ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เปิดตัวซูเปอร์คาร์ “ฟอร์ด จีที” ใหม่ ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีจากฟอร์ดมากมาย วางเครื่องยนต์ EcoBoost V6 พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จคู่แบบใหม่ 600 แรงม้า การออกแบบตามหลักแอโรไดนามิกส์ และโครงสร้างตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบา
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เปิดตัวรถ "ฟอร์ด จีที" ใหม่ ซูเปอร์คาร์ที่ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีชั้นยอดจากฟอร์ดมากมาย นอกเหนือไปจากฟอร์ด โฟกัส อาร์เอส ฟอร์ด เอฟ 150 แรพเตอร์ เชลบี้ จีที 350 และ เชลบี้ จีที 350 อาร์ แล้วฟอร์ด จีที ใหม่ จะเป็น 1 ในรถ 12 รุ่นที่ฟอร์ดเตรียมพร้อมเปิดตัวภายในปีพ.ศ. 2563 โดยฟอร์ดจะเริ่มผลิตรถฟอร์ด จีที ปลายปีหน้าและวางจำหน่ายในหลายๆ ประเทศทั่วโลก เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 50 ปีของรถแข่งฟอร์ด จีที ที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1, 2 และ 3 ในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ในปี พ.ศ.2509
“พนักงานฟอร์ดทุกคนต่างมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในทุกภาคส่วนของธุรกิจ และเรายังระลึกอยู่เสมอด้วยว่า นวัตกรรมแรกของเราไม่ได้เกิดขึ้นในห้องทดลอง แต่เกิดขึ้นบนสนามแข่ง” มาร์ค ฟิลด์ส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟอร์ดกล่าว พร้อมกับอ้างอิงจากชัยชนะของ เฮนรี ฟอร์ด ในการแข่งรถเมื่อปีพ.ศ. 2444 ซึ่งได้จุดประกายให้ผู้สนับสนุนด้านการเงินตัดสินใจลงทุนกับบริษัท “เรามีความหลงใหลในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อให้รถมีสมรรถนะเป็นเลิศและทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็น”
“ฟอร์ด จีที ถือเป็นรถที่ยอดเยี่ยมที่สุดของผู้ที่หลงใหลรถซูเปอร์คาร์” ราช แนร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการด้านเทคนิคและรองประธานกลุ่มผู้บริหารฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับโลกของฟอร์ด กล่าวและว่า “ฟอร์ด จีที รวบรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีหลากหลายที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ของรถฟอร์ดในอนาคต ฟอร์ด จีที จึงสะท้อนถึงการที่ฟอร์ดยังคงเดินหน้าพัฒนารถที่มีสมรรถนะสูงอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนารถยนต์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ขับขี่ทั่วโลก”
นวัตกรรมคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา
มีนวัตกรรมเพียงไม่กี่อย่างที่สามารถเพิ่มสรรถนะ และช่วยให้รถประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยมไปกว่าการลดน้ำหนักโดยรวมลง ดังนั้นฟอร์ดจึงได้นำวัสดุที่ล้ำสมัยและมีน้ำหนักเบามาใช้ เพื่อปรับปรุงอัตราเร่ง การควบคุมรถ การเบรก ระบบความปลอดภัย และการประยัดน้ำมัน
ฟอร์ด จีที ใหม่ ประกอบไปด้วยวัสดุมวลเบาอันล้ำสมัย ซึ่งจะถูกนำไปใช้กับรถฟอร์ดรุ่นใหม่ๆ ในอนาคตด้วย การใช้วัสดุที่มีส่วนผสมของคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้ฟอร์ด จีที ใหม่ มีสัดส่วนของกำลังเครื่องยนต์และน้ำหนักตัวรถที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับรถอื่นๆ บนท้องถนน
