กสิกรไทยรับผลงานกลุ่มวาณิชธนกิจปีนี้รายได้พลาดเป้าเหตุตลาดฯ ไม่เอื้อ พร้อมตั้งหลักรุกปีหน้าในทุกธุรกิจ ตั้งเป้ารายได้โต 20-30%
นายสิทธิไชย มหาคุณ ผู้บริหารกลุ่มวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)เปิดเผยว่า ในปี 2559 การดำเนินธุรกิจในกลุ่มวาณิชธนกิจของธนาคารก็จะมุ่งเน้นในทุกๆ ธุรกิจ และจะมีขนาดดีลที่ใหญ่ขึ้น เนื่องจากมีทีมงานพร้อมมากขึ้น จึงมาเสริมจุดแข็งในธุรกิจที่ธนาคารมีอยู่ได้ โดยในปีหน้ากลุ่มวาณิชนกิจของธนาคารจะมีดีลขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่พร้อมเสนอขายจำนวน 7-8 ดีล มูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ดีลส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่อยู่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานเป็นส่วนใหญ่ ทั้งพลังงานเพื่อการสาธารณูปโภค (Conventional Energy) และพลังงานทดแทน (Renewable Energy) และยังมีดีลของธุรกิจในกลุ่มอุปโภคบริโภคอีกด้วย ขณะที่ธุรกิจกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มีของกลุ่มโรงแรมอีก 1 กอง ซึ่งเป็นกองที่เลื่อนเสนอขายมาจากปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาราคาเสนอขายสินทรัพย์อยู่ทำให้ยังไม่สามารถระบุมูลค่ากองได้ในปัจจุบัน โดยได้ตั้งเป้ารายได้ของกลุ่มวาณิชธนกิจปีหน้าเติบโตที่ 20-30%
นายสิทธิไชย กล่าวอีกว่า ดีลขายหุ้น IPO ของปีนี้ มีที่เลื่อนออกไปมาก เพราะภาวะตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่เอื้อ แต่ในปีหน้ามองว่าแม้ปัจจัยหลายๆ อย่างจะยังคงไม่ดีนัก แต่ก็ไม่น่าจะลบไปกว่านี้ เพราะเชื่อว่าเราผ่านจุดต่ำมาแล้ว แต่การฟื้นตัวคงเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากไม่มีปัจจัยอะไรที่เกินความคาดหมายเกิดขึ้น
ส่วนดีลการควบรวมกิจการ (M&A) ในปีหน้านั้น ธนาคารยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถระบุชัดเจนในเรื่องจำนวนได้ เนื่องจากบางดีลอยู่ระหว่างศึกษาเท่านั้น ซึ่งธนาคารเน้น M&A ที่มีมูลค่าขนาดใหญ่ขึ้น และนำพาธุรกิจขยายไปในต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้ม มองว่า มีลูกค้าสนใจที่ต้องการซื้อกิจการในต่างประเทศมากขึ้นเพื่อต้องการขยายฐานลูกค้า และเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจด้วย
“การทำดีล M&A ที่มีมูลค่าขนาดใหญ่ และดีลที่เกี่ยวข้องกับการขยายธุรกิจในต่างประเทศจะช่วยเข้ามาสนับสนุนรายได้ของกลุ่มวาณิชธนกิจให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย นอกเหนือจากรายได้ที่ได้จากการทำดีล IPO และ การทำดีลกองอสังหาฯ”
สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีกอง REIT ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีก 2 กอง โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 16,000 ล้านบาท แต่โดยรวมแล้วในปีนี้รายได้ของกลุ่มวาณิชธนกิจของธนาคารน่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และต่ำกว่าปีก่อนที่รายได้อยู่ที่ 700 ล้านบาท หลังจาก 9 เดือนที่ผ่านมา ทำรายได้อยู่ที่ 400 ล้านบาท เพราะภาวะตลาดหุ้นไทยปีนี้ไม่เอื้ออำนวยมากทำให้ความน่าสนใจที่จะเข้าระดมทุนในปีนี้ลดลง
