ปลุกกระแสมอเตอร์สปอร์ตในไทยคึกคักอย่างยิ่ง กับการเปิดสนามแข่งรถ “ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ด้วยการประเดิมจัดรายการใหญ่ระดับโลก “ซูเปอร์ จีที 2014” (Super GT) สนาม 7 กับบรรดาจรวดทางเรียบที่มีกำลังสูงสุดถึง 500 แรงม้า ต่างขับเคี่ยวกันสุดมันตั้งแต่รอบควอลิฟาย จนถึงวันแข่งชิงแชมป์สนาม 5 ต.ค.ที่ผ่านมา…
ศึกซูเปอร์ จีที เป็นรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับท็อปที่สุดของประเทศญี่ปุ่นและเอเชีย ฤดูกาลปัจจุบัน 6 สนามแรก แข่งในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด และต้องออกมานอกประเทศ 1 สนาม ซึ่งจากการเป็นสนามแข่งรถทางเรียบระดับเกรด 1 (FIA GRADE1) ของสนามช้างฯ เซอร์กิต จึงถูกเลือกให้เป็นสนามแข่งขันที่ 7 ก่อนจะกลับไปปิดการแข่งขันสนามสุดท้ายที่ ทวินริง โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 15-16 พฤศจิกายนนี้
สำหรับการแข่งขันซูเปอร์ จีที แบ่งเป็นรุ่น GT 300 และรุ่น GT 500 โดยตัวเลข 300 และ 500 นั่นหมายถึงกำลังแรงม้าที่ถูกกำหนดเอาไว้สูงสุดในแต่ละรุ่น ซึ่งรถแข่งจะทำการแข่งขันไปพร้อมๆ กัน และแต่ละทีมของรุ่นนั้นๆ จะสลับนักแข่งขับได้ไม่เกิน 2 คน และในการแข่งขันสนามช้างฯ เซอร์กิต มีระยะทางต่อรอบ 4.554 กม. และแข่งขันทั้งสิ้น 66 รอบสนาม ดังนั้นจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งตัวนักขับ การเตรียมรถยนต์ และการวางแผนแข่งขัน
โดยในรุ่น GT 500 มีทั้งหมด 15 ทีมแข่ง ประกอบไปด้วยรถ 3 รุ่น ได้แก่ ฮอนด้า NSX, เลกซัส RCF และนิสสัน GT-R ขณะที่รุ่น GT300 มีจำนวนทีมแข่งหลักทั้งหมด 25 ทีม นอกจากค่ายค่ายรถในญี่ปุ่นแล้ว ยังมีค่ายรถดังจากยุโรปเข้าร่วมแข่งขันมากมาย และในครั้งนี้ยังมีทีมจากไทยที่เข้าร่วมแข่งรุ่น GT 300 ในฐานะไวด์การ์ดอีก 3 ทีม คือ โตโยต้า ทีม ไทยแลนด์ (โตโยต้า 86), ไอ-โมบาย เอเอเอส (ปอร์เช่ 911 จีที3 อาร์) และทีม ARNAGE RACING
ดูเหมือนสนามช้างฯ เซอร์กิต จะถูกมือบรรดาทีมนักขับรถยนต์ Nissan GT-R ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคจาก NISMO สำนักแต่งรถชื่อดังของค่ายนิสสัน เห็นได้จากการยกขบวนซิวหัวแถว 3 อันดับแรก ในรอบควอลิฟายของรุ่น GT500 และในรุ่น GT 300 หากไม่นับไวด์การ์ดทีมไอ-โมบาย เอเอเอส โดยนักขับไทย “วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์” และอเล็กซานเดอร์ อิมเพอราโทรี ทีมเมทชาวสวิส ที่ประกาศศักดาคว้าโพลโพซิชั่นของรุ่นแล้ว อันดับสองตกเป็นของ คาซูกิ โฮชิโนะ และลูคัส ออร์โดเนสซ์ สังกัดทีม B-MAX NDDP GT-R
