xs
xsm
sm
md
lg

KTAM ชี้หุ้นไทยผันผวน แนะลุยกลุ่มการเงินยุโรป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

บลจ.กรุงไทยชี้หุ้นไทยผันผวน แนะกระจายพอร์ตลงทุนต่างประเทศเพิ่ม แนะยุโรป-กลุ่มไฟแนนซ์ ระบุเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศอย่างเดียว ชี้กลุ่มธุรกิจการเงินในยุโรปมีแนวโน้มดี และอาจมีการขยายสินเชื่อมากขึ้น

นางชวินดา  หาญรัตนกูล  กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการจัดตั้งคณะทำงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ และวางแผนกลยุทธ์เพื่อคัดสรรกองทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีมานำเสนอต่อผู้ลงทุน โดยในช่วงเวลานี้บริษัทเห็นว่ากองทุนหุ้นต่างประเทศแถบยุโรปและกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์มีความน่าสนใจ เนื่องจากได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่หุ้นไทยยังมีความผันผวนซึ่งนับว่าเป็นโอกาสที่ดีในการกระจายการลงทุนไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศเพียงอย่างเดียว

กองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปียน อิควิตี้  ฟันด์ ( KT-EURO) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco Continental European Small Cap Equity Fund ส่วนกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ ไฟแนนซ์เชียล เซอร์วิส ฟันด์ (KT-Finance ) เน้นลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมให้บริการทางด้านการเงิน โดยลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Fidelity Fund - Global Financial Service Fund (Class A ) ซึ่งทั้ง 2 เป็นกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป ( Retail Fund ) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

กองทุน KT-EURO  เน้นการลงทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนจากการเติบโตของหุ้นขนาดเล็กในกลุ่มยูโรโซนไม่รวมอังกฤษ ส่วน KT-FINANCE จะลงทุนในหุ้นกลุ่มของผู้ให้บริการทางการเงินแก่ผู้บริโภคและกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น สถาบันการเงิน หรือตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก โดยปัจจัยสนับสนุนการลงทุนได้แก่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เช่น เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แสดงสัญญาณการขยายตัวได้อย่างชัดเจนตามวัฏจักรเศรษฐกิจขาขึ้นเช่นเดียวกับยุโรป ณ ปัจจุบัน จึงถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินซึ่งจะเป็นอุตสาหกรรมกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยผลกำไรล่าสุดของบริษัทในกลุ่มผู้ให้บริการทางการเงินทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปต่างก็ออกมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเติบโตได้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้

นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจการเงินยังมีศักยภาพในการเติบโตสูงจากแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อในอเมริกาและยุโรปที่จะช่วยให้กลุ่มสถาบันการเงินมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งข่าวร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับกลุ่มสถาบันเงินทั้งในยุโรป และสหรัฐฯ หลังวิกฤตทางการเงินปี 2009 ได้เริ่มหมดไป และตลาดน่าจะซึมซับข่าวดังกล่าวไปแล้ว จึงทำให้ความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มการเงินเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้เห็นว่า  การลงทุนในต่างประเทศแถบยุโรป และในหุ้นต่างประเทศกลุ่มไฟแนนซ์ โอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี  เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยุโรปในปัจจุบันเริ่มมีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้น โดยตัวเลขทางเศรษฐกิจมีการขยายตัวมากขึ้น เช่น ตัวเลขการว่างงานที่ลดลง และดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ที่สะท้อนมุมมองภาคธุรกิจที่เป็นบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับปัจจัยบวกอื่นๆ ที่จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในระยะถัดไป  เช่น การใช้มาตรการ QE เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าลงจากมาตรการ QE ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการส่งออกและการเร่งตัวของเงินเฟ้อในภูมิภาค ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำสนับสนุนการบริโภคและการลงทุน และการฟื้นตัวของภาคการธนาคารที่เริ่มปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคเริ่มมีผลการดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่อง โดยยอดขายและรายได้ของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสสองที่เติบโตได้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในกลุ่มสถาบันการเงิน กลุ่มการผลิตอุตสาหกรรม และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและการบริการ ทำให้มีแนวโน้มที่จะมีการปรับประมาณการรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้มูลค่าของหุ้นเพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากนี้ กระแสการควบรวมกิจการ (M&A) และแนวโน้มการขยายการลงทุนของบริษัทจดทะเบียนยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นในอนาคตเช่นกัน ในขณะที่เศรษฐกิจยุโรปน่าจะได้รับผลกระทบจำกัดจากความผันผวนของเศรษฐกิจจีน เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปมีการส่งออกไปจีนเพียง 6-7% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งหมด ในขณะที่การส่งออกสินค้าคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของ GDP ยูโรโซนเท่านั้น  

ดังนั้นจึงเป็นโอกาที่ดีสำหรับนักลงทุนไทยที่ต้องการกระจายการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสในการหาผลตอบแทนในต่างประเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่พอร์ตการลงทุน ซึ่งการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศยังเป็นการกระจายการลงทุนไปสู่สินทรัพย์ใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นการลดความเสี่ยงของพอร์ต การลงทุนโดยรวมได้อีกด้วย

สำหรับผลตอบแทนของกองทุน KT-EURO  ณ วันที่ 2 กันยายน 2558  ย้อนหลัง 9 เดือนอยู่ที่ 12% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 3.91% ผลตอบแทนนับตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.-2 ก.ย. ( YTD)  อยู่ที่ 14.02% ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผลตอบแทนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ( Benchmark ) โดยย้อนหลัง 9 เดือนอยู่ที่ 10.96% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 4.91% และ YTD อยู่ที่ 13.20% ส่วนกองทุน KT-Finance  ย้อนหลัง 9 เดือนอยู่ที่ 4.33% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 7% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 55.32% YTD อยู่ที่4.51%  ส่วน Benchmark  ย้อนหลัง 9 เดือน อยู่ที่ -2.84%  ย้อนหลัง 1 ปี  อยู่ที่ -2.54% ย้อนหลัง 3 ปี  อยู่ที่ 40.31% และ YTD  อยู่ที่ -2.12%


กำลังโหลดความคิดเห็น