นายสิทธิไชย มหาคุณ ผู้บริหารกลุ่มวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)เปิดเผยว่า ในปี 2559 การดำเนินธุรกิจในกลุ่มวาณิชธนกิจของธนาคารก็จะมุ่งเน้นในทุกๆ ธุรกิจ และจะมีขนาดดีลที่ใหญ่ขึ้น เนื่องจากมีทีมงานพร้อมมากขึ้น จึงมาเสริมจุดแข็งในธุรกิจที่ธนาคารมีอยู่ได้ โดยในปีหน้ากลุ่มวาณิชนกิจของธนาคารจะมีดีลขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่พร้อมเสนอขายจำนวน 7-8 ดีล มูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ดีลส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่อยู่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานเป็นส่วนใหญ่ ทั้งพลังงานเพื่อการสาธารณูปโภค (Conventional Energy) และพลังงานทดแทน (Renewable Energy) และยังมีดีลของธุรกิจในกลุ่มอุปโภคบริโภคอีกด้วย ขณะที่ธุรกิจกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มีของกลุ่มโรงแรมอีก 1 กอง ซึ่งเป็นกองที่เลื่อนเสนอขายมาจากปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาราคาเสนอขายสินทรัพย์อยู่ทำให้ยังไม่สามารถระบุมูลค่ากองได้ในปัจจุบัน โดยได้ตั้งเป้ารายได้ของกลุ่มวาณิชธนกิจปีหน้าเติบโตที่ 20-30%
นายสิทธิไชย กล่าวอีกว่า ดีลขายหุ้น IPO ของปีนี้ มีที่เลื่อนออกไปมาก เพราะภาวะตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่เอื้อ แต่ในปีหน้ามองว่าแม้ปัจจัยหลายๆ อย่างจะยังคงไม่ดีนัก แต่ก็ไม่น่าจะลบไปกว่านี้ เพราะเชื่อว่าเราผ่านจุดต่ำมาแล้ว แต่การฟื้นตัวคงเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากไม่มีปัจจัยอะไรที่เกินความคาดหมายเกิดขึ้น
ส่วนดีลการควบรวมกิจการ (M&A) ในปีหน้านั้น ธนาคารยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถระบุชัดเจนในเรื่องจำนวนได้ เนื่องจากบางดีลอยู่ระหว่างศึกษาเท่านั้น ซึ่งธนาคารเน้น M&A ที่มีมูลค่าขนาดใหญ่ขึ้น และนำพาธุรกิจขยายไปในต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้ม มองว่า มีลูกค้าสนใจที่ต้องการซื้อกิจการในต่างประเทศมากขึ้นเพื่อต้องการขยายฐานลูกค้า และเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจด้วย
“การทำดีล M&A ที่มีมูลค่าขนาดใหญ่ และดีลที่เกี่ยวข้องกับการขยายธุรกิจในต่างประเทศจะช่วยเข้ามาสนับสนุนรายได้ของกลุ่มวาณิชธนกิจให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย นอกเหนือจากรายได้ที่ได้จากการทำดีล IPO และ การทำดีลกองอสังหาฯ”
สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีกอง REIT ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีก 2 กอง โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 16,000 ล้านบาท แต่โดยรวมแล้วในปีนี้รายได้ของกลุ่มวาณิชธนกิจของธนาคารน่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และต่ำกว่าปีก่อนที่รายได้อยู่ที่ 700 ล้านบาท หลังจาก 9 เดือนที่ผ่านมา ทำรายได้อยู่ที่ 400 ล้านบาท เพราะภาวะตลาดหุ้นไทยปีนี้ไม่เอื้ออำนวยมากทำให้ความน่าสนใจที่จะเข้าระดมทุนในปีนี้ลดลง