กระแสแรง แสดงถึงการตอบรับดีตั้งแต่ยังไม่มีรถลงโชว์รูม สำหรับมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต โฉมใหม่(All New Mitsubishi Pajero Sport) หลังอวดโฉมครั้งแรกในงาน “บิ๊ก มอเตอร์ เซลล์ 2015”เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา จนถึงวันนี้เห็นว่ามียอดจองเข้ามากว่า 5,000 คัน
สำหรับรถล็อตนี้ ลูกค้าได้จ่ายราคาเดิมที่มิตซูบิชิประกาศไว้แต่แรกแน่ๆ ยิ่งในรุ่นท็อปลดราคาให้พิเศษ 51,000 บาท จนถึงวันที่ 30 กันยายนถือว่าคุ้มสุดๆ เพราะถ้าข้ามไปปีหน้า 2559 ด้วยราคาเต็ม 1.45 ล้านบาท บวกกับโดนภาษีสรรพสามิตเพิ่ม (ตามโครงสร้างใหม่) ส่วนต่างไปกลับน่าจะเป็นหลักแสนบาทเลยทีเดียว (เมื่อเทียบจากราคาพิเศษ 1.399 แสนบาท)
...หลังจากสัมผัสเบาๆสั้นๆ ที่สนามทดสอบรถยนต์ของมิตซูบิชิ ที่อำเภอศรีราชา เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุดผู้เขียนมีโอกาสลอง “ปาเจโร สปอร์ต โฉมใหม่” ตัวท็อป GT-Premium 4WD ซึ่งคราวนี้ขับกันเต็มๆเขี่ยนกันยาวๆ จากสำนักงานใหญ่มิตซูบิชิ ปทุมธานี ไปถึงเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ระยะทางร่วม 400 กิโลเมตร
รูปโฉมโนมพรรณ ละทิ้งคราบไคลของปิกอัพไปเสียสิ้น ด้านหน้าดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย มีความเชื่อมต่อของเส้นสายลายโครเมี่ยม ทั้งกระจัง โคมไฟ และกันชน โดดเด่นด้วยไฟเดย์ไทม์แบบสเปกตรัม LED ส่วนไฟใหญ่เป็น Bi-LED ควบคุมลำแสงด้วยโปรเจกเตอร์เลนส์ ขณะที่ไฟท้ายแนวตรงลงล่างก็ใช้ไฟแบบสเปกตรัม LED เช่นกัน
...สวยนะครับถ้ามองด้านหน้า มองด้านข้างก็สมส่วน แต่ถ้ามองมุมเฉียงของด้านท้าย อาจจะรู้สึกว่าก้นไม่งาม ซึ่งก็เป็นเรื่องของการออกแบบและความชอบส่วนบุคคล ทว่าการออกแบบด้านท้ายของพีพีวีรุ่นใหม่ในตอนนี้ผู้เขียนว่าฟอร์จูนเนอร์ลงตัวที่สุด
สำหรับมิติตัวถังยังน่าสนใจด้วยความยาว 4,785 มม. หรือมากกว่ารุ่นเดิม 90 มม. แต่ระยะฐานล้อ 2,800 มม. และความกว้าง 1,815 มม.ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ความสูงลดลงเล็กน้อย และระยะต่ำสุดจากพื้นเพิ่มขึ้นจาก 215 มม. เป็น 218 มม. (แถบไม่มีผลในการขึ้นลง)
เรื่องขนาดตัวถังนอกจากจะเน้นความเพรียวลมสวยงาม พร้อมคงความกว้างและระยะฐานล้อไว้เท่าเดิม มิตซูบิชิน่าจะหวังรักษาจุดเด่นเรื่องความคล่องตัวในการขับขี่ ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบที่สุดในคลาส 5.6 เมตร หรือยกตัวอย่างการกลับรถก็ไม่ต้องใช้พื้นถนนฝั่งตรงข้ามมากเกินไป
ภายในรุ่นท็อป GT-Premium เน้นโทนสีดำตัดเมทาลิก เบาะนั่งหุ้มหนังออกแบบใหม่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมหน้าจอสีแบบทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบนำทาง นอกจากนี้ยังมีจอฝังเพดานพร้อมเครื่องเล่น DVD ให้ผู้โดยสารแถวสองและสามได้เพลิดเพลิน (แถมหูฟังแบบไร้สายมาให้สองอัน พร้อมรีโมทควบคุม) ชวนให้คิดไปถึงความอบอุ่นของเอ็มพีวี “สเปซแวกอน” หรือจะว่าไปนี่คืออีกหนึ่งจุดขายที่เอาไว้มัดใจคนรักครอบครัวอย่างแท้จริง(ปาเจโร สปอร์ต รุ่นเก่า ช่วงปลายๆโมเดลก็ติดตั้งจอและเครื่องเล่น DVD แบบนี้มาให้)
