xs
xsm
sm
md
lg

กระทุ้งกระทิงดุที่เขาใหญ่ Lamborghini Huracan LP610-4

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

วันก่อนผู้เขียนขับรถผ่านโชว์รูมใหม่ของ “นิชคาร์” ที่ตั้งอยู่บนเส้นมอเตอร์เวย์ขาเข้า ก่อนถึงถนนศรีนครินทร์ครับ เดี๋ยวนี้เจริญรุ่งเรืองสร้างตึกอลังการเห็นว่าลงทุนไปกว่า 800 ล้านบาท เพื่อนำรถยนต์ทุกแบรนด์ที่ขายในเครือ ทั้งลัมบอร์กินี โลตัส แมคราเลน รวมถึงไฮเปอร์คาร์อย่าง ปากานี และโคนิกเซกก์ มารวมไว้ในที่แห่งเดียว

....ผ่านไปผ่านมาหลายครั้งยังไม่ทันจะเข้าไปเยี่ยมเยือน แต่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมากลับมีโอกาสได้ลองขับซูเปอร์คาร์แบรนด์ดัง “ลัมบอร์กินี” เสียก่อน โดยนิชคาร์ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ Automobili Lamborghini นำ “ฮูราคัน” (Huracan) มาให้ผู้สื่อข่าวและลูกค้าคนพิเศษได้ทดสอบสมรรถนะกันแบบเต็มๆ ที่โบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ เขาใหญ่



อย่างที่ทราบครับ “ฮูราคัน” เป็นโมเดลใหม่ที่เข้ามาทำตลาดแทนกัลญาร์โด้ ซึ่งลัมบอร์กินีเริ่มส่งมอบรถให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 1,137 คัน ซึ่งตัวเลขนี้ยังน้อยกว่าความต้องการทั่วโลกที่มียอดจองเข้ามาถึง 3,300 คัน

ถือว่า“ฮูราคัน” ได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั่วโลก และมีความเป็นไปได้สูงที่จะประสบความสำเร็จตามรุ่นพี่ “กัลญาร์โด้” ที่ตลอดอายุการทำตลาดขายได้เกิน 10,000คัน หรือตัวเลขผลิตจริงตั้งแต่ปี 2003-2013 ได้จำนวน 14,022 คัน ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ของยอดผลิต/ขาย ต่อรถยนต์หนึ่งรุ่นของลัมบอร์กินีเลยทีเดียว

ในส่วนการเปลี่ยนแปลงเชิงสมรรถนะของซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ยิ่งน่าสนใจครับ โดยประเดิมทำตลาดกับรุ่น LP 610-4 เครื่องยนต์ วี10 ขนาด 5.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 610 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์คลัทช์คู่ 7 สปีดลูกใหม่ (เดิมเป็น E-Gear 6 สปีด) พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา

ตามข้อมูลของเกียร์ลูกนี้ ที่ลัมบอร์กินีเรียกว่า Lamborghini Doppia Frizione (LDF) ออกแบบมาถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์อันทรงพลัง พร้อมเซ็ทอัตราทดให้รองรับกับสมรรถนะสไตล์สปอร์ตสูงสุด
โดยเกียร์ LDF มีขนาดกะทัดรัด ประสานการควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า กลไก และไฮดรอลิค ซึ่งคลัทช์ชุดแรกประกบเกียร์ 1, 3, 5 และ 7 ส่วนคลัทช์อีกชุดจะประกบเกียร์ 2, 4,6 และเกียร์ถอยหลัง ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์รวดเร็วมากขึ้น

สำหรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในการขับภาวะปกติจะส่งกำลังไปล้อคู่หน้า/หลังในสัดส่วน 30/70 เปอร์เซ็นต์ และสามารถส่งไปยังล้อคู่หน้าได้สูงสุด 50 เปอร์เซ็นต์ หรืออาจจะส่งไปยังล้อหลังทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ได้ขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่ ด้วยดิฟเฟอร์เรนเชี่ยลล็อคที่อยู่ในกล่องเกียร์ LDF

