“ไออาร์พีซี” เผยสิ้นปีนี้โครงการ UHV แล้วเสร็จ ดันกำไรขั้นต้นโตขึ้นปีละ 3-4 พันล้านบาท ย้ำปี 59 จะเน้นเพิ่มประสิทธิภาพและคืนหนี้เงินกู้ระยะสั้น 2-3 หมื่นล้านบาทเพื่อเพิ่มเครดิตเรตติ้งให้ดีขึ้น ส่วนแผนควบรวมกิจการกับ PTTGC คาดว่าได้ข้อสรุปปลายปีหน้า
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) เปิดเผยว่า โครงการปรับปรุงคุณภาพการผลิตสู่ผลิตภัณฑ์สะอาด (UHV) มูลค่าเงินลงทุน 3.4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในสิ้นปีนี้ ทำให้มีกำลังการผลิตโพรพิลีนเพิ่มขึ้นอีก 3.2 แสนตัน/ปี จากปัจจุบันผลิตอยู่ 4.12 แสนตัน/ปี
คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องจักรได้เต็มที่ได้ในปีหน้า
ส่วนโครงการขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกโพลีโพรพิลีน (PP) 3 แสนตัน/ปี ซึ่งถือเป็นโครงการต่อยอดโครงการ UHV คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2560 เนื่องจากราคาโพรพิลีนไม่ดี เป็นผลจากจีนมีการนำเข้าโพรเพนจากสหรัฐฯ มาผลิตโพรพิลีนเพิ่มขึ้นมากกดดันราคาตลาด แต่ราคาเม็ดพลาสติก PP พบว่ายังมีราคาดีอยู่
ทั้งนี้ โครงการ UHV จะช่วยให้ไออาร์พีซีมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นปีละ 3-4 พันล้านบาท และยังสร้างความเข้มแข็งให้กับโรงกลั่นไออาร์พีซี ทำให้มีกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นจาก 1.8 แสนบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนบาร์เรล/วันในปี 2559 รวมทั้งยังรับรู้รายได้จากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร (DELTA) ในปี 2558 ประมาณ 4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 2 พันล้านบาท
นายสุกฤตย์กล่าวต่อไปว่า ในปีหน้าบริษัทฯ จะให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และเร่งคืนหนี้เงินกู้ระยะสั้นที่ใช้ลงทุนในโครงการต่างๆ ภายใต้โครงการฟินิกซ์ ประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท เพื่อให้เป็นบริษัทมีเครดิตเรตติ้งดีขึ้นจากเดิมที่ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลง
ขณะเดียวกันก็ศึกษาความเป็นไปได้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ซึ่งปัจจุบันไออาร์พีซีมีการใช้พลังงานสูงถึง 6-7% โดยตั้งเป้าหมายที่จะลดการใช้พลังงานให้เหลือเพียง 1.2% คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า โดยยอมรับว่าการลงทุนโครงการดังกล่าวจะใช้เงินค่อนข้างสูงในการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงอุปกรณ์เครื่องจักร คาดว่าจะลงทุนได้ในปี 2561-2562
“การปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเชื้อเพลิงคงต้องรอให้บริษัทปรับลดภาระหนี้เงินกู้ระยะสั้นลง โดย 2-3 ปีข้างหน้าจะเร่งคืนหนี้เงินกู้ระยะสั้นที่นำมาใช้ในโครงการฟินิกซ์ประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท เพื่อให้เป็นหุ้นที่มีความน่าเชื่อถือ หลังจากก่อนหน้านี้ถูก Down Grade ให้เป็นหุ้นที่ไม่สามารถลงทุนได้”
ส่วนความคืบหน้าการควบรวมกิจการระหว่างไออาร์พีซีกับบริษัท พีทีที โกบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) นั้น คาดว่าสิ้นปีหน้าจะมีความชัดเจนขึ้น ซึ่งการควบรวมกิจการดังกล่าวคงต้องสร้างประโยชน์ใน Synergy ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
