xs
xsm
sm
md
lg

Demon125 งานมิลเลอร์หน้าฝรั่ง สมรรถนะไทยปนจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อย่าสับสน! ย้ำกันก่อนว่าสองล้อรุ่นนี้ไม่ใช่ยี่ห้อดูคาติ แม้หน้าตาจะเหมือนแฝดหรือแทบจะถอดแบบกันมาก็ตาม


จีพีเอ็กซ์ เดมอน125 (GPX Demon125) เป็นรถจักรยานยนต์สัญชาติไทยที่กำลังมาแรงในกลุ่มสปอร์ตไบค์ไซส์เล็ก เห็นได้จากหลังการนำเสนอข่าวการเปิดทำตลาดอย่างเป็นทางการในเว็บผู้จัดการออนไลน์ ภายในอาทิตย์เดียวมียอดคลิ๊กอ่านถึงหลักแสนครั้ง

โดยตัวเลขดังกล่าวถือเป็นเรื่องปกติของจำนวนผู้ติดตามข่าวสารในเว็บไซต์ www.manager.co.th อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ทุกข่าวที่จะได้รับความนิยม และในกรณีนี้ก็สะท้อนกระแสความสนใจในมุมของกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี (คลิ๊กอ่าน ดูคาติย่อส่วน? “GPX Demon” มินิไบค์สัญชาติไทย ขาย 53,900 บาท)

ด้วยความโดดเด่นของรูปลักษณ์ที่ใช้เป็นจุดขายหลัก ลูกค้านักบิดที่ชอบก็ชื่นชมว่าทำออกมาได้โดนใจ ส่วนคนที่เห็นต่างก็ตั้งคำถามว่าเป็นการเลียนแบบงานดีไซน์จากดูคาติ มอนสเตอร์ 795 ด้วยการจับมาย่อส่วนทำตลาดในกลุ่มมินิไบค์หรือไม่

ข้อสงสัยดังกล่าว เถ้าแก่น้อย “ไชยยศ ร่วมใจพัฒนกุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีวี แพนเตอร์ จำกัด ผู้ให้กำเนิดโมเดลหน้าตาคล้ายรถยุโรปเล่าถึงที่มาที่ไปว่า เขามองเห็นการเติบโตของตลาดรถสปอร์ตขนาดล้อ 12 นิ้วกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งขณะนี้มีจำนวนประมาณ 150,000 คันต่อปี พร้อมกับเห็นช่องว่างที่กว้างพอให้สินค้าของคนไทยสอดแทรกเข้าไปทำตลาดด้วยได้

“ดีไซน์ของตัวรถถ้าจะมองว่าไปก็อปปี้รูปแบบ ผมว่ามองอีกมุมหนึ่งมันคือการได้รับแรงบันดาลใจมากกว่า เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น มาจากไอเดียของเรา รูปลักษณ์ที่เห็น รถเกือบทุกรุ่นที่เราผลิตและจำหน่าย ไม่มีขายในประเทศจีน” ไชยยศ กล่าวและว่า

“และนี่คือจุดแข็งของจีพีเอ็กซ์ นอกจากเครื่องยนต์แล้ว ส่วนอื่นๆ เราเป็นผู้ออกแบบเอง โดยมีทีมงานอาร์แอนด์ดี (R&D) พัฒนาขึ้นมา เริ่มตั้งแต่การสเก็ตซ์ภาพสามมิติ จนถึงขั้นตอนการปั้นดินน้ำมันเป็นแบบตัวรถ และข้อนี้เองที่เป็นสิ่งแตกต่าง เพราะแบรนด์ที่เป็นคู่แข่งการทำตลาดในกลุ่มแบรนด์รองจากญี่ปุ่น ส่วนมากจะนำรุ่นที่มีขายในต่างประเทศอยู่แล้วเข้ามาจำหน่าย แต่เราสร้างโมเดลใหม่ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในเมืองไทย”

ปูพื้นข้อมูลกันพอสังเขป เข้าประเด็นด้านการทดลองขี่ เริ่มต้นอันดับแรกเหมือนเช่นทุกครั้งกับการสำรวจรูปร่างภายนอก ด้านอุปกรณ์ติดรถภาพรวมดูดีเกินคาด แม้วัสดุส่วนใหญ่จะมาจากจีน แต่งานประกอบและความละเอียดของชิ้นงานต่างๆ ค่อนข้างเรียบร้อย

สำหรับออฟชั่นเด่นติดรถ ได้แก่ เรือนวัดความเร็วแบบดิจิตอล แสดงสถานะตำแหน่งเกียร์ รอบเครื่องยนต์ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง และนาฬิกา(ต้องเซตใหม่ทุกครั้งหลังจากดับเครื่องยนต์) โดยแสงไฟบนหน้าจอสามารถปรับเลือกได้ระหว่างสีแดงหรือสีน้ำเงิน เบาะนั่งชิ้นเดียวทรงสปอร์ตที่มาพร้อมชุดครอบท้าย หากต้องการซ้อนสองก็สามารถถอดออกได้

