ไทยวา คาดกำไรปีนี้ 500 ล้านบาท และอีก 2 ปีข้างหน้าจะเติบโตขึ้น 16.2% และ 7.8% ตามลำดับ หลังควบรวมกิจการ พร้อมตั้งเป้ายอดขายเพิ่ม 2 เท่าภายใน 5 ปีจากนี้เป็น 1.1 พันล้านบาท เตรียมขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ขณะตัวเลข ebitda ครึ่งแรกปีนี้มี 20% ของรายได้รวม
วันนี้ (5 ต.ค.) บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC ได้กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้อีกครั้ง หลังเสร็จสิ้นกระบวนการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท ไทยวาดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TWS ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังรายใหญ่ และบริษัท ไทยวาฟูดโปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TWCF ผู้ผลิตวุ้นเส้นซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 สูงสุด 44%เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ TWPC
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) ที่ปรึกษาการควบรวมกิจการในครั้งนี้ ชี้แจงการคาดการณ์แนวโน้มในการทำกำไรของ TWPC ในปี 2559-2560 จะเติบโต 16.2% และ 7.8% หรือ 529 ล้านบาท และ 570 ล้านบาทตามลำดับ โดย TWCP ได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายขึ้นเป็น 2 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจากยอดขายรวม 5,550 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2557 เป็น 11,000 ล้านบาท เมื่อถึงปี 2563
นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TWPC กล่าวถึงการเติบโตของการดำเนินงานปี 2552-2557 ว่า มีอัตราเติบโตที่ดีอยู่ที่ 11.7% เพราะความต้องการแป้งมันสำปะหลังเพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารทั้งจากภายในประเทศเอง และจากประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการขายวุ้นเส้น รวมถึงผลิตภัณฑ์จากแป้งถั่วเขียวอื่นๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์เส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก เส้นใหญ่ และเส้นหมี่ ซึ่งมีมูลค่าการตลาดที่สูงกว่าตลาดวุ้นเส้น 5 เท่า อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมาก
โดย TWPC จะมุ่งทำตลาดใหม่ภายในภูมิภาคอาเซียน และต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยแผนการระยะสั้นบริษัทฯ จะเน้นที่การเพิ่มยอดขาย รวมทั้งพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงการขยายธุรกิจผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวสดด้วย
นายโฮ เรน ฮวา เชื่อว่า ปี 2559 TWPC ยังจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องด้วยแรงสนับสนุนจากตลาดในประเทศจีน และเวียดนาม โดยปี 2559-2560 ยังสามารถเติบโตได้มากขึ้นจากกำลังการผลิตใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออก ทั้งยังคาดว่าธุรกิจผลิตวุ้นเส้นของ TWPC จะพลิกกลับมาเติบโตได้ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ อันจะส่งผลให้ตัวเลขกำไรปี 58 คาดว่าอยู่ที่ 500 ล้านบาท
นอกจากนี้ TWPC ยังจะลงทุนขยายฐานการทำธุรกิจเข้าสู่กลุ่มประเทศ CLMV ใน 2-3 ปีนี้ โดยการใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางหลังการผนวกรวมบริษัทกันแล้วว่า จะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป และยืนยันว่า 2-3 ปีข้างหน้าตลาดจะได้เริ่มเห็นภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ TWCA ซึ่งปัจจุบัน TWPC ได้ขอให้มั่นใจว่าเงินสดที่บริษัทฯ มีอยู่ในมือ 1 พันล้านบาทถือว่าเพียงพอสำหรับรองรับแผนการขยายธุรกิจใน CLMV
ทั้งนี้ การผลิตในปัจจุบันจะอยู่ที่ไทย 4 แห่ง และในเวียดนามอีก 2 แห่ง โดยฐานผู้บริโภคนั้นจะอยู่ในประเทศ 20% และ 80% อยู่ในต่างประเทศ ส่วนธุรกิจอาหารในกลุ่มวุ้นเส้น และเส้นก๋วยเตี๋ยวจะมีโรงงานในประเทศ 1 แห่ง ผลิตเพื่อขายในประเทศ 95% และเพื่อการส่งออก 5%
ปัจจุบัน TWCP มีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นไตรมาสแรกที่ 5,703 ล้านบาท หนี้สินรวม 792 ล้านบาท โดย 34 ล้านบาท จะเป็นหนี้สินเฉพาะที่มีภาระดอกเบี้ยจ่าย ส่วนของผู้ถือหุ้นจะมีทั้งสิ้น 4,911 ล้านบาท ขณะที่เงินสดในมือจะมีทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท และเงินสดที่อยู่ในรูปของหุ้นกู้และพันธบัตรอีก 400 ล้านบาท