ในส่วนเบาะนั่งที่ออกแบบใหม่เน้นหนานุ่ม โดยคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ส่วนคู่หลังเลื่อนหน้าถอยหลังไม่ได้ แต่ปรับระดับเอนหลังได้ ทั้งยังสามารถพับให้ดันขึ้นไปชนกับเบาะคู่หน้า หากต้องการพับเบาะนั่งแถวสามให้ราบเรียบลงมา เพื่อเพิ่มพื้นที่การเก็บสัมภาระสูงสุด ซึ่งตรงนี้ดูดีกว่าพับแล้วเกี่ยวขึ้นไปเก็บไว้ด้านข้างของฟอร์จูนเนอร์แน่ๆ
ด้านการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต โฉมใหม่ อยู่ในระดับชั้นนำของพีพีวีที่ทำตลาดในเมืองไทย เสียงลมปะทะ เสียงเครื่องยนต์ เสียงการจราจรภายนอกเล็ดรอดเข้ามาน้อย อันเป็นผลมาจากการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์(เท่าที่จะทำได้กับรถประเภทนี้) และเพิ่มวัสดุซับเสียงเข้าไปตามจุดต่างๆมากขึ้น
ในส่วนช่วงล่าง ถือว่าผิดไปจากการลองขับที่สนามทดสอบรถยนต์ของมิตซูบิชิ ที่อำเภอศรีราชาเมื่อเดือนก่อน เพราะครานั้นยังรู้สึกถึงอาการเด้งแข็งอยู่พอสมควร แต่พอการขับจริงยิงยาวๆในทริปนี้เหมือนตัวรถจะเซ็ทช่วงล่างมาค่อนข้างนุ่ม
ทั้งนี้ ปาเจโร สปอร์ต ที่นำมาขับล่าสุดยังถือเป็นรถพรีโปรดักต์ชัน(ขั้นตอนสุดท้าย) ซึ่งสเปกและการเซ็ทต่างๆเหมือนกับตัวขายจริงที่สุดแล้ว
โดยช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกสองชั้น พร้อมคอยส์ปริงและเหล็กกันโคลง หลังแบบทรีลิงค์ ทอล์คอาร์ม พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง และเหล็กกันสะบัดเพลาหลัง
แม้ระบบหรือโครงสร้างจะใช้เหมือนปาเจโร สปอร์ต รุ่นเก่า แต่มิตซูบิชิเปลี่ยนสเปกยกชุด ทั้ง โช้กอัพ สปริง ปีกนกก็ใหญ่ขึ้น อาร์มหลังก็ยาวขึ้น ตลอดจนปรับปรุงจุดรับจุดยึดต่างๆ เช่นเดียวกับกันสะบัดหลังก็ใหญ่ขึ้น พร้อมรับกับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ประกบยาง 265/60 R18 จุดมุ่งหมายเพื่อความหนึบแน่นและนุ่มนวล
แต่กระนั้นผู้เขียนยังรู้สึกว่า มิตซูบิชิเซ็ทระบบกันสะเทือนให้ออกแนวนุ่มย้วยไปนิด การขับขี่บางช่วงรับรู้ถึงอาการโยนของตัวถัง ยิ่งทริปทดสอบนี้โค้งเพียบ ทั้งสั้น-ยาว ลึก-แคบ แถมขึ้น-ลงเขาเป็นว่าเล่น
กล่าวคือถ้านั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลัง บนทางตรงๆ (ถนนไม่ต้องดีมาก) การรองรับของช่วงล่างนุ่มนวลหลับได้สบายครับ (เพราะผู้เขียนหลับมาแล้ว) เพียงแต่การโคลงของตัวถังจะรับรู้ได้ชัดเจนในช่วงเข้า-ออกโค้งแรงๆ เช่นเดียวกันในตำแหน่งผู้ขับ กับรถพีพีวีตัวถังสูง มองได้ไกล ทัศนวิสัยดี แต่การควบคุมและช่วงล่างรวมๆ ยังไม่ถึงกับเนี้ยบเมื่อเทียบกับฟอร์ด เอเวอเรสต์ อันหมายรวมถึงโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่ให้อารมณ์การทรงตัวค่อนข้างแน่นและเฉียบขาดกว่า
เครื่องยนต์เล็กพริกขี้หนู ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.4 ลิตร MIVEC วาล์วไอดีแปรผัน และ VG Turbo เทอร์โบแปรผัน พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ รีดกำลังได้สูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