ฟอร์ด จีที ประกอบด้วยซัฟเฟรมแบบอะลูมินั่มทั้งด้านหน้าและด้านหลังห่อหุ้มด้วยโครงสร้างที่ทำจากคาร์บอน ไฟเบอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในวัสดุที่คงทนที่สุดในโลก ทำให้โครงสร้างรถยนต์มีความแข็งแกร่ง แต่มีน้ำหนักเบา ซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะและประหยัดน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยม
เครื่องยนต์ EcoBoost ทรงพลัง 600 แรงม้า
ตั้งแต่ต้นปีนี้ เทคโนโลยีเครื่องยนต์ EcoBoost จะได้รับการติดตั้งในรถฟอร์ดรุ่นใหม่ๆ ทุกรุ่น ทั้งรถยนต์นั่ง รถอเนกประสงค์ และรถกระบะที่วางจำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือ
เครื่องยนต์ EcoBoost ยังเป็นขุมพลังชั้นเยี่ยมให้กับรถสปอร์ตของฟอร์ดอีกหลายรุ่นรวมถึง ฟอร์ด มัสแตง ใหม่ ฟอร์ด เฟียสต้า เอสที ฟอร์ด โฟกัส เอสที และ ฟอร์ด เอฟ 150 แรพเตอร์ ที่เพิ่งเปิดตัวไป
ด้วยพื้นฐานการพัฒนาจากเครื่องยนต์ที่ติดตั้งในรถต้นแบบเดย์โทนาที่ใช้ในสนามแข่งรถนานาชาติของสถาบัน IMSA (International Motor Sports Association) เครื่องยนต์ Ecoboost V6 ขนาด 3.5 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จคู่แบบใหม่ในฟอร์ด จีที จึงมอบกำลังที่ยอดเยี่ยมและแรงบิดที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้เครื่องยนต์ที่ติดตั้งในฟอร์ด จีที ใหม่ ยังมอบการประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่งที่ได้มาจากการนำเอาเทคโนโลยีเครื่องยนต์สำหรับรถแข่งมาใช้ เพราะพละกำลังที่เหนือชั้นและความประหยัดน้ำมัน คือหัวใจสำคัญของเครื่องยนต์ประเภทนี้
รถยนต์ฟอร์ดที่ติดตั้งเครื่องยนต์ Ecoboost V6 พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จคู่ เคยคว้าชัยชนะถึง 3 ครั้งในการแข่งฤดูกาลแรกของ IMSA TUDOR United Sports Car Championship 2014 รวมถึงชัยชนะจากการแข่งขัน 12 Hours of Sebring และยังได้รับรางวัลอื่นๆ อีก 7 รางวัล รวมระยะทางในการแข่งขันกว่า 15,000 ไมล์
ฟอร์ด จีที ใหม่ ได้รับการติดตั้งระบบหัวฉีดคู่อิสระแบบใหม่ เพื่อปรับปรุงการตอบสนองของเครื่องยนต์รวมถึงรางวาลว์ระบบ roller-finger-follower แบบแรงเสียดทานต่ำ เครื่องยนต์ Ecoboost V6 พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จคู่แบบใหม่ จะถูกติดตั้งคู่กับระบบเกียร์คลัทช์คู่แบบ 7 สปีดที่ให้การเปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็วและการควบคุมรถอย่างเหนือชั้น
ระบบแอโรไดนามิกส์ที่ตอบสนองมากขึ้น
การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่เป็นหัวใจของการออกแบบรถฟอร์ด จีที ซึ่งช่วยลดแรงเสียดทานพร้อมกับเพิ่มแรงกดและเสถียรภาพในการขับขี่
จากรูปทรงของรถที่เป็นรูปหยดน้ำจนถึงตัวถังที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของเครื่องบินและกระจกหน้าที่ทำมุมโค้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น ทุกส่วนโค้งและองศาได้รับการออกแบบให้ลดแรงเสียดทานและใช้ประโยชน์จากแรงกดให้ได้มากที่สุด
นอกจากทุกพิ้นผิวสัมผัสของฟอร์ด จีที จะได้รับการออกแบบเพื่อจัดการการไหลเวียนของอากาศอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว องค์ประกอบอื่นๆ ที่ช่วยยกระดับการการเบรก การควบคุม และเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ ยังล้วนได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เช่นกัน
นอกจากนี้ ความเร็วของรถขณะวิ่งและลักษณะการขับขี่ยังมีผลต่อสปอยเลอร์หลัง ที่ปรับเปลี่ยนความสูง และ/หรือเปลี่ยนองศาได้ตามสภาพการขับขี่
การออกแบบเพื่อตอบสนองต่อการใช้งาน
ฟอร์ด จีที สืบทอดตำนานความคลาสสิคของรถแข่ง และรถสปอร์ตของฟอร์ด พร้อมรูปโฉมที่ทันสมัย สวยงาม และตอบสนองต่อการใช้งานอีกด้วย