ส่วนรายได้รวม 6 เดือนแรกของปี 2558 จะมีทั้งสิ้น 2,790 ล้านบาท ส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย (ebitda) จะอยู่ที่ 294 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% ของรายได้รวม และกำไรสุทธิจะมีทั้งสิ้น 233 ล้านบาทห รือคิดเป็น 8-9% ของรายได้รวม
วันนี้ (5 ต.ค.) บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC ได้กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้อีกครั้ง หลังเสร็จสิ้นกระบวนการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท ไทยวาดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TWS ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังรายใหญ่ และบริษัท ไทยวาฟูดโปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TWCF ผู้ผลิตวุ้นเส้นซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 สูงสุด 44%เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ TWPC
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) ที่ปรึกษาการควบรวมกิจการในครั้งนี้ ชี้แจงการคาดการณ์แนวโน้มในการทำกำไรของ TWPC ในปี 2559-2560 จะเติบโต 16.2% และ 7.8% หรือ 529 ล้านบาท และ 570 ล้านบาทตามลำดับ โดย TWCP ได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายขึ้นเป็น 2 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจากยอดขายรวม 5,550 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2557 เป็น 11,000 ล้านบาท เมื่อถึงปี 2563
นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TWPC กล่าวถึงการเติบโตของการดำเนินงานปี 2552-2557 ว่า มีอัตราเติบโตที่ดีอยู่ที่ 11.7% เพราะความต้องการแป้งมันสำปะหลังเพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารทั้งจากภายในประเทศเอง และจากประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการขายวุ้นเส้น รวมถึงผลิตภัณฑ์จากแป้งถั่วเขียวอื่นๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์เส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก เส้นใหญ่ และเส้นหมี่ ซึ่งมีมูลค่าการตลาดที่สูงกว่าตลาดวุ้นเส้น 5 เท่า อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมาก
โดย TWPC จะมุ่งทำตลาดใหม่ภายในภูมิภาคอาเซียน และต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยแผนการระยะสั้นบริษัทฯ จะเน้นที่การเพิ่มยอดขาย รวมทั้งพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงการขยายธุรกิจผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวสดด้วย
นายโฮ เรน ฮวา เชื่อว่า ปี 2559 TWPC ยังจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องด้วยแรงสนับสนุนจากตลาดในประเทศจีน และเวียดนาม โดยปี 2559-2560 ยังสามารถเติบโตได้มากขึ้นจากกำลังการผลิตใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออก ทั้งยังคาดว่าธุรกิจผลิตวุ้นเส้นของ TWPC จะพลิกกลับมาเติบโตได้ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ อันจะส่งผลให้ตัวเลขกำไรปี 58 คาดว่าอยู่ที่ 500 ล้านบาท
นอกจากนี้ TWPC ยังจะลงทุนขยายฐานการทำธุรกิจเข้าสู่กลุ่มประเทศ CLMV ใน 2-3 ปีนี้ โดยการใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางหลังการผนวกรวมบริษัทกันแล้วว่า จะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป และยืนยันว่า 2-3 ปีข้างหน้าตลาดจะได้เริ่มเห็นภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ TWCA ซึ่งปัจจุบัน TWPC ได้ขอให้มั่นใจว่าเงินสดที่บริษัทฯ มีอยู่ในมือ 1 พันล้านบาทถือว่าเพียงพอสำหรับรองรับแผนการขยายธุรกิจใน CLMV
ทั้งนี้ การผลิตในปัจจุบันจะอยู่ที่ไทย 4 แห่ง และในเวียดนามอีก 2 แห่ง โดยฐานผู้บริโภคนั้นจะอยู่ในประเทศ 20% และ 80% อยู่ในต่างประเทศ ส่วนธุรกิจอาหารในกลุ่มวุ้นเส้น และเส้นก๋วยเตี๋ยวจะมีโรงงานในประเทศ 1 แห่ง ผลิตเพื่อขายในประเทศ 95% และเพื่อการส่งออก 5%
ปัจจุบัน TWCP มีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นไตรมาสแรกที่ 5,703 ล้านบาท หนี้สินรวม 792 ล้านบาท โดย 34 ล้านบาท จะเป็นหนี้สินเฉพาะที่มีภาระดอกเบี้ยจ่าย ส่วนของผู้ถือหุ้นจะมีทั้งสิ้น 4,911 ล้านบาท ขณะที่เงินสดในมือจะมีทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท และเงินสดที่อยู่ในรูปของหุ้นกู้และพันธบัตรอีก 400 ล้านบาท
ส่วนรายได้รวม 6 เดือนแรกของปี 2558 จะมีทั้งสิ้น 2,790 ล้านบาท ส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย (ebitda) จะอยู่ที่ 294 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% ของรายได้รวม และกำไรสุทธิจะมีทั้งสิ้น 233 ล้านบาทห รือคิดเป็น 8-9% ของรายได้รวม
