xs
xsm
sm
md
lg

สาวบ้าพลัง...พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร.พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไวทัลโกร จำกัด
 
ด้วยบุคลิกที่มาดมั่นตามสไตล์ผู้หญิงเก่ง ของ ดร.พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล จึงไม่แปลกที่สาวสวยคนนี้ สามารถคว้าปริญญาดอกเตอร์ กับปริญญาอื่นๆ อีกหลายใบด้วยวัยเพียง 20 ต้นๆ เท่านั้น และแม้จะเป็นทายาทเจ้าของโรงพยาบาลนวมินทร์ ที่มั่งคั่ง แต่เธอกลับบ้าพลังลุยงานทุกอย่างที่ขวางหน้า จนประสบความสำเร็จด้วยวัยเพียง 26 ปี

 
ย้อนหลังกลับไป 3 ปีก่อน ขณะที่ พิมพ์-พิมพ์ขวัญ ลูกสาวของ นพ.ประจักษ์ กับ วราภรณ์ บุญจิตต์พิมล เจ้าของโรงพยาบาลนวมินทร์9 กำลังศึกษาต่อปริญญาเอก คณะสาธารณสุขศาสตร์ (Public Health) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เธอก็ถูกวางตัวให้มารับช่วงบริหารอาณาจักรทางธุรกิจมูลค่ามหาศาลของครอบครัวแล้ว

ช่วงนั้นแม้จะมีปริญญาตรีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงปริญญาโท คณะยุโรปศึกษา จากจุฬาฯ และปริญญาโทใบที่ 2 สาขา International Health Management จาก อิมพีเรียล คอลเลจ ประเทศอังกฤษ เป็นเครื่องการันตีความสามารถแล้ว แต่พ่อก็ยังต้องการให้เธอเรียนรู้งานเกือบทุกแผนกที่โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ตั้งแต่จัดซื้อยา ตลาดและบัญชี ล่าสุด รั้งตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดระหว่างประเทศ เพื่อเรียนรู้ถึงการขยายงานในประเทศเพื่อนบ้าน และคู่ค้าที่สำคัญหลายประเทศในตะวันออกกลาง

 
“ทำงานในโรงพยาบาลนับเป็นการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ ที่ไม่สามารถหาได้จากโปรแกรมการเรียนทั่วไป ตรงนั้น พิมพ์ได้เรียนรู้อะไรมากมาย คุณแม่จะสอนเสมอว่า เวลาทำอะไรก็ต้องทำให้สุดไปเลย อย่าทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ พิมพ์ยึดคำสอนของท่านเป็นแนวทางตั้งแต่เรียนหนังสือ ถึงตอนนี้พิมพ์เรียนจบปริญญาเอกออกมาทำงานเต็มตัวแล้ว ก็ยึดคำสอนนี้มาตลอด” ดร.พิมพ์ขวัญ กล่าว 

 
พิมพ์ขวัญจัดเป็นหญิงสาวยุคใหม่ผู้ชาญฉลาด เปี่ยมด้วยไหวพริบ เธอส่งยิ้มให้เราก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องต่อว่า หลังจบปริญญาเอกแล้ว คุณแม่และคุณพ่อก็มอบเงินให้จำนวนหนึ่งเป็นของขวัญเพื่อนำไปทำธุรกิจที่อยากทำ และด้วยความที่เป็นคนรักสวย สนใจสุขภาพ-ความงามมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังอยากมีธุรกิจส่วนตัว เธอจึงนำเงินก้อนนั้นมาตั้ง ศูนย์สุขภาพและความงาม SKIN&AESTHETIC ภายใต้ชื่อ ไวทัลโกร (VITALGLOW) ทั้งยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แบรนด์ “ดิ ออร่า”

พิมพ์ใช้พลังไปกับการดูแลธุรกิจใหม่ตรงนี้อย่างเต็มที่ “พิมพ์เน้นทำธุรกิจต้องคืนทุนเร็ว โชคดีที่ไวทัลโกร คืนทุนได้ภายใน 6 เดือน ก่อนจะเริ่มต้นทำธุรกิจคิดไม่นานนะคะ อยากทำก็ทำ เพียงแต่พิมพ์ศึกษาและทำการบ้านอย่างหนัก คือพูดคุยกับคนหลายคน เวลาที่ทำไปแล้ว พิมพ์ก็ต้องมั่นใจในการกระทำของตัวเอง ดังนั้น ถ้างานออกมาล้มเหลวพิมพ์จะไม่เสียใจ”