โครงสร้างช่วงล่างถูกออกแบบอย่างเหนือชั้น รองรับโดยทอร์ชั่นบาร์และระบบกันสะทือนเหล็กส่งลิ้นเครื่องยนต์ ล้อขนาด 20 นิ้วพร้อมยางมิชลิน Pilot Super Sport Cup 2 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อฟอร์ด จีที โดยเฉพาะล้อแม็ก ลายแบบหลายก้าน พร้อมดิสก์เบรกที่ทำจากคาร์บอนเซรามิกทั้ง 4 ล้อ
หลังคาได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่ข้างหน้าแคบลง และติดตั้งเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมรถ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ห้องโดยสารแบบ 2 ที่นั่ง สำหรับผู้ขับและผู้โดยสารเสริมความทันสมัยด้วยประตูปีกนก โดยห้องโดยสารใช้วัสดุที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ อีกทั้งยังมาพร้อมนวัตกรรมที่เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่อย่างระบบ ‘ซิงค์ 3’ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อการสื่อสารภายในรถที่ทันสมัยที่สุดของฟอร์ด
การจัดวางที่นั่งช่วยลดกรใช้วัสดุภายในห้องโดยสารและน้ำหนัก รวมถึงมอบความต่อเนื่องและการเชื่อมต่อทางกายภาพกับโครงสร้างรถอย่างแนบเนียน การติดตั้งที่นั่งแบบล็อกตำแหน่งสอดคล้องกับการใช้คันเร่งและเบรกที่ปรับได้ รวมถึงแกนพวงมาลัยที่สามารถตอบสนองต่ออิริยาบถอันหลากหลายของผู้ขับได้อย่างลงตัว
พวงมาลัยรูปแบบเอฟ-วัน ติดตั้งเทคโนโลยีทันสมัยที่จำเป็นในการควบคุมรถ ทำให้สามารถควบคุมระบบเกียร์บนพวงมาลัยได้ง่าย แผงระบบควบคุมแบบดิจิตัลมอบข้อมูลที่สำคัญสำหรับผู้ขับขี่ แผงหน้าปัดได้รับการติดตั้งให้ปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพแวดล้อม และลักษณะการขับขี่หลากหลายรูปแบบ
“เราหวังว่าฟอร์ด จีที ใหม่ จะทำให้คนที่รักรถยนต์รู้สึกตื่นเต้น และในขณะเดียวกัน ลูกค้าฟอร์ดทั่วโลกก็จะได้ประโยชน์จากการพัฒนาสมรรถนะในการขับขี่และนวัตกรรมล้ำสมัยจากรถรุ่นใหม่นี้เช่นกัน” แนร์กล่าว
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เปิดตัวรถ "ฟอร์ด จีที" ใหม่ ซูเปอร์คาร์ที่ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีชั้นยอดจากฟอร์ดมากมาย นอกเหนือไปจากฟอร์ด โฟกัส อาร์เอส ฟอร์ด เอฟ 150 แรพเตอร์ เชลบี้ จีที 350 และ เชลบี้ จีที 350 อาร์ แล้วฟอร์ด จีที ใหม่ จะเป็น 1 ในรถ 12 รุ่นที่ฟอร์ดเตรียมพร้อมเปิดตัวภายในปีพ.ศ. 2563 โดยฟอร์ดจะเริ่มผลิตรถฟอร์ด จีที ปลายปีหน้าและวางจำหน่ายในหลายๆ ประเทศทั่วโลก เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 50 ปีของรถแข่งฟอร์ด จีที ที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1, 2 และ 3 ในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ในปี พ.ศ.2509
“พนักงานฟอร์ดทุกคนต่างมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในทุกภาคส่วนของธุรกิจ และเรายังระลึกอยู่เสมอด้วยว่า นวัตกรรมแรกของเราไม่ได้เกิดขึ้นในห้องทดลอง แต่เกิดขึ้นบนสนามแข่ง” มาร์ค ฟิลด์ส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟอร์ดกล่าว พร้อมกับอ้างอิงจากชัยชนะของ เฮนรี ฟอร์ด ในการแข่งรถเมื่อปีพ.ศ. 2444 ซึ่งได้จุดประกายให้ผู้สนับสนุนด้านการเงินตัดสินใจลงทุนกับบริษัท “เรามีความหลงใหลในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อให้รถมีสมรรถนะเป็นเลิศและทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็น”
