***อ่านสัมภาษณ์ ก้าวสู่ปีที่ 14 เจ้าพ่อรถหรู***
กลิ่นไอเสียยังไม่ทันจาง ร่องรอยยางยังประทับแน่น หลังการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการ“ซูเปอร์ จีที” เพียงไม่กี่วัน บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็สั่งปิดสนามช้าง อินเตอร์เนชันเนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมขนบรรดาผู้สื่อข่าวไทยให้ไปทดลองขับ “ซี-คลาส” โฉมใหม่ W205 ทันที
…เดี๋ยวนี้ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ทำอะไรว่องไว ตัดสินใจรวดเร็วครับ เห็นได้จากการนำเข้าโปรดักต์ใหม่ๆ แนวคิดการทำตลาด และกิจกรรมในหลายรูปแบบ พร้อมความกระฉับกระเฉงที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
อย่างกิจกรรมที่ปิดสนามเพื่อการทดสอบรถในครั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์น่าจะเป็นค่ายรถยนต์แรกที่ได้เจิมสนามแข่งรถมาตรฐานระดับโลกที่จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนใคร
มาว่ากันที่ “ซี-คลาสใหม่” หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน บางกอกมอเตอร์โชว์ 2014 โดยแบ่งเป็นสองรุ่นย่อยคือ C 250 AMG Dynamic ราคา 3.19 ล้านบาท และ C 180 Exclusive ราคา 2.79 ล้านบาท ในรูปแบบนำเข้าทั้งคัน (CBU) ส่วนรุ่นประกอบในประเทศ (CKD) คาดว่าจะมาภายในไตรมาสสองปีหน้า
…ยังไม่ค่อยเห็นวิ่งบนท้องถนนเยอะเท่าไหร่ แต่ผู้บริหารเมอร์เซเดส-เบนซ์ บอกว่า สามารถส่งมอบ“ซี-คลาส ใหม่” ให้ลูกค้าไปกว่า 800 คันแล้ว
ตัวรถน่าสนใจกับมิติตัวถังที่ใหญ่ขึ้นจาก W204 ไล่ตั้งแต่ความยาวเพิ่มขึ้น 95 มม. เป็น 4,686 มม. กว้างขึ้น 40 มม. เป็น 1,810 มม. ส่วนฐานล้อ 2,840 มม. ยาวกว่าเดิม 80 มม. ขณะที่น้ำหนักตัวยังเบาลงร่วมๆ 100 กิโลกรัมเลยทีเดียว
ส่วนเครื่องยนต์จะเรียกว่าเป็นบล็อกเดียวกับพวก เอ-คลาส และ ซีแอลเอ เพียงแต่ปรับให้วางตามยาวขับเคลื่อนล้อหลัง โดยรุ่น C250 เบนซินแถวเรียง 4 สูบ ขนาด 1,991 ซีซี เทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200-4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด
ส่วน C180 เป็นเบนซินแถวเรียง 4 สูบ ขนาด 1,595 ซีซี เทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 5,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,200-4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดเช่นกัน
ขณะที่เกียร์เป็นเกียร์มืออยู่ด้านขวาใช้ในการโยกเข้า ตำแหน่ง D R N ส่วน P กดที่หัว ซึ่งผู้ขับสามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เองผ่านแป้นแพดเดิ้ลชิฟหลังพวงมาลัย ก็ทำความคุ้นเคยกันสักพัก พอใช้ไปสักระยะก็ไม่เป็นปัญหา
การทดสอบในสนาม ช้าง อินเตอร์เนชันเนล เซอร์กิต ผู้เขียนก็ขับสลับไปมาระหว่างสองรุ่น(ตามที่ผู้ฝึกสอนกำหนด) พร้อมสถานีทดสอบหลายรูปแบบ ทั้ง สลาลอม เลนเชนจ์ การวิ่งเข้าโค้งแบบเรซซิ่งไลน์ การขับจับเวลาแข่งขันแบบจิมคานา พร้อมลองขับสุดมันบนระยะทางเต็มของสนาม
