ไออาร์พีซีฟุ้งไตรมาส 2 กำไรกระฉูดสูงกว่าไตรมาส 1/58 ที่มีกำไรสุทธิ 3.83 พันล้านบาท เหตุมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตรวมสูง ได้ชดเชยเงินค่าประกันและกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าจะอ่อนตัวลง เผยจับมือพันธมิตรทำตลาดผลิตภัณฑ์พลาสติกเกรดพิเศษ หวังป้อนอุตสาหกรรมยานยนต์
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2558 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิไตรมาส 2 นี้ดีกว่าไตรมาส 1/2558 ที่มีกำไรสุทธิ 3.83 พันล้านบาท เนื่องจากมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตรวม (Integrated Margin) สูงขึ้น และได้รับเงินชดเชยจากค่าประกันความเสียหายจากเพลิงไหม้หน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเตา (VGOHT) 400 กว่าล้านบาท และบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันหลังราคาน้ำมันสิ้นไตรมาส 2 ปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนแนวโน้มธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมีในครึ่งหลังปี 2558 คาดว่าค่าการกลั่นรวมเฉลี่ยลดลงจากครึ่งปีแรกนี้ หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในไตรมาส 3 เป็นผลจากอิหร่านบรรลุข้อตกลงร่วมกับประเทศมหาอำนาจเกี่ยวกับนิวเคลียร์ทำให้มีน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดมากขึ้นในอนาคต ขณะที่จีนก็ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ทิศทางราคาปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ยังดีอยู่ สเปรดเม็ดพลาสติกยังดีอยู่ในไตรมาส 3 แต่ไม่ดีเท่าไตรมาส 2/2558 ส่วนธุรกิจอะโรเมติกส์ยังทรงตัว ไม่ดีมากนักเนื่องจากยังมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาสู่ตลาด แต่บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ไม่มากจึงไม่ค่อยกระทบมากนัก
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตบริษัทฯ มีแผนที่จะร่วมทุนกับกลุ่ม ปตท.ตั้งโรงงานผลิตพาราไซลีน (PX) หลังจากโครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ (UHV) แล้วเสร็จในปลายปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปลายปีนี้ โดยยอมรับว่าภาวะราคาอะโรเมติกส์และเศรษฐกิจจีนมีผลทำให้โครงการดังกล่าวชะลอการลงทุนออกไป
หลังจากโครงการ UHV แล้วเสร็จ บริษัทฯ มีโครงการขยายกำลังการผลิตโพลีโพรพิลีน (PP) อีก 3 แสนตัน/ปี เป็น 7.75 แสนตัน/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปี 2560 ทำให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งด้านปิโตรเคมีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ มีนโยบายที่จะเน้นการผลิตสินค้าเกรดพิเศษ (specialty) ในผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมากขึ้นกว่าสินค้าปกติ (commodity) โดยบริษัทฯ วางเป้าหมายจะผลิตสินค้าเกรดพิเศษเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% จากปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 35% ของกำลังผลิต และมีมาร์จิ้นดีกว่าสินค้าเกรดทั่วไป 10%
โดยบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในต่างประเทศหันมาทำตลาดสินค้าเกรดพิเศษเพื่อป้อนอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่อนาคตจะใช้ชิ้นส่วนพลาสติกเข้าไปทดแทนชิ้นส่วนโลหะมากยิ่งขึ้น ทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนป้อนฐานการผลิตรถยนต์ทั้งในไทยและอินโดนีเซีย โดยบริษัทฯ มีแผนเพิ่มสินค้าเกรดพิเศษสำหรับผลิตภัณฑ์ ABS โพลียูรีเทน และพีพี คอมพาวด์ เป็นต้น
“ส่วนแผนการควบรวมกิจการระหว่าง IRPC กับ PTTGC ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา ยังไม่ได้มีข้อยุติ คงต้องรอให้โครงการ UHV ของบริษัทแล้วเสร็จก่อนจึงมาพิจารณาว่าการ Synergy กันจะส่งผลดีมากน้อยเพียงใด”