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์และความพร้อม ทำให้ในวันแข่งชิงแชมป์สนาม ทีมนักขับไทยไอ-โมบาย เอเอเอส สามารถนำการแข่งขันได้เพียง 48 รอบสนาม เพราะยางมีปัญหาจนต้องเข้าพิต ทำให้ทีม B-MAX NDDP GT-R โดย “ลูคัส ออร์โดเนสซ์” นักขับหนุ่มชาวสเปนวัย 29 ปี ซึ่งเป็นเด็กปั้นจาก NISSAN GT ACADEMY และลงสู่สังเวียนความเร็วได้เพียง 6 ปีเท่านั้น ควงนักขับคู่หูชาวญี่ปุ่น “คาซูกิ โฮชิโนะ” เบียดขึ้นนำและจบเรซเป็นอับดับหนึ่งคว้าแชมป์สนามเป็นครั้งแรก ขณะที่ทีมไอ-โมบาย เอเอเอส แม้จะไล่ขึ้นมาแต่จบเรซทำได้เพียงอันดับ 7 อย่างน่าเสียดาย
ส่วนรุ่น GT 500 คะแนนสะสม 6 สนามแรก ผู้นำเป็นของทีม MOTUL AUTECH GT-R ขับโดย ทสึจิโอ มัตสึตะ และรอนนี่ ควินทาเรลลี่ ซึ่งในสนามนี้ควอลิฟายอยู่กริด 3 โดยมีทีม S-ROAD MOLA ที่ใช้รถ Nissan GT-R เช่นกัน เป็นผู้ทำโพลโพซิชั่น แต่น่าเสียดายสองนักขับ ซาโตชิ โมโตยามา และมาซาตากะ ยานากิดะ ทำเวลาต่อรอบนำได้เพียง 38 รอบสนาม เพราะรถมีปัญหาต้องเข้าพิต และเมื่อกลับมาแข่งถูก 2 ทีมนักขับรถยนต์ LEXUS RC F สลับกันเบียดขึ้นนำ
ที่สุด “คาซูกิ นาคาจิม่า” อดีตนักขับรถสูตรหนึ่ง หรือ F1 และเจมส์ รอสซิสเตอร์ สังกัดทีม LEXUS TEAM PETRONAS TOMS คว้าแชมป์สนามในรุ่น GT 500 ไปครอง ส่วนอันดับสองยังตกเป็นของทีมนักแข่งที่ขับรถยนต์ Nissan GT-R โดยอันดับ 2 ได้แก่ ไมเคิล ครุมม์ และไดกิ ซาซากิ จาก D’ station ADVAN GT-R ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ ฮิโรโนบุ ยาซูดะ และเจา เปาโล ลิม่า เดอ โอลิเวียร่า สังกัด CALSONIC IMPUL GT-R
จากผลการแข่งขันดังกล่าว นับว่ารถยนต์ Nissan GT-R ได้สร้างความกระหึ่มสนามช้างฯ เซอร์กิต สามารถยกขบวนขึ้นแท่นมากที่สุด โดยรถ Nissan GT-R NISMO GT ที่ใช้ในการขับแข่งขันซูเปอร์ จีที ในรุ่น GT 500 วางเครื่องยนต์ NR20A ขนาด 1998 ซีซี สามารถปรับแต่งให้รีดกำลังสูงสุดได้มากกว่า 550 แรงม้า และในรุ่น GT 300 วางเครื่องยนต์ VR38DETT ขนาด 3799 ซีซี ปรับให้รีดกำลังสูงสุดได้มากกว่า 550 แรงม้าเช่นกัน
สำหรับศึกซูเปอร์จีที 2014 จะโยกกลับไปแข่งขันสนามสุดท้ายของปี ที่สนามทวินริง โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 15-16 พ.ย.นี้ โดยเกมความเร็วรายการนี้จะกลับมาแข่งขันในเมืองไทยแน่นอนในฤดูกาลหน้า ภายใต้สัญญาระหว่างจีทีเอ เจ้าของลิขสิทธิ์ซูเปอร์ จีที และบริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต แล้วพบกัน...