ต้องยอมรับครับว่าเรื่องเก็บรายละเอียด เน้นประวัติศาสตร์พร้อมเอามาเล่นเป็นจุดประเด็นขาย ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก ด้วยช่วงเวลาต่างๆของการทำธุกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโรงงาน การผลิตรถ การคิดค้นพัฒนา การขาย หรือการสร้างความสำเร็จในวงการมอเตอร์สปอร์ต ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณที่จะช่วยหล่อหลอมภาพลักษณ์ และความจงรักภักดีต่อแบรนด์ ที่สามารถสอดแทรกเข้าไปในจิตใจของผู้คนทั่วโลกแบบรุ่นต่อรุ่นได้อย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 พ.ย.) ผู้เขียนมีโอกาสไปร่วมงาน Nismo Festival 2014 ที่ประเทศญี่ปุ่นครับ ซึ่งงานนี้จัดเป็นประจำต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1998 -2014 ซึ่งเว้นจัดไปปีเดียวคือ 2012 เพราะเป็นปีที่ออฟฟิสใหม่ของนิสโมเตรียมเปิดอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม งานปีนี้ก็ดูยิ่งใหญ่อลังการกว่าทุกๆครั้งเพราะถือเป็นการฉลองครบรอบ 30 ปีของนิสโม ควบคู่ไปกับการฉลองการคว้าแชมป์รายการ “ซูเปอร์ จีที” ที่เพิ่งจบฤดูกาลไปสดๆร้อนๆ
สำหรับนิสโม (Nismo) ถือเป็นส่วนหนึ่งในองค์กรของนิสสัน ที่เริ่มจากดูแลเรื่องมอเตอร์สปอร์ตทำรถเพื่อส่งเข้าแข่งขันรายการต่างๆ ทั้งทางเรียบ ทางฝุ่น ขณะเดียวกันยังทำชุดแต่งอย่างเป็นทางการ (คล้ายๆ “ทีอาร์ดี” ของโตโยต้า และ “โมดูโล” ของฮอนด้า) ในระยะหลังยิ่งมีบทบาทมากขึ้น ด้วยการนำรถที่อยู่ในสายการผลิตมาเพิ่มสมรรถนะ และการตกแต่งให้โดดเด่น พร้อมวางขายอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ปัจจุบันคอมพลีตคาร์พร้อมขายของนิสโม มีตั้งแต่ตัวเล็กไปจนถึงตัวใหญ่ มาร์ช โน้ต จู๊ค 370Z จีที-อาร์ (ส่วนลีฟ นิสโม ทำออกแข่งและโชว์ภาพลักษณ์เรื่องเทคโนโลยี EV) ซึ่งน่าเสียดายนิดๆที่เมืองไทยยังไม่มีแผนการทำตลาดรถเท่ๆ สมรรถนะแจ่มๆพวกนี้
ผู้เขียนเห็นภาพของคนญี่ปุ่นขับรถ เพื่อไปต่อคิวซื้อตั๋วเข้าชมงาน Nismo Festival ที่ “ฟูจิ สปีดเวย์” ตั้งแต่เช้าตรู่กับสภาพอากาศขมุกขมัว อุณหภูมิไม่ถึง 10 องศา ลมแรง เมฆหนา หนาวจับจิต แต่ทั้ง วัยรุ่นหนุ่ม-สาว ชาย-หญิงวัยกลางคน บ้างมาเป็นครอบครัวกับเด็กน้อย ต่างยินดีและมีความสุขที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของงานนี้
บริเวณนอกสนามจะเต็มไปด้วยการออกร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ ทั้ง ล้อแมกซ์,ยาง,น้ำมันเครื่อง,อุปกรณ์ตกแต่งจากสำนักดังมากันเพียบแบบ ลด แลก แจก แถม ไม่หมด ไม่ขนกลับ ตลอดจนรถโมเดลหลายรุ่นหลากขนาด โบร์ชัวร์ของรถยนต์รุ่นเก่าๆก็เอามาขายเป็นที่ยินดีของนักสะสม
