งาน “โตเกียว มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44” ที่จัดขึ้น ณ โตเกียว บิ๊ก ไซท์ ที่ผ่านมา นายคาร์ลอส กอส์น- ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด กล่าว ในการแถลงข่าวว่า ปัจจุบันเราได้ก้าวมาถึงยุคใหม่อย่างแท้จริง คือเป็นยุค แห่งเทคโนโลยีใหม่ ที่จะเปลี่ยนสิ่งที่เราเป็นอยู่ในทุกวันนี้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งเราจะได้เห็นความก้าวหน้าของนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา สำหรับนิสสัน มองความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ว่า คือโอกาส
หลังจากนั้น นายใหญ่ นิสสัน คาร์ลอส กอส์น ยังได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนจากหลายประเทศที่ได้รับเชิญจาก นิสสัน มอเตอร์ ญี่ปุ่น ร่วมสัมภาษณ์ ถึงสถานการณ์ธุรกิจ การพัฒนาเทคโนโลยี ที่สะท้อนทิศทาง วิสัยทัศน์ และการพัฒนาของนิสสัน เราฟังความคิดเห็นของขุนศึกคนนี้กัน
สถานะความร่วมมือระหว่างเรโนลต์ นิสสัน จะเป็นอย่างไรต่อไป
เรายังคงเป็นพันธมิตรที่แน่นเหนียว มั่นคง สำหรับเราไม่ว่าจะเป็นส่วนบริหารของทั้งสองฝ่าย เราต่างมองเห็นคุณค่าของความเป็นพันธมิตร ระหว่างนิสสันกับเรโนลต์ว่าเป็นทรัพย์สินที่มีค่าใหญ่หลวงของเรา โดยเป้าหมายของเราต่อไปคือจะทำอย่างไรจึงจะสร้างความแข็งแกร่ง แข็งแรงให้ทั้งสองบริษัทเพิ่มขึ้น โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ทั้งสองบริษัทจะต้องได้รับร่วมกัน ไม่ว่าปัจจุบันจะมีประเด็นอะไร หรือปัญหาอะไร แต่เราจะร่วมมือกันต่อไป ในฐานะพันธมิตรที่มีพลัง ไม่มีอะไรที่จะมาทำลายความสัมพันธ์ในฐานะพันธมิตของเราทั้งสององค์กรได้
ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมรถยนต์ เช่นการควบรวม มีความเห็นอย่างไร
ผมคิดว่า ความเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้จะยังคงมีให้เห็นต่อไป โดยทั่วไปแล้วเหตุผลสำคัญที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงก็คือ การเร่งเครื่องสร้างความเติบโต ซึ่งการควบรวมเป็นแนวทางที่เราจะใช้เร่งการเจริญเติบโตได้ อย่างไรก็ตาม การควบรวมไม่ได้หมายรวมเพียงการควบรวมทางการเงิน หรือรวมองค์กรเท่ากันแต่มันอาจจะเป็นได้หลายๆ รูปแบบ และเป็นได้หลายๆเหตุผล เช่น อาจจะเป็นการรวมองค์กรเข้ากันเพื่อการขยายการเติบโต สำหรับการควบรวมในอุตสาหกรรมรถยนต์แล้ว มักจะเป็นการควบรวมเพื่อความร่วมมือในการผลิต ในการใช้เทคโนโลยีร่วมกัน รวมถึงการจัดหาวัตถุดิบในการให้บริการลูกค้า
การควบรวมกิจการ ยังอาจจะเกิดจากการ เตรียมพร้อมรับมือกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่กำลังมาถึง ซึ่งในงานโตเกียวมอเตอร์ ทุกคนคงจะได้เห็นแล้วว่า ปัจจุบันเราได้ก้าวไปไกล ถึงเทคโนโลยีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองโดยอัตโนมัติ รวมถึงการที่แต่ละผู้ผลิตรถยนต์ จะต้องเผชิญกับความเข้มงวด หรือข้อกำหนดในการปล่อยมลพิษให้น้อยลง
