล้อคู่หน้า และแบบ 4 ล้อ หรือ AWD ให้เลือก รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85
ส่วนอุปกรณ์ติดตั้งภายนอกตามกระแสนิยม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ และ LED Daylight ส่องสว่างกลางวัน หลังคาซันรูฟ และติดราวแร็คสีดำ ขณะที่ภายในออกแบบทันสมัย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น โดดเด่นกับแผงหน้าปัดที่ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเชื่อมต่อความบันเทิง พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รวมคำสั่งและข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะ inkaNet ระบบสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตระหว่างคนกับรถของค่ายเอ็มจี ซึ่งจัดเต็มไม่แพ้คู่แข่งในตลาด และแว่วว่าจะวางราคาที่ดึงดูดใจเป็นพิเศษด้วย...
เรียกว่า... ตลาดซับคอมแพ็กต์กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง เพราะนอกจากรุ่นที่ทำตลาดอยู่มีการขยับปรับตัว ยังมีน้องใหม่เข้ามาเป็นอีกทางเลือกเพิ่ม งานนี้คงต้องเปิดศึกชิงเค้กกันดุเดือดแน่?!