ส่วนกิจกรรมที่โชว์บนแทรกจะเตรียมไว้เป็นชุดๆแบบน่าตื่นตาตื่นใจ เริ่มจากขบวนพาเหรดรถนิสโมประมาณ 100 คัน ถัดมาอีกช่วงเป็นรถคลาสสิกรุ่นเก่าๆนำโดย “ปริ้นสกายไลน์ จีที-อาร์” และ“นิสสัน ซันนี B110” รวมอื่นๆอีก 34 คัน จากนั้นเป็นคิวของรถที่ใช้แข่งในรายการเลอมังต์ 24 ชั่วโมง และปิดท้ายด้วยบรรดารถแข่งในปัจจุบันอย่าง จีที-อาร์ R35 ที่ประสบความสำเร็จในรายการซูเปอร์จีที
โดยรถรุ่นต่างๆหลังจากขับโชว์ในแทรกแล้ว จะออกมาจอดเรียงรายอยู่ภายนอกสนามพร้อมนักแข่งตัวจริง รอให้แฟนๆได้เข้าไปสัมผัสอย่างใกล้ชิด หรือระหว่างนั้นก็มีกิจกรรมสอดแทรกมากมาย อย่างโชว์ดริฟท์ โชว์ขับผาดโผน และยังมีช่วงให้ผู้ชมเข้าไปนั่งบนรถบัสที่จะวิ่งไปบนสนามแข่งแบบ Circuit Safari ปะปนไปกับพวก R31 R32 R33 R34 R35 และพวกแฟร์เลดี้Z เรียกว่าดมกลิ่นยาง ฟังเสียงท่อกันแบบเต็มๆ หรืออยากจะลงไปนั่งในรถแข่งจริงๆก็มีนักแข่งมืออาชีพขับให้กับช่วง Circuit Taxi
สุดท้ายปิดฉากในช่วงเย็นด้วยพิธีการมอบรางวัล ทั้งผู้บริหาร นักแข่งในอดีต-ปัจจุบัน พร้อมการขอบคุณแฟนๆของนิสโมและนิสสันที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด…จากสภาพอากาศหนาวๆ กลับกลายเป็นปลื้มปริ่มและอบอุ่นขึ้นมาทันที
หนึ่งวันเต็มๆและจัดเพียงวันเดียวของทุกปีสำหรับ Nismo Festival ยิ่งใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของนิสสัน ถ้ามีโอกาสอย่าได้พลาดงานนี้!!!
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 พ.ย.) ผู้เขียนมีโอกาสไปร่วมงาน Nismo Festival 2014 ที่ประเทศญี่ปุ่นครับ ซึ่งงานนี้จัดเป็นประจำต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1998 -2014 ซึ่งเว้นจัดไปปีเดียวคือ 2012 เพราะเป็นปีที่ออฟฟิสใหม่ของนิสโมเตรียมเปิดอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม งานปีนี้ก็ดูยิ่งใหญ่อลังการกว่าทุกๆครั้งเพราะถือเป็นการฉลองครบรอบ 30 ปีของนิสโม ควบคู่ไปกับการฉลองการคว้าแชมป์รายการ “ซูเปอร์ จีที” ที่เพิ่งจบฤดูกาลไปสดๆร้อนๆ
สำหรับนิสโม (Nismo) ถือเป็นส่วนหนึ่งในองค์กรของนิสสัน ที่เริ่มจากดูแลเรื่องมอเตอร์สปอร์ตทำรถเพื่อส่งเข้าแข่งขันรายการต่างๆ ทั้งทางเรียบ ทางฝุ่น ขณะเดียวกันยังทำชุดแต่งอย่างเป็นทางการ (คล้ายๆ “ทีอาร์ดี” ของโตโยต้า และ “โมดูโล” ของฮอนด้า) ในระยะหลังยิ่งมีบทบาทมากขึ้น ด้วยการนำรถที่อยู่ในสายการผลิตมาเพิ่มสมรรถนะ และการตกแต่งให้โดดเด่น พร้อมวางขายอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ปัจจุบันคอมพลีตคาร์พร้อมขายของนิสโม มีตั้งแต่ตัวเล็กไปจนถึงตัวใหญ่ มาร์ช โน้ต จู๊ค 370Z จีที-อาร์ (ส่วนลีฟ นิสโม ทำออกแข่งและโชว์ภาพลักษณ์เรื่องเทคโนโลยี EV) ซึ่งน่าเสียดายนิดๆที่เมืองไทยยังไม่มีแผนการทำตลาดรถเท่ๆ สมรรถนะแจ่มๆพวกนี้