สำหรับสนามแห่งนี้มีระยะทางต่อ 1 รอบ 4.554 กิโลเมตร แทรกกว้าง 13 เมตร มีทั้งหมด 12 โค้ง เป็นโค้งขวา 7 โค้ง และ ซ้าย 5 โค้ง ผ่านมาตรฐาน FIA Grade 1 / FIM Grade A ก็จัดแข่งF1 และ Moto GP ได้สบายครับ
ขับไปๆดูปลอดภัยดี ด้วยเทรคที่มีความกว้าง ขณะที่โค้งสั้นโค้งยาวมี Run-off area รองรับแบบเหลือ(เผื่อหลุด) ยางที่เอามาวางก็เป็นยางใหม่ทุกเส้น หินที่เอามาโรยก็เป็นหินแม่น้ำ ทรงมนๆไม่ต้องกลัวบาด
มั่นใจกับมาตรฐานสนาม พร้อมสุดยอดรถหรูอย่างC 250 ที่ขับสนุกและลงตัวในทุกๆด้าน เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบ อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.6 วินาที การตอบสนองรวดเร็ว แอบมีกระชากนิดๆ อารมณ์ในการเข้าโค้งเนียนสุดๆ ช่วงล่างมาแบบนุ่มหนึบ เกาะจิกละเลียดโค้งได้แม่นยำ
แถมยังปรับโหมดการขับขี่ได้ทั้งแบบ อีโค คอมฟอร์ด สปอร์ต และสปอร์ต พลัส ไล่เรียงตามความเร้าใจจากการปรับช่วงล่าง สัมผัสของการควบคุม การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์ อย่างไรก็ตามผู้เขียนขอยกตัวอย่างในโหมด “สปอร์ต พลัส” ที่รูปแบบการทำงานของเมอร์เซเดส-เบนซ์นั้นต่างจากบีเอ็มดับเบิลยู อย่างน่าสนใจ
โดยโหมดนี้ถ้าขับบีเอ็มดับเบิลยู รถจะถอดระบบควบคุมการทรงตัวออกไป เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ขับได้ใช้ความสามารถได้เต็มที่ แต่ “สปอร์ต พลัส” ของค่ายดาวสามแฉกมีแนวคิดต่างออกไปครับ กล่าวคือการตอบสนองเร็วขึ้นจริง การควบคุมและช่วงล่างสปอร์ตขึ้น แต่ระบบควบคุมการทรงตัวจะประเมินการขับขี่และขยันทำงานมากตามไปด้วย(ไม่ได้ตัดการทำงานเหมือนบีเอ็มดับเบิลยู) โดยมีเป้าหมายให้ขับสนุกและรักษาอาการของรถให้ผ่านทุกสภาพการขับขี่ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยสูงสุด (อาจจะช่วยเข้าโค้งได้ดีขึ้น เร็วขึ้น กว่าการควบคุมโดยตรงของมนุษย์)
...เป็นเรื่องของแนวคิดที่ไม่มีใครผิดใครถูกครับ ลูกค้าชอบแบบไหนก็ไปแบบนั้น ค่ายรถยนต์เขาจัดให้ได้หมด ทว่าใครได้ลองโหมด“สปอร์ต พลัส”ของ C250 แล้วน่าจะติดใจกันหมด
ส่วน C180 แม้ขุมพลังจะเล็กกว่า หรือเทียบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ช้ากว่ากันด้วยเวลา 8.5 วินาที แต่ขับจริงไม่ได้ขี้เหร่ เรี่ยวแรงมาทันใช้ทุกย่านความเร็ว ดังนั้นถ้าในสนามยังตอบสนองดีขนาดนี้ ขับจริงบนท้องถนนก็เหลือเฟือละครับ อย่างไรก็ตาม ช่วงล่างและการควบคุมค่อนข้างนุ่มนวล ออกแนวตุ๋มติ๋มกว่า C250 อยู่พอสมควร
ทั้งสองรุ่นใช้ยางรันเฟลต โดย C 250 ด้านหน้าเป็นขนาด 225/45 R18 หลัง 245/40 R18 ส่วน C180 ทั้งสี่ล้อใช้ 225/50 R17 ซึ่งขนาดล้อและยางย่อมมีผลต่อสมรรถนะการขับขี่ด้วยเช่นกัน
รวบรัดตัดความ…จากนี้ไปชื่อของจังหวัดบุรีรัมย์และสนามแข่งรถแห่งใหม่จะถูกค้นหาในกูเกิ้ลบ่อยขึ้นแน่นอน แต่สำหรับ “ซี-คลาส โฉมใหม่”ไม่ต้องไปค้นหาอะไรแล้วครับ ชอบใน“เบนซ์” ชื่นชมรถทรงนี้ ก็ไปจัดที่โชว์รูมได้เลย (เผลอๆมีรถให้ทดลองขับด้วย) ซึ่ง C180 ออกแนวขับแบบชิลๆ สบายๆ แต่ถ้าอยากหวือหวา เติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์แบบต้อง C250 ที่ช่วงล่าง การควบคุมเนียนลงตัวกว่าเยอะ
