กกต.ปาฐกถาพิเศษนักศึกษาธุรกิจบัณฑิตย์ ชี้ต้องยอมถอยหลังเพื่อปฏิรูป ระบุผู้เป็น สปช.ต้องมีความรู้ความสามารถโดยตรง พวกอยากได้แค่ตำแหน่งไม่ควรได้เป็น ระบุออกแบบการเมืองเป็นโจทย์สำคัญ ต้องให้นักการเมืองเข้ามาโดยสุจริต ต้องทำอันดับแรก เสนอเพิ่มสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อให้ใกล้เคียง ส.ส.แบ่งเขต ส่วนเขตเลือกตั้งอาจใช้ทั้งจังหวัด อ้างเขตเล็กทำผิดกฏหมายง่าย ขณะที่ ส.ว.ระบบสรรหา เหมาะสุด ให้ กกต.อิสระเหมือนเดิม
วันนี้ (25 ก.ย.) ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เมื่อเวลา 09.30 น. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ได้ปาฐถาพิเศษหัวข้อ “ทิศทางการปฏิรูปการเมืองไทย” ให้แก่นักศึกษาคณะรัฐประศาสนศาสตร์ ตอนหนึ่งว่า สาเหตุที่ต้องมีการปฏิรูปประเทศเนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ได้มีการดำเนินการเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในทิศทางที่ดีขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องยอมถอยหลังให้กระบวนการต่างๆ ยุติลงชั่วคราว และเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปประเทศ โดยรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 มาตรา 27 กำหนดให้มีสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศ (สปช.) ขึ้นมาทำหน้าที่เพื่อศึกษาเสนอแนะให้เกิดการปฏิรูปในด้านต่างๆ จำนวน 11 ด้าน รวมทั้งออกแบบประเทศทำให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยมีความเหมาะสมกับสภาพสังคมไทย เกิดการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ขจัดการคอร์รัปชัน โดยผู้ที่เข้าสู่เวทีของสปช.นั้นจำเป็นต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถโดยตรง ส่วนคนที่ต้องการเข้ามาเพื่ออยากได้แค่ตำแหน่งนั้นไม่ควรเข้ามาเป็น สปช.เพราะหากเข้ามาเชื่อว่าจะไม่ได้ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง
นายสมชัยกล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าการออกแบบการปฏิรูปการเมืองเป็นโจทย์ที่สำคัญที่สุด โดยต้องสร้างกลไกที่มาของนักการเมืองเข้ามาทำหน้าที่อย่างสุจริต ไม่ใช่เข้ามาด้วยอำนาจเงิน อำนาจอิทธิพล และอำนาจรัฐ เพราะหากไม่ปฏิรูปการเมืองอันดับแรก จะทำให้การเมืองไทยกลับไปสู่รูปแบบเดิมๆ ขณะเดียวกัน การปฏิรูปการเมืองไทยครั้งนี้ต้องสร้างกลไกในการถ่วงดุลและตรวจสอบจากหลายภาคส่วน โดยให้องค์กรอิสระ สื่อมวลชน ภาคประชาสังคม ออกมาช่วยกันตรวจสอบเพื่อให้ฝ่ายบริหารใช้อำนาจโดยชอบธรรม ไม่ใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง และสร้างความสมดุลระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ
นายสมชัยกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มของการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หัวใจสำคัญของการเลือกตั้งนั้นต้องทำให้ทุกคะแนนเสียงของประชาชนมีความหมายด้วยการเพิ่มสัดส่วนของ ส.ส.บัญชีรายชื่อให้มีความใกล้เคียงกับ ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งเพื่อป้องกันการแข่งขันที่รุนแรง ขณะที่การแบ่งเขตเลือกตั้งนั้นควรเป็นเขตเลือกตั้งขนาดใหญ่ โดยอาจใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง เนื่องจากเขตที่มีขนาดเล็กจะง่ายต่อการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ส่วนการได้มาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มองว่ากระบวนการสรรหาเหมาะสมที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับ ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งหรือการแต่งตั้ง แต่การสรรหา ส.ว.เพื่อให้ได้คนที่มีคุณภาพและหลากหลายนั้นจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการโดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดการยอมรับ
นายสมชัยกล่าวอีกว่า ขณะที่บทบาทของ กกต.ในอนาคตควรเป็นองค์กรอิสระเช่นเดิม มีอำนาจในการให้ใบเหลืองใบแดงช่นเดิม และสามารถขยายระยะเวลาในการประกาศผลการเลือกตั้งมากกว่า 30 วัน เพื่อให้สามารถดำเนินการตรวจสอบคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งให้เสร็จก่อนประกาศผลการเลืกอตั้ง ทั้งนี้เพื่อให้ได้คนที่ดีจริงเข้ามาบริหารบ้านเมือง เพราะหากปล่อยผ่านไปก่อนแล้วเอาผิดภายหลังประกาศผลจะทำให้บุคคลดังกล่าวเข้าไปแทรกแซงโดยตำแหน่งหน้าที่จนไม่สามารถเอาผิดได้
นายสมชัยกล่าวว่า หากกติกาทุกอย่างเสร็จสิ้น การสร้างการยอมรับจำเป็นต้องใช้ฝีมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง กกต.จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ เที่ยงธรรม คัดคนดี คนเก่ง เข้าสู่ระบบการเมือง กำจัดคนที่ซื้อสิทธิขายเสียงออกไปให้หมด กกต.จำเป็นต้องเตรียมการให้ดีที่สุดเพื่อให้การปฏิรูปครั้งนี้ไม่เสียของ อย่างไรก็ตาม ภายหลังการปฏิรูปเสร็จสิ้น ตนอยากเห็นบ้านเมืองไม่แตกแยก ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายทำลายกัน อยากเห็นคนที่เข้ามาสู่การเมืองมีคุณภาพมากขึ้นได้คนที่มีความรู้ ความสามารถ มีคุณธรรม เข้ามาช่วยงานการเมืองมาบริหารประเทศ และอยากเห็นการตื่นรู้ของประชาชน เลือกคนที่เข้ามาทำหน้าที่ด้วยเหตุและผล