 
นอกจากช่วย นพ.ประจักษ์ ผู้พ่อ ดูแลโรงพยาบาลรวมถึงธุรกิจส่วนตัวแล้ว ผู้หญิงคนนี้ยังแบ่งเวลาไปเป็นอาจารย์พิเศษสอนหนังสือให้กับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ อีกด้วย “คือเป็นหน้าที่ของคนที่เรียนจบปริญญาเอก ที่ต้องให้ความรู้กับสังคม อาจารย์ที่สอนพิมพ์บอกเสมอว่า ควรใช้สิ่งที่เรียนมาให้ได้ประโยชน์มากที่สุด อาจารย์ไม่ได้บังคับให้ต้องมาสอน แต่เรามาสอนเพราะไม่อยากกอดคำว่าดอกเตอร์ไว้กับตัวโดยไม่ใช้ประโยชน์ หากมาเรียนปริญญาเอกเพื่อต้องการคำว่า ดร. นำหน้า แล้วไม่ช่วยเหลือสังคม คุณไปซื้อปริญญาก็ได้”

ทุกวันนี้เธอทำหน้าที่หลากหลายมาก แทบไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวเลย เจ้าตัวเองก็ยอมรับว่า ไม่ชอบอยู่นิ่ง ทันทีที่ว่างสมองก็อยากทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา และความไม่อยู่นิ่งที่เราได้เห็นตลอดช่วงที่ได้พูดคุย ก็ทำให้อยากรู้เคล็ดลับการเรียนที่สามารถคว้าปริญญาหลายใบมาในวัย 20 กว่าๆ ว่าทำได้อย่างไร คำคอบสั้นๆ คือ "เทปบันทึกเสียง" นั่นเอง “เมื่อก่อนพิมพ์ไม่เคยเห็นความสำคัญเลยนะคะ จนพ่อแนะนำและสอนให้รู้จักใช้เครื่องบันทึกเสียงก็ใช้เรื่อยมา จนโตเรียนจบมาถึงรู้ว่าเขามีประโยชน์มากมาย พิมพ์ต้องขอบคุณเขาด้วยที่มีส่วนช่วยให้พิมพ์เรียบจบมาได้เร็วกว่าปกติ”

 
สาวน้อยคนนี้ยังบอกอีกว่า เธอนำเครื่องบันทึกเสียงติดตัวเข้าเข้าเรียนทุกครั้ง นับตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ชั้นประถมที่โรงเรียน Ruamrudee International School ( RIS) แม้หลายครั้งจะถูกเพื่อนหัวเราะใส่และถูกแซวก็ตาม “คือพิมพ์ไม่ได้สนใจตรงนั้น พิมพ์นำไปอัดเสียงเวลาที่อาจารย์สอนหนังสือ เพราะการฟังในห้องเรียนเพียงครั้งเดียวบางทีเราไม่สามารถจดจำได้หมด และพิมพ์เองไม่ใช่คนที่ชอบอ่านหนังสือมากนัก พอกลับไปบ้านก็นำเทปมาฟังทบทวน จะเข้าใจกว่าการนั่งฟังครั้งเดียวแน่นอนค่ะ แต่การฟังเทปก็ต้องเข้าใจถึงสิ่งที่อาจารย์เน้นและต้องการถ่ายทอด ถ้าเข้าใจตรงนั้นทุกอย่างไม่ยากเลยค่ะ”

ด้วยภารกิจมากมายทำให้เวลาที่เราได้พบปะกับเธอนั้นน้อยเต็มที ก่อนจากกัน พิมพ์ยังแสดงทัศนคติเรื่องการใช้ชีวิตของเธอว่า ทุกคนได้โอกาสเกิดมาในโลกใบนี้ ก็ควรต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุด เพราะกว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นยาก แต่ละคนจึงควรจะพัฒนาในทุกๆ วัน “พิมพ์เองพยายามทำทุกวันให้ดีและมีคุณค่ามากที่สุด เรียนจบด้วยความตั้งใจ เมื่อมาทำงานบริหาร มันมีอะไรมากกว่าเดิม เราต้องนำตัวเราเองไปใส่ในใครหลายๆ คน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกน้องหรือลูกค้าให้ดีที่สุด”

เรื่อง วรกัญญา สมพลวัฒนา

ภาพ วชิร สายจำปา
กำลังโหลดความคิดเห็น