ต้องบอกว่าเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล และประสิทธิภาพของเกียร์ ช่วยกันทำงานส่งให้รถขับเคลื่อนไปได้อย่างไหลลื่น กำลังไม่ถึงพลุ่งพล่านแต่แรงมาแบบนวลๆตั้งแต่รอบต่ำ เกียร์ฉลาดทำงานกระชับฉับไวสอดคล้องกันเป็นอย่างดี อย่างทริปนี้ทางไกลๆนั่งกันไปสามคน (ตัวใหญ่ๆทั้งนั้น) พร้อมสัมภาระพอสมควร ยังขับสบายๆไม่เครียดครับ
ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อขั้นเทพ Super Select II ยังเป็นจุดที่น่าชื่นชม เพราะผู้ขับสามารถเลือกได้ทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง(ปกติ) หรือจะเปลี่ยนเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบกระจายกำลังไปหน้า-หลังตามสภาพถนน หรือจะเลือกเป็นขับ 4 แบบล็อกการกระจายกำลังไปล้อหน้าและหลังเท่ากัน 50/50 หรือสุดท้ายจะเป็นแบบ 4โลว์ ไว้ตะลุย-ปีนป่ายบนทางสุดโหด ซึ่งทั้งหมดปรับได้ด้วยปุ่มควบคุมระบบไฟฟ้าที่คอนโซลกลาง
(***ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ ปาเจโร สปอร์ต มีโหมดการใช้มากกว่าฟอร์จูนเนอร์ ที่เป็นแบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพาร์ทไทม์เหมือนกัน ขณะที่ฟอร์ด เอเวอเรสต์ นั้นแบบฟูลไทม์ขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา)
ด้านอัตราบริโภคน้ำมันลองวัดในระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตรก่อนถึงอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ที่ลักษณะภูมิประเทศเป็นทางค่อยๆไต่ขึ้นที่ราบสูง ด้วยความเร็ว 90-120 กม./ชม. หน้าจอแสดงตัวเลข 13.1 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...เป็นพีพีวี/เอสยูวี ที่ขับแล้วทำความคุ้นเคยได้ง่าย แม้ตัวรถจะใหญ่ยาวระดับ 4.78 เมตร ยิ่งรุ่นใหม่พัฒนาให้ห่างไกลจากคำว่าปิกอัพดัดแปลงไปหลายขุม ช่วงล่างเน้นนุ่ม(แต่ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าย้วยไปนิด) นั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังให้การรองรับนิ่ม เครื่องยนต์บล็อกเล็กแต่รีดกำลังออกมาสูง เมื่อประกบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้สมรรถนะการขับขี่ดีเกินคาด พร้อมระบบความปลอดภัยเต็มพิกัด ดิสก์เบรก 4 ล้อ ประสิทธิภาพการชะลอหยุดแม่นยำมั่นใจ บวกกับระบบความปลอดภัยไฟฟ้าต่างๆที่ให้มาอีกเพียบ ราคาในรุ่นท็อปต่างจากคู่แข่งอยู่หลายแสนบาทแต่ของให้มาครบ เรียกว่า “มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต” มีศักยภาพในการแข่งขันสูงด้วยความคุ้มค่า
ระบบความปลอดภัยขั้นเทพของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต
สำหรับรถล็อตนี้ ลูกค้าได้จ่ายราคาเดิมที่มิตซูบิชิประกาศไว้แต่แรกแน่ๆ ยิ่งในรุ่นท็อปลดราคาให้พิเศษ 51,000 บาท จนถึงวันที่ 30 กันยายนถือว่าคุ้มสุดๆ เพราะถ้าข้ามไปปีหน้า 2559 ด้วยราคาเต็ม 1.45 ล้านบาท บวกกับโดนภาษีสรรพสามิตเพิ่ม (ตามโครงสร้างใหม่) ส่วนต่างไปกลับน่าจะเป็นหลักแสนบาทเลยทีเดียว (เมื่อเทียบจากราคาพิเศษ 1.399 แสนบาท)
