xs
xsm
sm
md
lg

Test Drive : MINI Cooper SD Hatch 5 Door ประตูเพิ่ม2บาน อาการแข็ง-แรงมาเต็ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตัวถังลำดับที่สองของ “มินิ โฉมใหม่” เจเนอเรชันที่สาม มาถึงเมืองไทยรวดเร็วตามตลาดโลก โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2014 ปลายปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ของมินิที่ทำรถตัวถังแฮทช์แบ็ก 5 ประตู (คันทรีแมนก็มี 5 ประตู แต่แยกประเภทให้เป็นประเภทเอสยูวี) พร้อมใช้ชื่อทำตลาดเป็นสากล สั้นๆเข้าใจง่ายว่า Hatch 5 Door


....เดิมไอคอนของมินิคือแฮทช์แบ็ก 3 ประตูเท่านั้น ส่วนตัวถังอื่นถือเป็นการแตกไลน์ขยายทางเลือก ซึ่งการเกิดขึ้นของรุ่นแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเล็กๆ แต่ก็ไม่ยากเกินคาดเดา เพราะในระยะหลังมินิขยันพัฒนาตัวถังใหม่ๆมากเสียเหลือเกิน

แน่นอนว่าตัวถังแฮทช์แบ็ก 5 ประตู วิศวกรต้องออกแบบให้มีการใช้งานที่อเนกประสงค์และอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารมากกว่ารุ่น 3 ประตู ด้วยความยาว 3,982 มิลลิเมตร (เพิ่มจากรุ่น 3 ประตู 161 มิลลิเมตร) ระยะฐานล้อ 2,567 มิลลิเมตร (เพิ่มจากรุ่น 3 ประตู 72 มิลลิเมตร) พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง278 ลิตร (มากกว่ารุ่น 3 ประตู 67 ลิตร) และเมื่อพับเบาะนั่งแถวสองให้ราบลงสามารถเพิ่มพื้นที่ตรงนี้ได้เป็น 941 ลิตร

หลังจากพิจารณามิติต่างๆถือว่าใหญ่กว่ารุ่นแฮทช์แบ็ก 3 ประตู แต่เชื่อเถิดว่าตัวถังยังเล็กกว่าคันทรีแมน ที่กินขาดเรื่องความยาว ระยะฐานล้อ และความสูง



การมีประตูเพิ่มเข้ามาสองบาน ย่อมอำนวยความสะดวกแก่การขึ้นลงของผู้โดยสารด้านหลัง รวมถึงการวางของชิ้นเล็กๆ ส่วนการนั่งเบาะแถวสองจริงๆ มินิ แฮทช์แบ็ก 5 ประตู ไม่ได้ตอบสนองเรื่องความกว้างขวางนั่งสบายนัก กรณีคนตัวสูงประมาณ 180 เซนติเมตร เมื่อเข้าไปนั่งพบว่าหัวเข่าเกือบชิดกับเบาะนั่งคู่หน้าเลยทีเดียว

ขณะเดียวกันการซอยประตูคู่หลังเพิ่มเข้ามา ยังส่งผลให้ช่องว่างและบานประตูรวมทั้ง 4 บานค่อนข้างแคบ โดยเฉพาะการเข้าไปในตำแหน่งคนขับไม่ค่อยคล่องตัว เมื่อเทียบกับรุ่นแฮทช์แบ็ก 3 ประตูและคันทรีแมน
ทั้งยังส่งผลกับทัศนวิสัยในการขับขี่ ที่เสาบีขยับมาด้านหน้า(ใกล้เสาเอ) ทำให้การมองรถด้านซ้ายต้องตั้งใจมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาออกจากซอยหรือเข้าทางร่วมทางแยก (ว่าง่ายๆคือเสาบี มาบดบังนั้นเอง)

สำหรับรุ่นที่ผู้เขียนได้ลองขับคือ ตัวแรงของเครื่องยนต์ดีเซล “คูเปอร์ เอสดี” ซึ่งช่วงล่างเมื่อประกบล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ต้องบอกว่าออกแนวแข็ง รับรู้ถึงแรงสะท้านจากพื้นถนนมากพอสมควรก็น่าจะเป็นการเซ็ทบุคลิกของรุ่น“เอสดี” ที่หวังอารมณ์การขับที่สปอร์ตสุดๆ บวกกับพวงมาลัยที่หนักมือ ต้องใช้แรงเอี้ยวเลี้ยวพอสมควร

...สรุปคืออารมณ์สปอร์ตเต็มๆทั้งการควบคุมและช่วงล่างที่หนึบแข็ง

สอดคล้องกับพละกำลังของเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่รีดแรงเร่งพลังได้มหาศาล กดเป็นหาย ปลายเหลือๆ เห็นว่าความเร็วสูงสุดทำได้ถึง 223 กม./ชม.

สัมผัสอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไล่ไปถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 7.3 วินาที สะใจดีนะครับ ที่สำคัญเรี่ยวแรงยังดูพลุ่งพล่านตั้งแต่รอบต่ำ 1,500 รอบ แล้วไม่ได้มาเร็วหมดเร็ว ประเด็นนี้ต้องยกความดีความชอบให้เทคโนโลยีทวินพาวเวอร์เทอร์โบของบีเอ็มดับเบิลยู บวกกับหน้าที่ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำงานขะมักเขม้นดี

เหนืออื่นใด ยังชอบจังหวะฉุดกระชากในช่วงเปลี่ยนเกียร์ที่มีอาการให้ได้สะท้านเล่นๆ ยิ่งเลือกขับในโหมดสปอร์ตจะรู้สึกได้ชัด


เห็นขับแบบกระทุ้งสนั่นเท้าแบบนี้ อัตราบริโภคน้ำมันไม่ขี้เหร่นะครับ วัดตั้งแต่ช่วงรถติดในเมือง (ประมาณ 30 นาที) แล้วมีโอกาสเจอทางตรงถนนยาว ขับใช้ความเร็วสูง สุดท้ายยังมีตัวเลขแถวๆ 7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (ประมาณ 14 กม./ลิตร) ดังนั้นถ้าขับความเร็วปกติ เท้านิ่งๆ น่าจะประหยัดน้ำมันกว่านี้แน่ๆ

สำหรับ มินิ แฮทช์แบ็ก 5 ประตู มีให้เลือก 4 รุ่น ในเครื่องยนต์ 4 บล็อกไม่ซ้ำ นั้นคือตัวท็อปที่ผู้เขียนได้ลองขับคือ ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร “คูเปอร์ เอสดี” ราคา 3.18 ล้านบาท รองมาเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร “คูเปอร์ เอส” ราคา 2.88 ล้านบาท ดีเซล 3 สูบ 1.5 ลิตร “คูเปอร์ ดี” 2.48 ล้านบาท และตัวเริ่มต้นเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร “คูเปอร์” ราคา 2.23 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อเทียบรุ่นต่อรุ่นจะแพงกว่า 40,000 บาท เมื่อเทียบกับตัวถังแฮทช์แบ็ก 3 ประตู (ที่ยังไม่มีรุ่น เอสดี)
รุ่นเครื่องยนต์ราคา(บาท)
คูเปอร์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร 136 แรงม้า2,230,000
คูเปอร์ ดีดีเซล 3 สูบ 1.5 ลิตร 116 แรงม้า2,480,000
คูเปอร์ เอสเบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร 192 แรงม้า2,880,000
คูเปอร์ เอสดีดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร 170 แรงม้า3,180,000

รวบรัดตัดความ...แรงสนั่น พลังเหลือเฟือ กับรุ่นคูเปอร์ เอสดี เครื่องยนต์ดีเซล เข้าขั้นรถสปอร์ตขับสนุก ช่วงล่างหนึบแข็ง การควบคุมแม่นยำคล่องตัว แต่ถ้าถามความรู้สึกผู้เขียน มินิ แฮทช์แบ็ก มันต้องมี 3 ประตูเท่านั้น (ในชีวิตจริงก็ไม่มีใครมานั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังเท่าไหร่) แต่ถ้าใครอยากได้ความอเนกประสงค์แบบ 5 ประตู ก็หันไปคบคันทรีแมน เอสยูวีประกอบเมืองไทยที่ให้ความสบายบนราคาคุ้มค่ากว่า










ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring

กำลังโหลดความคิดเห็น