การพัฒนาโครงสร้างตัวถังก็น่าสนใจเช่นกัน โดยลัมบอร์กินีเรียกว่าเทคโนโลยีไฮบริดที่ผสานวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และอลูมิเนียมเข้าไว้ด้วยกัน ส่งผลให้น้ำหนักตัวรถเปล่าก่อนเติมของเหลวอยู่ที่ 1,422 กิโลกรัม (กัลญาร์โด้ LP560-4 น้ำหนัก 1,410 กิโลกรัม) ขณะที่อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักอยู่ที่ 2.33 กิโลกรัม/แรงม้า

ด้านมิติตัวถังยาว 4,459 มม. (เพิ่มจากกัลญาร์โด้ 114 มม.) กว้าง 1,924 มม.(เพิ่ม 24 มม.) สูง 1,165 มม.(เท่าเดิม) และระยะฐานล้อยาว 2,620 มม.(เพิ่ม 60 มม.) ขณะที่เลย์เอ้าเครื่องยนต์วางกลาง มีส่วนช่วยให้การกระจายน้ำหนักไปล้อหน้า/หลังสมดุลที่ 42/58 เปอร์เซ็นต์ (กัลญาร์โด้ LP560-4 43/57 เปอร์เซ็นต์)
การลองขับในกิจกรรม “Lamborghini Huracan LP 610-4 Esperienza” ที่สนามโบนันซ่าถือว่ากำลังดีครับ เพราะได้ลองคนละ 4 รอบ (ถ้าขับเต็มแทรกจริงๆต้องนับเป็น 3 รอบ) รอบละเกือบ 3 กิโลเมตร รวมๆใช้เวลา 7-8 นาทีต่อคน ซึ่งการขับในสนามแบบปิดยังมั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้ระดับหนึ่ง

สำหรับฮูราคัน LP 610-4 ที่ได้ลองขับเป็นรถพวงมาลัยซ้าย แม้จะไม่คุ้นชินแต่ก็ไม่มีเวลาขัดเขินครับ ขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัย ปรับระยะเบาะนั่ง(ด้วยระบบไฟฟ้า) คาดเข็มขัด ตบเกียร์(ด้วยแพดเดิ้ลชิฟท์มือขวา) ออกตัวมุ่งไปข้างหน้าแล้วก็ใส่ไม่ยั้ง

โดยรอบแรกผู้เขียนใช้โหมดการขับขี่ที่เรียกว่า Strada คือโหมดการขับปกติทั่วไป และปล่อยให้เกียร์คลัทช์คู่ 7 สปีด บริหารจัดการเรี่ยวแรงลงสู่ล้อให้แบบอัตโนมัติ พร้อมสัมผัสอัตราเร่ง 0-100 ใน 3.2 วินาที ซึ่งบุคลิกรถแรงจริง แต่ไม่ถึงกับโหดหรือควบคุมยากอะไรครับ ในโค้งยังพอสาดใส่ได้เกิน 120 กม./ชม. ส่วนทางตรงทำความเร็วสูงสุดในการขับครั้งนี้ได้ 210 กม./ชม.(ความเร็วสูงสุดในรุ่นนี้เคลมไว้ 325 กม./ชม.)

หลังผ่านรอบแรก ผู้เขียนลองเปลี่ยนเป็นโหมดสปอร์ต(Sport) ซึ่งการเปลี่ยนโหมดทำได้ที่ปุ่มควบคุมที่ฝังอยู่ด้านล่างของพวงมาลัย ขับโหมดนี้รถดุดันขึ้นชัดเจน ทั้งการตอบสนองของเครื่องยนต์-เกียร์ การเปลี่ยนเกียร์ลากรอบยาวขึ้น หรือไล่ไปถึง 8,000 รอบก่อนถึงเรดไลน์ถึงจะชิฟท์อัพให้ พร้อมเสียงคำรามแบบกระหึ่มเร้าใจมากขึ้น