...หลังจากสัมผัสเบาๆสั้นๆ ที่สนามทดสอบรถยนต์ของมิตซูบิชิ ที่อำเภอศรีราชา เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุดผู้เขียนมีโอกาสลอง “ปาเจโร สปอร์ต โฉมใหม่” ตัวท็อป GT-Premium 4WD ซึ่งคราวนี้ขับกันเต็มๆเขี่ยนกันยาวๆ จากสำนักงานใหญ่มิตซูบิชิ ปทุมธานี ไปถึงเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ระยะทางร่วม 400 กิโลเมตร
รูปโฉมโนมพรรณ ละทิ้งคราบไคลของปิกอัพไปเสียสิ้น ด้านหน้าดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย มีความเชื่อมต่อของเส้นสายลายโครเมี่ยม ทั้งกระจัง โคมไฟ และกันชน โดดเด่นด้วยไฟเดย์ไทม์แบบสเปกตรัม LED ส่วนไฟใหญ่เป็น Bi-LED ควบคุมลำแสงด้วยโปรเจกเตอร์เลนส์ ขณะที่ไฟท้ายแนวตรงลงล่างก็ใช้ไฟแบบสเปกตรัม LED เช่นกัน
...สวยนะครับถ้ามองด้านหน้า มองด้านข้างก็สมส่วน แต่ถ้ามองมุมเฉียงของด้านท้าย อาจจะรู้สึกว่าก้นไม่งาม ซึ่งก็เป็นเรื่องของการออกแบบและความชอบส่วนบุคคล ทว่าการออกแบบด้านท้ายของพีพีวีรุ่นใหม่ในตอนนี้ผู้เขียนว่าฟอร์จูนเนอร์ลงตัวที่สุด
สำหรับมิติตัวถังยังน่าสนใจด้วยความยาว 4,785 มม. หรือมากกว่ารุ่นเดิม 90 มม. แต่ระยะฐานล้อ 2,800 มม. และความกว้าง 1,815 มม.ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ความสูงลดลงเล็กน้อย และระยะต่ำสุดจากพื้นเพิ่มขึ้นจาก 215 มม. เป็น 218 มม. (แถบไม่มีผลในการขึ้นลง)
เรื่องขนาดตัวถังนอกจากจะเน้นความเพรียวลมสวยงาม พร้อมคงความกว้างและระยะฐานล้อไว้เท่าเดิม มิตซูบิชิน่าจะหวังรักษาจุดเด่นเรื่องความคล่องตัวในการขับขี่ ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบที่สุดในคลาส 5.6 เมตร หรือยกตัวอย่างการกลับรถก็ไม่ต้องใช้พื้นถนนฝั่งตรงข้ามมากเกินไป
ภายในรุ่นท็อป GT-Premium เน้นโทนสีดำตัดเมทาลิก เบาะนั่งหุ้มหนังออกแบบใหม่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมหน้าจอสีแบบทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบนำทาง นอกจากนี้ยังมีจอฝังเพดานพร้อมเครื่องเล่น DVD ให้ผู้โดยสารแถวสองและสามได้เพลิดเพลิน (แถมหูฟังแบบไร้สายมาให้สองอัน พร้อมรีโมทควบคุม) ชวนให้คิดไปถึงความอบอุ่นของเอ็มพีวี “สเปซแวกอน” หรือจะว่าไปนี่คืออีกหนึ่งจุดขายที่เอาไว้มัดใจคนรักครอบครัวอย่างแท้จริง(ปาเจโร สปอร์ต รุ่นเก่า ช่วงปลายๆโมเดลก็ติดตั้งจอและเครื่องเล่น DVD แบบนี้มาให้)
ในส่วนเบาะนั่งที่ออกแบบใหม่เน้นหนานุ่ม โดยคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ส่วนคู่หลังเลื่อนหน้าถอยหลังไม่ได้ แต่ปรับระดับเอนหลังได้ ทั้งยังสามารถพับให้ดันขึ้นไปชนกับเบาะคู่หน้า หากต้องการพับเบาะนั่งแถวสามให้ราบเรียบลงมา เพื่อเพิ่มพื้นที่การเก็บสัมภาระสูงสุด ซึ่งตรงนี้ดูดีกว่าพับแล้วเกี่ยวขึ้นไปเก็บไว้ด้านข้างของฟอร์จูนเนอร์แน่ๆ
ด้านการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต โฉมใหม่ อยู่ในระดับชั้นนำของพีพีวีที่ทำตลาดในเมืองไทย เสียงลมปะทะ เสียงเครื่องยนต์ เสียงการจราจรภายนอกเล็ดรอดเข้ามาน้อย อันเป็นผลมาจากการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์(เท่าที่จะทำได้กับรถประเภทนี้) และเพิ่มวัสดุซับเสียงเข้าไปตามจุดต่างๆมากขึ้น
ในส่วนช่วงล่าง ถือว่าผิดไปจากการลองขับที่สนามทดสอบรถยนต์ของมิตซูบิชิ ที่อำเภอศรีราชาเมื่อเดือนก่อน เพราะครานั้นยังรู้สึกถึงอาการเด้งแข็งอยู่พอสมควร แต่พอการขับจริงยิงยาวๆในทริปนี้เหมือนตัวรถจะเซ็ทช่วงล่างมาค่อนข้างนุ่ม
ทั้งนี้ ปาเจโร สปอร์ต ที่นำมาขับล่าสุดยังถือเป็นรถพรีโปรดักต์ชัน(ขั้นตอนสุดท้าย) ซึ่งสเปกและการเซ็ทต่างๆเหมือนกับตัวขายจริงที่สุดแล้ว
โดยช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกสองชั้น พร้อมคอยส์ปริงและเหล็กกันโคลง หลังแบบทรีลิงค์ ทอล์คอาร์ม พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง และเหล็กกันสะบัดเพลาหลัง
แม้ระบบหรือโครงสร้างจะใช้เหมือนปาเจโร สปอร์ต รุ่นเก่า แต่มิตซูบิชิเปลี่ยนสเปกยกชุด ทั้ง โช้กอัพ สปริง ปีกนกก็ใหญ่ขึ้น อาร์มหลังก็ยาวขึ้น ตลอดจนปรับปรุงจุดรับจุดยึดต่างๆ เช่นเดียวกับกันสะบัดหลังก็ใหญ่ขึ้น พร้อมรับกับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ประกบยาง 265/60 R18 จุดมุ่งหมายเพื่อความหนึบแน่นและนุ่มนวล
แต่กระนั้นผู้เขียนยังรู้สึกว่า มิตซูบิชิเซ็ทระบบกันสะเทือนให้ออกแนวนุ่มย้วยไปนิด การขับขี่บางช่วงรับรู้ถึงอาการโยนของตัวถัง ยิ่งทริปทดสอบนี้โค้งเพียบ ทั้งสั้น-ยาว ลึก-แคบ แถมขึ้น-ลงเขาเป็นว่าเล่น
กล่าวคือถ้านั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลัง บนทางตรงๆ (ถนนไม่ต้องดีมาก) การรองรับของช่วงล่างนุ่มนวลหลับได้สบายครับ (เพราะผู้เขียนหลับมาแล้ว) เพียงแต่การโคลงของตัวถังจะรับรู้ได้ชัดเจนในช่วงเข้า-ออกโค้งแรงๆ เช่นเดียวกันในตำแหน่งผู้ขับ กับรถพีพีวีตัวถังสูง มองได้ไกล ทัศนวิสัยดี แต่การควบคุมและช่วงล่างรวมๆ ยังไม่ถึงกับเนี้ยบเมื่อเทียบกับฟอร์ด เอเวอเรสต์ อันหมายรวมถึงโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่ให้อารมณ์การทรงตัวค่อนข้างแน่นและเฉียบขาดกว่า
เครื่องยนต์เล็กพริกขี้หนู ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.4 ลิตร MIVEC วาล์วไอดีแปรผัน และ VG Turbo เทอร์โบแปรผัน พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ รีดกำลังได้สูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
ต้องบอกว่าเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล และประสิทธิภาพของเกียร์ ช่วยกันทำงานส่งให้รถขับเคลื่อนไปได้อย่างไหลลื่น กำลังไม่ถึงพลุ่งพล่านแต่แรงมาแบบนวลๆตั้งแต่รอบต่ำ เกียร์ฉลาดทำงานกระชับฉับไวสอดคล้องกันเป็นอย่างดี อย่างทริปนี้ทางไกลๆนั่งกันไปสามคน (ตัวใหญ่ๆทั้งนั้น) พร้อมสัมภาระพอสมควร ยังขับสบายๆไม่เครียดครับ
ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อขั้นเทพ Super Select II ยังเป็นจุดที่น่าชื่นชม เพราะผู้ขับสามารถเลือกได้ทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง(ปกติ) หรือจะเปลี่ยนเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบกระจายกำลังไปหน้า-หลังตามสภาพถนน หรือจะเลือกเป็นขับ 4 แบบล็อกการกระจายกำลังไปล้อหน้าและหลังเท่ากัน 50/50 หรือสุดท้ายจะเป็นแบบ 4โลว์ ไว้ตะลุย-ปีนป่ายบนทางสุดโหด ซึ่งทั้งหมดปรับได้ด้วยปุ่มควบคุมระบบไฟฟ้าที่คอนโซลกลาง
