เบบี้เอสยูวี “มาคันน์” (Macan) ถือเป็นอาวุธเด็ดในการเพิ่มยอดขายให้กับปอร์เช่ในหลายๆตลาดทั่วโลก และเมืองไทยโดยเอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ นำมาเปิดตัวครั้งแรกในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2014 กับ 3 ระดับความแรงคือ เอส ดีเซล วี6 3.0 ลิตรราคา 7.5 ล้านบาท รุ่นเอส เบนซิน วี6 3.0 ลิตร 9.4 ล้านบาท และตัวท็อป เทอร์โบ เบนซิน วี6 3.6 ลิตร 12.4 ล้านบาท
ล่าสุดปอร์เช่ยังเพิ่มทางเลือกระดับ Entry Level ด้วยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร กับราคาที่ถูกที่สุดของรถปอร์เช่ที่ขายในปัจจุบันคือ 5.99 ล้านบาท ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ได้จัดกิจกรรม “Macan Driving Experience…Life intensified.” ชวนสื่อมวลชนและลูกค้าให้มาลองขับแบบสั้นๆ ที่ลานอเนกประสงค์ กรมทหารราบที่ 11 บางเขน
สำหรับทางเลือกในขุมพลังดังกล่าว เหมือนปอร์เช่ค่อนข้างสงวนท่าทีในการให้ข้อมูลถึงที่มาที่ไป แต่จากรายงานของสื่อหัวนอกต่างฟันธงว่า นี่เป็นเครื่องยนต์สหกรณ์อีกหนึ่งรุ่นของโฟล์คสวาเกน กรุ๊ป ที่ใช้ประจำการอยู่ในตัวแรงอย่าง “กอล์ฟ จีทีไอ” และ“สโกด้า ออกเทเวีย”
โดยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 237 แรงม้า ที่ 5,000 - 6,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,500 - 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ PDK 7 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 223 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Active all-wheel drive และระบบ Porsche Traction Management (PTM)
การลองขับไม่กี่นาทีก็บรรยายอะไรมากไม่ได้ครับ เพียงแต่สัมผัสสมรรถนะแบบพอหอมปากหอมคอ เพราะผู้เขียนเองยังไม่เคยขับ “มาคันน์” เครื่องยนต์อื่น หากแต่เทียบกับรุ่นพี่อย่าง “คาเยนน์” ที่เคยขับมาบ้างในหลากหลายความแรง พบว่ามาคันน์รุ่นเริ่มต้นนี้ขับง่าย สบายตัวกว่า และรู้สึกถึงความคล่องตัว
ส่วนเครื่องยนต์เบนซินบล็อกแค่นี้(น้ำหนักน้อยกว่าพวก วี6) วางด้านหน้า ดูสมดุลควบคุมง่าย เรี่ยวแรงมานุ่มๆแต่ตอบสนองรวดเร็ว รอบเครื่องยนต์จัดจ้านดีดไป 5,000 - 6,000 รอบ สอดคล้องกับการเปลี่ยนเกียร์ที่ฉับไว
น้ำหนักพวงมาลัยกำลังดีไม่หวิวหรือหนักจนเกินไป การสั่งงานแม่นยำต่างจากพวกเอสยูวีบ้านๆที่เราคุ้นเคย ขณะที่การถ่ายเทน้ำหนักหน้า-หลังยอดเยี่ยม รถทรงตัวดีเมื่อเข้าโค้ง ยิ่งขับๆไปไม่เหมือนว่ากำลังอยู่ในรถเอสยูวียกสูง
ด้านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Active all-wheel drive จะส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังเป็นหลัก และแบ่งไปคู่หน้าบ้างตามสภาพการขับขี่แต่ก็ไม่เกิน 50% หรือตอนเข้าโค้งแรงๆระบบจะส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังทั้งหมด เพื่อประสิทธิภาพการควบคุม และยึดเกาะถนนสูงสุด