หลายช่วงผู้เขียนเลือกเปลี่ยนเกียร์เองที่แพดเดิ้ลชิฟ ซ้ายลบ - ขวาบวก เหมือนรถทั่วไป ทุกจังหวะของการเปลี่ยนเกียร์ตัวรถจะตอบรับด้วยอาการดีดเด้ง ราวกับขี่ม้าควบกระทิงก็ไม่ปาน(ตัวหลังนี่ไม่เคยควบเหมือนกัน แต่จินตนการเอาเอง) มีอารมณ์ฉุดกระชากให้ตื่นเต้นตลอดเวลา ซึ่งจริงๆแค่เกียร์4 ก็ทำความเร็วได้ระดับ 160 กม./ชม.แล้ว

อย่างไรก็ตาม เกียร์แพดเดิ้ลชิฟท์จะติดตั้งกับคอพวงมาลัย ดังนั้นเวลาหมุนพวงมาลัยมันก็ไม่ได้หมุนตาม เล่นเอาตะกุกตะกักเวลาเปลี่ยนเกียร์ช่วงออกโค้งเหมือนกัน ส่วนโหมดการขับขี่สุดโหดอย่าง Corsa ที่แปลว่าการแข่งขัน(หรือให้ใช้ในสนามแข่ง ไม่แน่ใจเหมือนกัน) ซึ่งตัดระบบควบคุมการทรงตัว และให้คนขับจัดการเองทุกอย่าง ผู้เขียนไม่ได้ลองตามคำแนะนำของผู้ฝึกสอนครับ แอบเสียดายอยู่นิดๆเหมือนกัน

สรุปอีกทีกับระบบเลือกโหมดการขับขี่ ลัมบอร์กินีเรียกว่า ANIMA (แปลว่าจิตวิญญานในภาษาอิตาลี) "Adaptive Network Intelligent Management" ที่ผู้ขับเลือกได้สามแบบคือ Strada, Sport และ Corsa ที่ทำมาเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันไปจนถึงลงสนามแข่ง ด้วยการปรับค่าของลิ้นคันเร่ง แผ่นปรับเสียงในท่อไอเสีย ระบบเกียร์ LDF ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ระบบควบคุมการทรงตัว ESC และช่วงล่าง...ใครถนัดแบบไหน ชอบใช้ในสถานการณ์ใดก็เลือกกันตามสะดวก

สอดคล้องกับความมั่นใจในระบบเบรกที่เป็นคาร์บอนเซเรมิกทั้ง 4 ล้อ (อุปกรณ์มาตรฐาน) ด้วยจานหน้าขนาด 380 มม. จานหลัง 356 มม. การตอบสนองของเบรกรู้สึกจิกพร้อมเกาะถนนแน่นดี ส่วนระยะเบรกแจ้งไว้ว่าจากความเร็ว 100 กม./ชม. ลดลงมาจอดสนิทใช้ระยะเพียง 31.9 เมตร สั้นกว่ากัลญาร์โด้ที่ทำได้ 33 เมตร

รวบรัดตัดความ...กระทิงดุ ฮูราคัน LP610-4 ราคาเริ่มต้น 25.5 ล้านบาท เงินจำนวนนี้คุณมีทางเลือกเพื่อแลกซื้อรถยนต์สมรรถนะดีๆหลายรุ่นในตลาด ทว่า“ลัมบอร์กินี” ไม่ได้เป็นรถที่ตอบสนองเชิงสมรรถนะหรือความแรงเพียงอย่างเดียว แต่เรื่องของความหลงใหลอันมีเสน่ห์เฉพาะตัว ความโดดเด่นเฉพาะทาง นับเป็นอารมณ์ที่หาได้ยากจากแบรนด์อื่นๆ ซึ่งเหล่านี้เขาตีค่าเป็นราคากันที่เท่าไหร่?



ขับตามกัลญาร์โด้
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring

กำลังโหลดความคิดเห็น