“ฟอร์ด จีที ถือเป็นรถที่ยอดเยี่ยมที่สุดของผู้ที่หลงใหลรถซูเปอร์คาร์” ราช แนร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการด้านเทคนิคและรองประธานกลุ่มผู้บริหารฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับโลกของฟอร์ด กล่าวและว่า “ฟอร์ด จีที รวบรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีหลากหลายที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ของรถฟอร์ดในอนาคต ฟอร์ด จีที จึงสะท้อนถึงการที่ฟอร์ดยังคงเดินหน้าพัฒนารถที่มีสมรรถนะสูงอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนารถยนต์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ขับขี่ทั่วโลก”
นวัตกรรมคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา
มีนวัตกรรมเพียงไม่กี่อย่างที่สามารถเพิ่มสรรถนะ และช่วยให้รถประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยมไปกว่าการลดน้ำหนักโดยรวมลง ดังนั้นฟอร์ดจึงได้นำวัสดุที่ล้ำสมัยและมีน้ำหนักเบามาใช้ เพื่อปรับปรุงอัตราเร่ง การควบคุมรถ การเบรก ระบบความปลอดภัย และการประยัดน้ำมัน
ฟอร์ด จีที ใหม่ ประกอบไปด้วยวัสดุมวลเบาอันล้ำสมัย ซึ่งจะถูกนำไปใช้กับรถฟอร์ดรุ่นใหม่ๆ ในอนาคตด้วย การใช้วัสดุที่มีส่วนผสมของคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้ฟอร์ด จีที ใหม่ มีสัดส่วนของกำลังเครื่องยนต์และน้ำหนักตัวรถที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับรถอื่นๆ บนท้องถนน
ฟอร์ด จีที ประกอบด้วยซัฟเฟรมแบบอะลูมินั่มทั้งด้านหน้าและด้านหลังห่อหุ้มด้วยโครงสร้างที่ทำจากคาร์บอน ไฟเบอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในวัสดุที่คงทนที่สุดในโลก ทำให้โครงสร้างรถยนต์มีความแข็งแกร่ง แต่มีน้ำหนักเบา ซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะและประหยัดน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยม
เครื่องยนต์ EcoBoost ทรงพลัง 600 แรงม้า
ตั้งแต่ต้นปีนี้ เทคโนโลยีเครื่องยนต์ EcoBoost จะได้รับการติดตั้งในรถฟอร์ดรุ่นใหม่ๆ ทุกรุ่น ทั้งรถยนต์นั่ง รถอเนกประสงค์ และรถกระบะที่วางจำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือ
เครื่องยนต์ EcoBoost ยังเป็นขุมพลังชั้นเยี่ยมให้กับรถสปอร์ตของฟอร์ดอีกหลายรุ่นรวมถึง ฟอร์ด มัสแตง ใหม่ ฟอร์ด เฟียสต้า เอสที ฟอร์ด โฟกัส เอสที และ ฟอร์ด เอฟ 150 แรพเตอร์ ที่เพิ่งเปิดตัวไป
ด้วยพื้นฐานการพัฒนาจากเครื่องยนต์ที่ติดตั้งในรถต้นแบบเดย์โทนาที่ใช้ในสนามแข่งรถนานาชาติของสถาบัน IMSA (International Motor Sports Association) เครื่องยนต์ Ecoboost V6 ขนาด 3.5 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จคู่แบบใหม่ในฟอร์ด จีที จึงมอบกำลังที่ยอดเยี่ยมและแรงบิดที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้เครื่องยนต์ที่ติดตั้งในฟอร์ด จีที ใหม่ ยังมอบการประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่งที่ได้มาจากการนำเอาเทคโนโลยีเครื่องยนต์สำหรับรถแข่งมาใช้ เพราะพละกำลังที่เหนือชั้นและความประหยัดน้ำมัน คือหัวใจสำคัญของเครื่องยนต์ประเภทนี้
รถยนต์ฟอร์ดที่ติดตั้งเครื่องยนต์ Ecoboost V6 พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จคู่ เคยคว้าชัยชนะถึง 3 ครั้งในการแข่งฤดูกาลแรกของ IMSA TUDOR United Sports Car Championship 2014 รวมถึงชัยชนะจากการแข่งขัน 12 Hours of Sebring และยังได้รับรางวัลอื่นๆ อีก 7 รางวัล รวมระยะทางในการแข่งขันกว่า 15,000 ไมล์