ผู้เขียนเห็นภาพของคนญี่ปุ่นขับรถ เพื่อไปต่อคิวซื้อตั๋วเข้าชมงาน Nismo Festival ที่ “ฟูจิ สปีดเวย์” ตั้งแต่เช้าตรู่กับสภาพอากาศขมุกขมัว อุณหภูมิไม่ถึง 10 องศา ลมแรง เมฆหนา หนาวจับจิต แต่ทั้ง วัยรุ่นหนุ่ม-สาว ชาย-หญิงวัยกลางคน บ้างมาเป็นครอบครัวกับเด็กน้อย ต่างยินดีและมีความสุขที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของงานนี้
บริเวณนอกสนามจะเต็มไปด้วยการออกร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ ทั้ง ล้อแมกซ์,ยาง,น้ำมันเครื่อง,อุปกรณ์ตกแต่งจากสำนักดังมากันเพียบแบบ ลด แลก แจก แถม ไม่หมด ไม่ขนกลับ ตลอดจนรถโมเดลหลายรุ่นหลากขนาด โบร์ชัวร์ของรถยนต์รุ่นเก่าๆก็เอามาขายเป็นที่ยินดีของนักสะสม
ส่วนกิจกรรมที่โชว์บนแทรกจะเตรียมไว้เป็นชุดๆแบบน่าตื่นตาตื่นใจ เริ่มจากขบวนพาเหรดรถนิสโมประมาณ 100 คัน ถัดมาอีกช่วงเป็นรถคลาสสิกรุ่นเก่าๆนำโดย “ปริ้นสกายไลน์ จีที-อาร์” และ“นิสสัน ซันนี B110” รวมอื่นๆอีก 34 คัน จากนั้นเป็นคิวของรถที่ใช้แข่งในรายการเลอมังต์ 24 ชั่วโมง และปิดท้ายด้วยบรรดารถแข่งในปัจจุบันอย่าง จีที-อาร์ R35 ที่ประสบความสำเร็จในรายการซูเปอร์จีที
โดยรถรุ่นต่างๆหลังจากขับโชว์ในแทรกแล้ว จะออกมาจอดเรียงรายอยู่ภายนอกสนามพร้อมนักแข่งตัวจริง รอให้แฟนๆได้เข้าไปสัมผัสอย่างใกล้ชิด หรือระหว่างนั้นก็มีกิจกรรมสอดแทรกมากมาย อย่างโชว์ดริฟท์ โชว์ขับผาดโผน และยังมีช่วงให้ผู้ชมเข้าไปนั่งบนรถบัสที่จะวิ่งไปบนสนามแข่งแบบ Circuit Safari ปะปนไปกับพวก R31 R32 R33 R34 R35 และพวกแฟร์เลดี้Z เรียกว่าดมกลิ่นยาง ฟังเสียงท่อกันแบบเต็มๆ หรืออยากจะลงไปนั่งในรถแข่งจริงๆก็มีนักแข่งมืออาชีพขับให้กับช่วง Circuit Taxi
สุดท้ายปิดฉากในช่วงเย็นด้วยพิธีการมอบรางวัล ทั้งผู้บริหาร นักแข่งในอดีต-ปัจจุบัน พร้อมการขอบคุณแฟนๆของนิสโมและนิสสันที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด…จากสภาพอากาศหนาวๆ กลับกลายเป็นปลื้มปริ่มและอบอุ่นขึ้นมาทันที
หนึ่งวันเต็มๆและจัดเพียงวันเดียวของทุกปีสำหรับ Nismo Festival ยิ่งใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของนิสสัน ถ้ามีโอกาสอย่าได้พลาดงานนี้!!!
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring
