xs
xsm
sm
md
lg

จับเขาคุย 3 นักบิดเด็กไทยบนสนามอาชีพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยที่เด็กจากบ้านเรา 3 คน สามารถผ่านการคัดเลือกจากเด็ก 600 คน ทั่วเอเชีย เป็นตัวจริงใน 22 คน ร่วมชิงชัยรายการ “เชลล์ แอ๊ดว๊านซ์ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ “ แม้ว่าวันนี้พวกเขายังไม่มีโอกาสขึ้นโพเดียม แต่ก้าวแรกของ ทั้ง 3 คน ได้ทำให้คนไทย ดีใจ ปลื้มใจ ว่าเด็กไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก โดยเฉพาะรายการมอเตอร์สปอร์ต ..และไม่พลาดเมื่อทางหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง เป็นสื่อเดียวจากไทยร่วมสังเกตการณ์การแข่งขันระดับมืออาชีพ โดยบริษัท เชลล์ ประเทศไทย เชื้อเชิญ ...เลยเก็บคำสัมภาษณ์ของน้องมาให้ฟังกัน
สมเกียรติ จันทรา (ก้อง) อายุ  15 ปี
เริ่มจากคนอายุน้อยสุด สมเกียรติ จันทรา (ก้อง) อายุ 15 ปี ศึกษาอยู่ที่ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีธนบุรี

ผมสนใจและอยากขี่มอเตอร์ไซค์ตั้งแต่เรียนอยู่ ป.5 ใจมันรัก อยากเป็นนักแข่ง เมื่อก่อนเห็นรุ่นพี่เขาแข่งกันก็อยากแข่งตามบ้าง และที่ผ่านมาเคยร่วมรายการแข่งในเมืองไทยหลายรายการอยู่ มีชนะบ้าง แพ้บ้าง สำหรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบ “เชลล์ แอ๊ดว๊านซ์ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ “ ทางเอ.พี.ฮอนด้า พามา เนื่องจากผมเป็นนักแข่งในสังกัดของเขาอยู่แล้ว จึงได้ส่งมาคัดเลือกและติด 1 ใน 22 คน หลังติดก็ได้รับการฝึกฝนตลอดเวลา ทั้งเรื่องทักษะในการขับขี่และร่างกาย

สำหรับการแข่งขันที่ผ่านมา ยังไม่ค่อยดีเท่าไรคงต้องปรับปรุงการขับขี่อีกมาก สาเหตุน่าจะเป็นเพราะว่าตื่นเต้น กดดัน อากาศก็ร้อนมาก ไม่ค่อยมีสมาธิ เลยทำให้ขี่ไลน์มั่วไปหน่อยครับ แต่สนามที่ทำเวลาได้ดีสุดคือ ประเทศกาตาร์ ญี่ปุ่น คือได้อันดับ 6

“ความเร็วสูงสุดที่บิดได้ 206 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตอนแรกก็รู้สึกกลัว แต่ตอนหลังเริ่มชินแล้ว ส่วนอนาคตอยากจะขึ้นไปขับ รุ่น Moto3”



-คนที่สอง นครินทร์ อธิรัฐภูภัทร (ชิฟ) อายุ 18 ปี ศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ปี 1

การแข่งมอไซค์เป็นความฝันตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ ไขว่คว้า ค้นคว้า ฝึกฝนมาตลอดและพัฒนามาเรื่อย ๆ เริ่มขี่ตอน 11 ขวบ แต่ความสนใจเริ่มตั้งแต่ 9-10 ขวบ

ตอนแรก ๆ เคยดูทีวี รายการแข่ง มอเตอร์ครอส ทางเรียบ บวกกับมีพี่แถวบ้านอยู่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตเลยตามเขาไปหลัง ๆได้ลงแข่ง และเคยคว้าแชมป์มาหลายรายการ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรองแชมป์ ส่วนรายการแข่ง“เชลล์ แอ๊ดว๊านซ์ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ “ ก็เห็นใน เฟซบุ๊ก เห็นเขาแชร์กันมา สนใจ เลยส่งไปถึงผู้ใหญ่ว่ามีรายการนี้ ก็เลยส่งเข้าคัดเลือกและติด 1 ใน 22 คน

สำหรับการแข่งขันรายการนี้จะแตกต่างจากที่ผมเคยขับ คือที่นี้จะทำรถมาเพื่อการแข่งขันเท่านั้น ฉะนั้นผมพยายามซ้อมให้มาก เพื่อทำความคุ้นเคยกับรถ แต่ก็ยังน้อยกว่าคนอื่น แต่ผมก็โชคดีมีผู้จัดการที่เคยเป็นนักแข่งมาก่อนช่วยสอน และผมเองก็ถามไถ่พี่ที่มีประสบการณ์ในการแข่งขัน เพื่อนำมาพัฒนาตนเอง

สนามที่ทำเวลาดีที่สุดคือ กาตาร์ ขึ้นมาอันดับ 4 เกือบได้ขึ้นโพเดียม พลาดไปนิดหนึ่ง แต่จะพยายามขึ้นโพเดียมให้ได้ ส่วนความเร็วสูงสุดบิดได้ 210 กิโลเมตร/ ชั่วโมง ไม่เคยกลัว ขับจนชินแล้ว แม้ว่าก่อนแข่งจะตื่นเต้นนิดหน่อย แต่ก็พยายามกำหนดลมหายใจไว้ จะได้มีสมาธิ