(***ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ ปาเจโร สปอร์ต มีโหมดการใช้มากกว่าฟอร์จูนเนอร์ ที่เป็นแบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพาร์ทไทม์เหมือนกัน ขณะที่ฟอร์ด เอเวอเรสต์ นั้นแบบฟูลไทม์ขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา)
ด้านอัตราบริโภคน้ำมันลองวัดในระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตรก่อนถึงอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ที่ลักษณะภูมิประเทศเป็นทางค่อยๆไต่ขึ้นที่ราบสูง ด้วยความเร็ว 90-120 กม./ชม. หน้าจอแสดงตัวเลข 13.1 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...เป็นพีพีวี/เอสยูวี ที่ขับแล้วทำความคุ้นเคยได้ง่าย แม้ตัวรถจะใหญ่ยาวระดับ 4.78 เมตร ยิ่งรุ่นใหม่พัฒนาให้ห่างไกลจากคำว่าปิกอัพดัดแปลงไปหลายขุม ช่วงล่างเน้นนุ่ม(แต่ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าย้วยไปนิด) นั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังให้การรองรับนิ่ม เครื่องยนต์บล็อกเล็กแต่รีดกำลังออกมาสูง เมื่อประกบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้สมรรถนะการขับขี่ดีเกินคาด พร้อมระบบความปลอดภัยเต็มพิกัด ดิสก์เบรก 4 ล้อ ประสิทธิภาพการชะลอหยุดแม่นยำมั่นใจ บวกกับระบบความปลอดภัยไฟฟ้าต่างๆที่ให้มาอีกเพียบ ราคาในรุ่นท็อปต่างจากคู่แข่งอยู่หลายแสนบาทแต่ของให้มาครบ เรียกว่า “มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต” มีศักยภาพในการแข่งขันสูงด้วยความคุ้มค่า
ระบบความปลอดภัยขั้นเทพของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต
ระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบช่วยเสริมแรงเบรก (BA) รวมไปถึงระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก (Brake Override System) |
ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS : Emergency Stop Signal System) จะทำงานเมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรกอย่างกะทันหัน หรือเมื่อระบบ ABS ทำงาน โดยไฟฉุกเฉินจะกะพริบต่อเนื่องจนกว่าจะปล่อยเบรกหรือรถหยุดสนิทเพื่อแจ้งให้รถคันหลังทราบ |
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA : Hill Start Assist) ป้องกันการลื่นไหลในกรณีที่ต้องเบรกรถบนทางชันและต้องออกตัวอีกครั้ง |
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC : Hill Descent Control) ช่วยรักษาระดับความเร็วของรถด้วยการควบคุมการเบรกให้สอดคล้องกับสภาพการขับขี่เมื่อต้องขับขี่ผ่านเส้นทางแบบออฟโรด และลงทางลาดชัน หรือทางลาดลื่น โดยระบบจะทำงานเมื่ออยู่ในช่วงความเร็ว 2-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (เฉพาะรุ่น GT- Premium) |
เบรกมือควบคุมด้วยไฟฟ้าติดตั้งบริเวณคอนโซลกลางสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน |
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ( ASTC : Active Stability & Traction Control) |
ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM-Forward Collision Mitigation System) จะทำงานโดยใช้เรด้าประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนเพื่อให้เบรกรถ พร้อมเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก เพื่อให้ประสิทธิภาพในการเบรกที่ดียิ่งขึ้น และเมื่อความเร็วต่ำกว่า 30 กม./ชม. ระบบช่วยเบรกจะทำงานอัตโนมัติ เมื่อพบว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน เพื่อบรรเทาความเสียหายจากการชน (เฉพาะรุ่น GT และ GT-Premium ) |
กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ (Multi-around Monitor) ทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งรอบตัวรถ เพื่อประมวลผลและแสดงภาพแบบ Bird’s Eye View ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพได้รอบตัวรถ เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการจอดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น |
ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS-Ultrasonic misacceleration Mitigation System) ทำงานโดยใช้คลื่นอัลตร้าโซนิคตรวจจับวัตถุด้านหน้าหรือด้านหลังในระยะไม่เกิน 4 เมตร ในขณะที่เกียร์อยู่ตำแหน่ง "D" หรือ "R" หากมีการเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบจะทำการตัดกำลังเครื่องยนต์ไว้ประมาณ 5 วินาที ทั้งนี้ระบบจะทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม. เพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดจากการชน |
ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW - Blind Spot Warning) ทำงานโดยการใช้คลื่นอัลตร้าโซนิค ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณมุมกันชนทั้ง 4 ด้าน โดยระบบจะส่งสัญญาณไฟเตือนบนกระจกมองข้างให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีรถอยู่ในจุดอับสายตาซึ่งไม่สามารถมองเห็นจากกระจกมองข้าง ในขณะเดียวกันเมื่อเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ระบบจะส่งสัญญาณเสียงเตือนพร้อมสัญญาณเตือนไฟกระพริบบนกระจกมองข้าง ทั้งนี้ระบบจะทำงานที่ความเร็ว 20 - 140 กม./ชม. ในระยะไม่เกิน 3 เมตร เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการเปลี่ยนช่องจราจร (เฉพาะรุ่น GT-Premium ) |
ถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ SRS สำหรับทุกรุ่น โดยในรุ่น GT-Premium มาพร้อมถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ได้แก่ถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ SRS โดยทำงานร่วมกันกับระบบเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ 2 ทิศทางพร้อมระบบผ่อนแรงโนมัติ ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ถุงลมนิรภัยหัวเข่าด้านคนขับและม่านถุงลมนิรภัย |