กลิ่นไอเสียยังไม่ทันจาง ร่องรอยยางยังประทับแน่น หลังการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการ“ซูเปอร์ จีที” เพียงไม่กี่วัน บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็สั่งปิดสนามช้าง อินเตอร์เนชันเนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมขนบรรดาผู้สื่อข่าวไทยให้ไปทดลองขับ “ซี-คลาส” โฉมใหม่ W205 ทันที
…เดี๋ยวนี้ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ทำอะไรว่องไว ตัดสินใจรวดเร็วครับ เห็นได้จากการนำเข้าโปรดักต์ใหม่ๆ แนวคิดการทำตลาด และกิจกรรมในหลายรูปแบบ พร้อมความกระฉับกระเฉงที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
อย่างกิจกรรมที่ปิดสนามเพื่อการทดสอบรถในครั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์น่าจะเป็นค่ายรถยนต์แรกที่ได้เจิมสนามแข่งรถมาตรฐานระดับโลกที่จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนใคร
มาว่ากันที่ “ซี-คลาสใหม่” หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน บางกอกมอเตอร์โชว์ 2014 โดยแบ่งเป็นสองรุ่นย่อยคือ C 250 AMG Dynamic ราคา 3.19 ล้านบาท และ C 180 Exclusive ราคา 2.79 ล้านบาท ในรูปแบบนำเข้าทั้งคัน (CBU) ส่วนรุ่นประกอบในประเทศ (CKD) คาดว่าจะมาภายในไตรมาสสองปีหน้า
…ยังไม่ค่อยเห็นวิ่งบนท้องถนนเยอะเท่าไหร่ แต่ผู้บริหารเมอร์เซเดส-เบนซ์ บอกว่า สามารถส่งมอบ“ซี-คลาส ใหม่” ให้ลูกค้าไปกว่า 800 คันแล้ว
ตัวรถน่าสนใจกับมิติตัวถังที่ใหญ่ขึ้นจาก W204 ไล่ตั้งแต่ความยาวเพิ่มขึ้น 95 มม. เป็น 4,686 มม. กว้างขึ้น 40 มม. เป็น 1,810 มม. ส่วนฐานล้อ 2,840 มม. ยาวกว่าเดิม 80 มม. ขณะที่น้ำหนักตัวยังเบาลงร่วมๆ 100 กิโลกรัมเลยทีเดียว
ส่วนเครื่องยนต์จะเรียกว่าเป็นบล็อกเดียวกับพวก เอ-คลาส และ ซีแอลเอ เพียงแต่ปรับให้วางตามยาวขับเคลื่อนล้อหลัง โดยรุ่น C250 เบนซินแถวเรียง 4 สูบ ขนาด 1,991 ซีซี เทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200-4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด
ส่วน C180 เป็นเบนซินแถวเรียง 4 สูบ ขนาด 1,595 ซีซี เทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 5,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,200-4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดเช่นกัน
ขณะที่เกียร์เป็นเกียร์มืออยู่ด้านขวาใช้ในการโยกเข้า ตำแหน่ง D R N ส่วน P กดที่หัว ซึ่งผู้ขับสามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เองผ่านแป้นแพดเดิ้ลชิฟหลังพวงมาลัย ก็ทำความคุ้นเคยกันสักพัก พอใช้ไปสักระยะก็ไม่เป็นปัญหา
การทดสอบในสนาม ช้าง อินเตอร์เนชันเนล เซอร์กิต ผู้เขียนก็ขับสลับไปมาระหว่างสองรุ่น(ตามที่ผู้ฝึกสอนกำหนด) พร้อมสถานีทดสอบหลายรูปแบบ ทั้ง สลาลอม เลนเชนจ์ การวิ่งเข้าโค้งแบบเรซซิ่งไลน์ การขับจับเวลาแข่งขันแบบจิมคานา พร้อมลองขับสุดมันบนระยะทางเต็มของสนาม
สำหรับสนามแห่งนี้มีระยะทางต่อ 1 รอบ 4.554 กิโลเมตร แทรกกว้าง 13 เมตร มีทั้งหมด 12 โค้ง เป็นโค้งขวา 7 โค้ง และ ซ้าย 5 โค้ง ผ่านมาตรฐาน FIA Grade 1 / FIM Grade A ก็จัดแข่งF1 และ Moto GP ได้สบายครับ
ขับไปๆดูปลอดภัยดี ด้วยเทรคที่มีความกว้าง ขณะที่โค้งสั้นโค้งยาวมี Run-off area รองรับแบบเหลือ(เผื่อหลุด) ยางที่เอามาวางก็เป็นยางใหม่ทุกเส้น หินที่เอามาโรยก็เป็นหินแม่น้ำ ทรงมนๆไม่ต้องกลัวบาด
มั่นใจกับมาตรฐานสนาม พร้อมสุดยอดรถหรูอย่างC 250 ที่ขับสนุกและลงตัวในทุกๆด้าน เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบ อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.6 วินาที การตอบสนองรวดเร็ว แอบมีกระชากนิดๆ อารมณ์ในการเข้าโค้งเนียนสุดๆ ช่วงล่างมาแบบนุ่มหนึบ เกาะจิกละเลียดโค้งได้แม่นยำ
แถมยังปรับโหมดการขับขี่ได้ทั้งแบบ อีโค คอมฟอร์ด สปอร์ต และสปอร์ต พลัส ไล่เรียงตามความเร้าใจจากการปรับช่วงล่าง สัมผัสของการควบคุม การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์ อย่างไรก็ตามผู้เขียนขอยกตัวอย่างในโหมด “สปอร์ต พลัส” ที่รูปแบบการทำงานของเมอร์เซเดส-เบนซ์นั้นต่างจากบีเอ็มดับเบิลยู อย่างน่าสนใจ
โดยโหมดนี้ถ้าขับบีเอ็มดับเบิลยู รถจะถอดระบบควบคุมการทรงตัวออกไป เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ขับได้ใช้ความสามารถได้เต็มที่ แต่ “สปอร์ต พลัส” ของค่ายดาวสามแฉกมีแนวคิดต่างออกไปครับ กล่าวคือการตอบสนองเร็วขึ้นจริง การควบคุมและช่วงล่างสปอร์ตขึ้น แต่ระบบควบคุมการทรงตัวจะประเมินการขับขี่และขยันทำงานมากตามไปด้วย(ไม่ได้ตัดการทำงานเหมือนบีเอ็มดับเบิลยู) โดยมีเป้าหมายให้ขับสนุกและรักษาอาการของรถให้ผ่านทุกสภาพการขับขี่ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยสูงสุด (อาจจะช่วยเข้าโค้งได้ดีขึ้น เร็วขึ้น กว่าการควบคุมโดยตรงของมนุษย์)
...เป็นเรื่องของแนวคิดที่ไม่มีใครผิดใครถูกครับ ลูกค้าชอบแบบไหนก็ไปแบบนั้น ค่ายรถยนต์เขาจัดให้ได้หมด ทว่าใครได้ลองโหมด“สปอร์ต พลัส”ของ C250 แล้วน่าจะติดใจกันหมด
ส่วน C180 แม้ขุมพลังจะเล็กกว่า หรือเทียบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ช้ากว่ากันด้วยเวลา 8.5 วินาที แต่ขับจริงไม่ได้ขี้เหร่ เรี่ยวแรงมาทันใช้ทุกย่านความเร็ว ดังนั้นถ้าในสนามยังตอบสนองดีขนาดนี้ ขับจริงบนท้องถนนก็เหลือเฟือละครับ อย่างไรก็ตาม ช่วงล่างและการควบคุมค่อนข้างนุ่มนวล ออกแนวตุ๋มติ๋มกว่า C250 อยู่พอสมควร
ทั้งสองรุ่นใช้ยางรันเฟลต โดย C 250 ด้านหน้าเป็นขนาด 225/45 R18 หลัง 245/40 R18 ส่วน C180 ทั้งสี่ล้อใช้ 225/50 R17 ซึ่งขนาดล้อและยางย่อมมีผลต่อสมรรถนะการขับขี่ด้วยเช่นกัน
รวบรัดตัดความ…จากนี้ไปชื่อของจังหวัดบุรีรัมย์และสนามแข่งรถแห่งใหม่จะถูกค้นหาในกูเกิ้ลบ่อยขึ้นแน่นอน แต่สำหรับ “ซี-คลาส โฉมใหม่”ไม่ต้องไปค้นหาอะไรแล้วครับ ชอบใน“เบนซ์” ชื่นชมรถทรงนี้ ก็ไปจัดที่โชว์รูมได้เลย (เผลอๆมีรถให้ทดลองขับด้วย) ซึ่ง C180 ออกแนวขับแบบชิลๆ สบายๆ แต่ถ้าอยากหวือหวา เติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์แบบต้อง C250 ที่ช่วงล่าง การควบคุมเนียนลงตัวกว่าเยอะ