ตอนนี้ผมอายุยังไม่ถึง 20 ปี อยากจะพัฒนาตัวเองเร็ว ๆ จะได้ขยับขึ้นไปขับ Moto 3


มุกข์ลดา สารพืช (มุก) อายุ 21 ปี
คนสุดท้ายเป็นผู้หญิงคนเดียวในการแข่งขัน มุกข์ลดา สารพืช (มุก) อายุ 21 ปี กำลังเข้าศึกษามหาวิทยาลัย ธุรกิจบัณฑิตย์

เริ่มสนใจมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ พอโตหน่อยไปกับเพื่อนไปขี่รถนาโนไบท์ เป็นรถไฟฟ้า บังเอิญเจ้าของที่จัดแข่งนาโนไบท์เห็นแววในการขี่ และที่สำคัญเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มผู้ชาย เลยสนใจชวนมาแข่งรถ ซึ่งตอนนั้นยังเด็กเลยกลับไปถามแม่และยาย ทั้งสองคนอนุญาต เลยเริ่มแข่งรถมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่นั้นมา ตอนหลังก็ขยับมาสู่การแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์รายการซูซูกิ รายการนี้เหมือน “วันเมคเรซ” คือให้เด็กหน้าใหม่เข้ามาทดสอบ และสามารถเข้าที่ 1 ใน 6 สนามซ้อน จึงมาแข่งรายการ ไทยแลนด์ เซอร์กิต เริ่มแรกกับรุ่นออโตเมติค ซูซูกิ สเต็ป แข่งจนได้ถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระบรมฯ ก็เปลี่ยนมาอยู่กับฮอนด้า ทางฮอนด้าเห็นความสามารถเลยส่งมาคัดเลือกและสุดท้ายก็ติด 1 ใน22 คน และที่สำคัญเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มด้วย

ตอนที่ติดดีใจมากเพราะเราเป็นผู้หญิงคนเดียวเราสามารถทำได้ รู้สึกภูมิใจ แต่หลังจากนั้นเราอยากพัฒนาไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ว่าผู้หญิงก็มีความสามารถไม่แพ้ผู้ชายเหมือนกัน ทุกวันนี้พยายามขยันฝึกซ้อมออกกำลังเพื่อให้ร่างกายฟิต และศึกษาไอดอลของตัวเอง อย่างมาร์ค ว่าเขาฟิตร่างกายอย่างไร เขาถึงเก่ง ศึกษาจากตรงนั้น

สนามที่ทำได้ดีสุดคือ กาตาร์ เพราะสามารถขึ้นมาติด 1 ใน 3 ได้ แต่มาพลาดในรอบสุดท้ายล้มเสียก่อน เลยอดขึ้นโพเดียม ส่วนสนามเซปัง อยู่ในดับ 5 น่าจะถือว่าดีสุด อย่างไรก็ตามจากอุบัติเหตุล้ม ทำให้ข้อเท้าเจ็บ แต่เธอก็บอกว่าเวลาลงแข็งไม่รู้สึกเจ็บ ตั้งหน้าตั้งตาแข่งอย่างเดียว ต้องชนะ ต้องขึ้นโพเดียมให้ได้เลยลืมความเจ็บปวดไป สำหรับความเร็วที่ทำได้สูงสุดคือ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นอยู่กับจังหวะมากกว่า

น้องมุก บอกว่า หลังจบจากรุ่นนี้อยากไปขี่รุ่น Moto 3 เพราะว่ามันเป็นบันไดขั้นแรกของนักแข่งหลายคน อยากจะเข้าไปอยู่ในเกมของมอเตอร์ จีพี อยากไประดับโลก และคิดว่านักแข่งทุกคนก็เหมือนกัน มุกก็อยากไปถึงจุดนั้น

ถึงบรรทัดนี้คงต้องบอกว่า เด็กไทยเราไม่ธรรมดา แม้ว่ากีฬามอเตอร์สปอร์ตในเมืองไทยจะไม่ได้รับความนิยม ความสนใจมากมายเหมือนกับประเทศอื่น โดยเฉพาะในยุโรป ที่ได้รับการสนับสนุนเต็มที่ เราจึงเห็นนักแข่งจักรยานยนต์ทางเรียบมีแต่ฝรั่งได้ขึ้นโพเดียม ส่วนคนเอเชียแถบจะไม่มีหวังเลย ดังนั้นรายการ “เชลล์ แอ๊ดว๊านซ์ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ “ น่าจะเป็นบันไดและโอกาสของคนเอเชียในการพัฒนาฝีมือ-ประสบการณ์ เพื่อสามารถเข้าไปแข่งขันในระดับโลกได้ โดยเริ่มจากเด็กที่มีใจรัก ฝึกฝน ....และสักวันหนึ่งเราคงจะเห็นคนเอเชียได้ขึ้นโพเดียมกันบ้าง ยิ่งถ้าเป็นคนไทย คงได้มี “เฮ” กันแน่นอน

นครินทร์ อธิรัฐภูภัทร (ชิฟ)  อายุ 18 ปี








กำลังโหลดความคิดเห็น