ขณะที่การพัฒนารถยนต์ให้รองรับกับความต้องการการเชื่อมต่ออย่างมีประสิทธิภาพของโลกอนาคต ซึ่งจะเห็นว่าเทรนเหล่านี้มาแน่นอน ทำให้การพัฒนารถยนต์ จากนี้ไปมันจะไม่มีทางลัดในเรื่องของเทคโนโลยีอีกต่อไป ซึ่งทุกค่ายจะต้องเร่งเครื่องในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกว่าต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งการจะทำบรรลุความสำเร็จในเรื่องเทคโนโลยีได้ ผู้ผลิตก็จะต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลทีเดียว เพราะหากคุณไม่ได้มีเทคโนโลยีล้ำสมัยเหล่านั้นเป็นของตนเอง ทางออกของคุณก็คือ ก็คือ การนำเทคโนโลยีของคนอื่นมาใช้ ซึ่งไม่มีใครให้คุณ นอกจากคุณจะมีความร่วมมือ มีสัญญาร่วมกัน
อีกปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่การควบรวมก็คือ การก่อกำเนิดของคู่แข่งหน้าใหม่ ซึ่งอาจจะไม่ได้ก้าวเข้ามาแข่งในอุตสาหกรรมรถยนต์โดยตรง แต่พวกเขาก็แสดงความสนใจ ที่มีศักยภาพพร้อมในเรื่องของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ นั่นคือผู้ผลิตช๊อฟแวร์ต่างๆ ซึ่งมองเห็นเทรนของการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ในอนาคตว่า รถจะถูกพัฒนาไปสู่การขับเคลื่อนด้วยตนเองโดยอัตโนมัติมากขึ้น ซึ่งรถพัฒนามาในแนวทางนี้ ต้องการการเชื่อมต่อที่ก้าวล้ำมากขึ้น พวกเขาจึงมีบทบาทมากขึ้นแต่จะอยู่ในระดับไหนก็ขึ้นอยู่กับโอกาส และโอกาสนั้นจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กันว่า เราจะไปมุ่งจะไปข้างหน้าเร็วแค่ไหน
จะเห็นว่าข้อกำหนดที่เข้มงวดของค่าการปล่อยไอเสีย การเข้ามาของคู่แข่งหน้าใหม่ การพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ก้าวล้ำมากขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้นำไปสู่การควบรวมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหนก็ตาม
คิดว่าการควบรวมน่าจะเกิดจาก
ปัจจัยที่นำไปสู่การควบรวมนั้นมักเกิดจากการปัจจัยหลักดังนี้ คือ การที่ตลาดรถยนต์อยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งจะเห็นว่าในปี 2008-2009 เรามีอัตราการเติบโตมากถึง 4-5% ขณะที่ปี 2015 การเติบโตคงที่ และคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นเล็กน้อยในปี 2016 คือประมาณ 1.5 % หรืออย่างมากก็ 2 % โดยแม้ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวในภาวะที่ตลาดอยู่ตัว ไม่เติบโต นี้ ก็ทำให้การดำเนินธุรกิจไปข้างหน้ามันไม่ง่าย ซึ่งแนวทางหนึ่งที่จะเร่งเครื่องการเติบโตได้คือ จะต้องควบรวมธุรกิจกัน ส่วนจะเป็นแบบไหนก็แล้วแต่เป้าหมาย
มองเทรนของธุรกิจในอีกในสิบปีข้างหน้า
การพัฒนารถยนต์ในสิบปีข้างหน้า จะพัฒนาไปสู่เทคโนโลยีรถยนต์ที่มีพลังสะอาดไร้มลพิษ รวมถึงการ พัฒนาเทคโนโลยีที่จะทำให้รถที่สามารถตอบสนองการสังคมที่ต้องการการเชื่อมต่อตลอดเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำอย่างไรที่จะให้คนใช้รถสามารถที่จะมีความสุขในรถเหมือนอยู่ในบ้าน และมีรถที่สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติ เหล่านี้คือเทรนที่จะเกิดขึ้น ในอนาคตผู้รถจะมีอำนาจในการควบคุมรถมากขึ้น คุณสามารถจะเลือก จะตัดสินใจที่จะขับรถด้วยตนเอง หรือจะให้รถขับเคลื่อนไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งเทรนเหล่านี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในสิบปีข้างหน้า เพราะเราเห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อผู้ใช้ อย่างไรก็ตามจากนี้ก็จะต้องมีการพัฒนาไปสู่การรองรับเทรนที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความเข้าใจของผู้ที่ทำหน้าที่ อนุญาตจดทะเบียน ซึ่งก็ต้องพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่า เทคโนโลยีเหล่านี้ กำลังมา และกำลังจะเกิดขึ้นได้จริง และมันก็มีความปลอดภัยต่อการใช้งาน และปลอดภัยต่อสาธารณะด้วย