ฟอร์ด จีที ใหม่ ได้รับการติดตั้งระบบหัวฉีดคู่อิสระแบบใหม่ เพื่อปรับปรุงการตอบสนองของเครื่องยนต์รวมถึงรางวาลว์ระบบ roller-finger-follower แบบแรงเสียดทานต่ำ เครื่องยนต์ Ecoboost V6 พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จคู่แบบใหม่ จะถูกติดตั้งคู่กับระบบเกียร์คลัทช์คู่แบบ 7 สปีดที่ให้การเปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็วและการควบคุมรถอย่างเหนือชั้น
ระบบแอโรไดนามิกส์ที่ตอบสนองมากขึ้น
การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่เป็นหัวใจของการออกแบบรถฟอร์ด จีที ซึ่งช่วยลดแรงเสียดทานพร้อมกับเพิ่มแรงกดและเสถียรภาพในการขับขี่
จากรูปทรงของรถที่เป็นรูปหยดน้ำจนถึงตัวถังที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของเครื่องบินและกระจกหน้าที่ทำมุมโค้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น ทุกส่วนโค้งและองศาได้รับการออกแบบให้ลดแรงเสียดทานและใช้ประโยชน์จากแรงกดให้ได้มากที่สุด
นอกจากทุกพิ้นผิวสัมผัสของฟอร์ด จีที จะได้รับการออกแบบเพื่อจัดการการไหลเวียนของอากาศอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว องค์ประกอบอื่นๆ ที่ช่วยยกระดับการการเบรก การควบคุม และเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ ยังล้วนได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เช่นกัน
นอกจากนี้ ความเร็วของรถขณะวิ่งและลักษณะการขับขี่ยังมีผลต่อสปอยเลอร์หลัง ที่ปรับเปลี่ยนความสูง และ/หรือเปลี่ยนองศาได้ตามสภาพการขับขี่
การออกแบบเพื่อตอบสนองต่อการใช้งาน
ฟอร์ด จีที สืบทอดตำนานความคลาสสิคของรถแข่ง และรถสปอร์ตของฟอร์ด พร้อมรูปโฉมที่ทันสมัย สวยงาม และตอบสนองต่อการใช้งานอีกด้วย
โครงสร้างช่วงล่างถูกออกแบบอย่างเหนือชั้น รองรับโดยทอร์ชั่นบาร์และระบบกันสะทือนเหล็กส่งลิ้นเครื่องยนต์ ล้อขนาด 20 นิ้วพร้อมยางมิชลิน Pilot Super Sport Cup 2 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อฟอร์ด จีที โดยเฉพาะล้อแม็ก ลายแบบหลายก้าน พร้อมดิสก์เบรกที่ทำจากคาร์บอนเซรามิกทั้ง 4 ล้อ
หลังคาได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่ข้างหน้าแคบลง และติดตั้งเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมรถ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ห้องโดยสารแบบ 2 ที่นั่ง สำหรับผู้ขับและผู้โดยสารเสริมความทันสมัยด้วยประตูปีกนก โดยห้องโดยสารใช้วัสดุที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ อีกทั้งยังมาพร้อมนวัตกรรมที่เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่อย่างระบบ ‘ซิงค์ 3’ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อการสื่อสารภายในรถที่ทันสมัยที่สุดของฟอร์ด
การจัดวางที่นั่งช่วยลดกรใช้วัสดุภายในห้องโดยสารและน้ำหนัก รวมถึงมอบความต่อเนื่องและการเชื่อมต่อทางกายภาพกับโครงสร้างรถอย่างแนบเนียน การติดตั้งที่นั่งแบบล็อกตำแหน่งสอดคล้องกับการใช้คันเร่งและเบรกที่ปรับได้ รวมถึงแกนพวงมาลัยที่สามารถตอบสนองต่ออิริยาบถอันหลากหลายของผู้ขับได้อย่างลงตัว
พวงมาลัยรูปแบบเอฟ-วัน ติดตั้งเทคโนโลยีทันสมัยที่จำเป็นในการควบคุมรถ ทำให้สามารถควบคุมระบบเกียร์บนพวงมาลัยได้ง่าย แผงระบบควบคุมแบบดิจิตัลมอบข้อมูลที่สำคัญสำหรับผู้ขับขี่ แผงหน้าปัดได้รับการติดตั้งให้ปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพแวดล้อม และลักษณะการขับขี่หลากหลายรูปแบบ
“เราหวังว่าฟอร์ด จีที ใหม่ จะทำให้คนที่รักรถยนต์รู้สึกตื่นเต้น และในขณะเดียวกัน ลูกค้าฟอร์ดทั่วโลกก็จะได้ประโยชน์จากการพัฒนาสมรรถนะในการขับขี่และนวัตกรรมล้ำสมัยจากรถรุ่นใหม่นี้เช่นกัน” แนร์กล่าว