ส่วนอุปกรณ์ควบคุมบนแฮนด์บังคับ ฝั่งขวามีสวิตซ์เปิด-ปิดการทำงานของเครื่องยนต์ ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ปุ่มเปิด-ปิดไฟหรี่ และแสงไฟบนเรือนวัดความเร็ว ส่วนฝั่งซ้ายใช้ควบคุมการทำงานของไฟสูง-ต่ำ ไฟเลี้ยว แตร และไฟขอทาง


ขณะที่ตำแหน่งท่านั่งด้วยการใช้แฮนด์บาร์ทรงต่ำและมีองศาเยื้องไปด้านหน้าเล็กน้อย ส่งผลให้ช่วงแขนตลอดจนลำตัวของผู้ขับขี่ต้องโน้มเข้าหาตัวรถและขยับไปในทิศทางด้านหน้าด้วยเช่นเดียวกัน แม้จะรู้สึกไม่ค่อยเป็นธรรมชาติหรือสบายเท่าไรนักเมื่อเทียบกับท่านั่งของตัวเลือกอื่นในตลาด แต่ในด้านการควบคุมกลับค่อนข้างโดดเด่น มีความกระฉับกระเฉงบังคับรถได้คล่องแคล่ว โดยเฉพาะการใช้งานในเมืองสามารถตอบสนองการซิกแซกมุดช่องรถติดได้อย่างคล่องตัว

ด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์จากแดนมังกร ขนาด 125 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยอากาศ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 4 สปีด แบบเกียร์วน กดลงอย่างเดียว อัตราเร่งหรือประสิทธิภาพโดยรวมต้องยอมรับว่าเป็นรองขุมพลังค่ายญี่ปุ่นอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ เนื่องจากด้วยมิติตัวรถ ขนาดวงล้อ และความเร็วที่เหมาะสมของรถประเภทนี้ สำหรับการใช้งานจริงในช่วงความเร็วระหว่าง 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (เผื่อเหลือเผื่อขาดในจังหวะเร่งแซง) ผลลัพธ์ที่ออกมาทำได้ดีทีเดียว

ขณะเดียวกันสำหรับอัตราบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตลอดการขับขี่ทำได้เฉลี่ย 39 กิโลเมตรต่อลิตร และความเร็วสูงสุดที่ทดลองทำได้อยู่ที่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


ทั้งนี้นอกจากการได้สัมผัสการใช้งานจริงบนท้องถนนแล้ว เรายังมีโอกาสนำไปลิ้มลองความสนุกในสนามแข่งขันด้วย กับการเข้าร่วมในกิจกรรม Riding with Gino Rea ที่สนามไทยแลนด์เซอร์กิต นครชัยศรี ซึ่งเป็นการพิสูจน์อีกหนึ่งไฮไลต์ที่นำมาเป็นจุดขายของมินิไบค์รุ่นนี้ สำหรับการใช้อุปกรณ์ติดรถแบรนด์ดังอย่างวายเอสเอสและไออาร์ซี ในส่วนของโช้กอัพหลังและยาง ตามลำดับ

แม้ด้านประสิทธิภาพการซับแรงสะเทือนของระบบช่วงล่างและการยึดเกาะพื้นผิวแทร็ก ต้องยอมรับว่าทำหน้าที่ในขณะโลดแล่นเล่นโค้งได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะยางซีรีย์กึ่งสนามแข่งที่ใส่มาให้ค่อนข้างโดดเด่นกว่าคู่แข่ง แต่ว่ากันตามข้อเท็จจริงมองในภาพรวมสมรรถนะการขับขี่ การตอบสนองของขุมพลัง รวมทั้งระบบเบรกแล้ว งานมิลเลอร์หน้าฝรั่งสัญชาติไทย ราคา 53,900 บาท ยังคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด


ไม่ต้องนับรวมถึงการเป็นแบรนด์ใหม่ในตลาด กระทั่งงานเซอร์วิส การสำรองอะไหล่ หรือจำนวนศูนย์บริการ ปัจจัยที่เหลือแน่นอนว่าย่อมเป็นรองค่ายญี่ปุ่นทุกประตู

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ Demon125 ตีโจทย์แตกในตอนนี้ก็คือ การมุ่งตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรูปทรงสวยงาม ดีไซน์โดดเด่นมีความแตกต่าง และน่าจะเป็นทีเด็ดที่ใช้มัดใจนักบิดที่ตัดสินใจซื้อด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผลดีอยู่แล้วด้วย

ช่วงแรกแจ้งเกิดได้ แต่จะเพียงพอในการทำตลาดระยะยาวหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป!


***ขอขอบคุณ Alpinestars Thailand สำหรับอุปกรณ์ Riding Gear (www.1goal1visionth.com โทร. 02-000-7885-6)

ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring

กำลังโหลดความคิดเห็น