ถามว่ารถเหล่านี้จะใช้งานได้จริงหรือ
สำหรับผู้ผลิต การผลิตรถที่มีสมรรถนะพร้อม เป็นหน้าที่ของเรา ซึ่งเราคงจะไม่ทำการผลิตหากรถหรือเทคโนโลยีนั้นมันไม่สามารถใช้งานได้จริง หากยังใช้งานไม่ได้ เราก็ไม่ผลิตอยู่แล้วเพราะมันไม่เป็นผลดีใดๆ เลย ดังนั้นประชาชนทั่วไปไม่ต้องเป็นห่วง มันเป็นหน้าที่ของผู้ผลิตที่จะต้องพัฒนารถออกมาให้ดีที่สุด
สำหรับแนวโน้มในการพัฒนารถไร้มลพิษ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในอีกสิบปีข้างหน้า จะมีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งอยู่ตามท้องถนนมากมาย ปัจจัยเกื้อหนุนที่สำคัญมีสามประการคือ เทคโนโลยีพลังรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกลง , แบตเตอรี่รถยนต์จะทรงประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาปัจจัยพื้นฐานต่างมีมากขึ้น เช่น สถานีชาร์จไฟ ซึ่งขณะนี้ประเทศต่างๆที่มีนโยบายในเรื่องนี้ก็กำลังมีการพัฒนากัน
เมื่อนิสสันมุ่งไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า ทำไมนิสสันจึงยังพัฒนารถไฮบริดด้วย
แม้จะมีความต้องการในด้านรถยนต์พลังไฟฟ้า แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีความต้องการรถยนต์ไฮบริดซึ่งผู้ใช้ยังคงมีความต้องการที่จะเห็นการพัฒนาเทคโนโลยีของทั้งสองส่วน ทั้งรถที่ใช้พลังไฟ ,รถที่ใช้น้ำมัน แต่สิ่งที่เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงก็คือ จำนวนความต้องการ และการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ปัจจุบันตลาดอาจจะยังเล็ก แต่ในอนาคตมันก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผู้ผลิตก็จะต้องพัฒนาต่อไป
ประเทศไทยจะทำอย่างไรมีความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์ได้มากกว่านี้
ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของของค่ายรถยนต์ต่างๆ โดยเฉพาะรถยนต์ญี่ปุ่น ถือว่า ประเทศไทยทำได้ดีทีเดียว การผลิตและการส่งออกจากฐานการผลิตในประเทศไทยยังแข่งขันได้ สำหรับผมแล้วก็อยากให้ประเทศไทยยังคงเดินหน้าในทิศทางนี้เพื่อรักษาระดับศักยภาพในการแข่งขัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปหยุดชะงัก เพราะในด้านการส่งออกจากประเทศไทยนั้นทำได้ดีทีเดียว ในภาพรวมแล้วประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ดีมากๆ มีความพร้อมทั้งบุคลากร มีการอบรม มีพนักงานที่มีทักษะสูง และมีอะไรดีๆ ที่เป็นจุดแข็งอีกมากมายที่จะสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกที่แข็งแกร่งแห่งสำคัญของผู้ผลิตรถยนต์ในอนาคต
ถามถึงแผนใหม่ๆ สำหรับตลาดเอเชีย
จริงๆ แล้ว เรามีแผนมากมายในเอเชีย สำหรับประเทศไทย หนึ่งในแผนสำคัญที่เรากำลังมุ่งทำอยู่คืออยากจะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของนิสสันในประเทศไทยให้เพิ่มขึ้น