ขณะเดียวกันปอร์เช่น่าจะเซ็ทช่วงล่างใหม่ให้เหมาะกับเครื่องยนต์และน้ำหนักตัวเพียง 1,770 กิโลกรัม ส่วนล้อขนาดมาตรฐานที่ติดมากับรถจะเป็น 18 นิ้ว ประกบยาง 235/60 R18ในคู่หน้า และ 255/55 R18 คู่หลังทั้งนี้ลูกค้าสามารถจ่ายเงินเพื่อเลือกล้อขนาดที่ใหญ่กว่าได้ จนถึง 21 นิ้ว เช่นเดียวกับระบบจัดการช่วงล่างสุดเทพอย่าง Suspension Management (PASM) และ Sport Chrono Package ที่จะช่วยให้การขับจี๊ดจ๊าดมากขึ้น ล้วนเป็นออปชันที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
ด้านอัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยของมาคันน์รุ่นนี้ ปอร์เช่เคลมไว้ 7.5-7.2 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 13.33 - 13.88 กิโลเมตรต่อลิตร
สำหรับมาคันน์รุ่นนี้ ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของปอร์เช่กับเครื่องยนต์เบนซินแค่ 4 สูบ 2.0 ลิตร และราคาก็ต่ำสุดๆหรือค่าตัวไม่ถึง 6 ล้านบาท แม้บุคลิกอาจจะไม่ดุดันเมื่อเทียบกับเอสยูวีรุ่นพี่คาเยนน์ หรือรุ่นเดียวกันที่วางเครื่องยนต์วี6 แต่ในภาพรวมยังออกแนวสมดุล ขับสบาย เรี่ยวแรงเหลือเฟือ สอดคล้องกับช่วงล่างที่นุ่มหนึบ น่าจะตอบสนองอารมณ์ลูกค้าชาวไทยที่ต้องการเริ่มทำความรู้จักกับสปอร์ตคาร์จากเยอรมันได้ดี
ล่าสุดปอร์เช่ยังเพิ่มทางเลือกระดับ Entry Level ด้วยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร กับราคาที่ถูกที่สุดของรถปอร์เช่ที่ขายในปัจจุบันคือ 5.99 ล้านบาท ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ได้จัดกิจกรรม “Macan Driving Experience…Life intensified.” ชวนสื่อมวลชนและลูกค้าให้มาลองขับแบบสั้นๆ ที่ลานอเนกประสงค์ กรมทหารราบที่ 11 บางเขน
สำหรับทางเลือกในขุมพลังดังกล่าว เหมือนปอร์เช่ค่อนข้างสงวนท่าทีในการให้ข้อมูลถึงที่มาที่ไป แต่จากรายงานของสื่อหัวนอกต่างฟันธงว่า นี่เป็นเครื่องยนต์สหกรณ์อีกหนึ่งรุ่นของโฟล์คสวาเกน กรุ๊ป ที่ใช้ประจำการอยู่ในตัวแรงอย่าง “กอล์ฟ จีทีไอ” และ“สโกด้า ออกเทเวีย”
โดยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 237 แรงม้า ที่ 5,000 - 6,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,500 - 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ PDK 7 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 223 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Active all-wheel drive และระบบ Porsche Traction Management (PTM)
การลองขับไม่กี่นาทีก็บรรยายอะไรมากไม่ได้ครับ เพียงแต่สัมผัสสมรรถนะแบบพอหอมปากหอมคอ เพราะผู้เขียนเองยังไม่เคยขับ “มาคันน์” เครื่องยนต์อื่น หากแต่เทียบกับรุ่นพี่อย่าง “คาเยนน์” ที่เคยขับมาบ้างในหลากหลายความแรง พบว่ามาคันน์รุ่นเริ่มต้นนี้ขับง่าย สบายตัวกว่า และรู้สึกถึงความคล่องตัว
ส่วนเครื่องยนต์เบนซินบล็อกแค่นี้(น้ำหนักน้อยกว่าพวก วี6) วางด้านหน้า ดูสมดุลควบคุมง่าย เรี่ยวแรงมานุ่มๆแต่ตอบสนองรวดเร็ว รอบเครื่องยนต์จัดจ้านดีดไป 5,000 - 6,000 รอบ สอดคล้องกับการเปลี่ยนเกียร์ที่ฉับไว
น้ำหนักพวงมาลัยกำลังดีไม่หวิวหรือหนักจนเกินไป การสั่งงานแม่นยำต่างจากพวกเอสยูวีบ้านๆที่เราคุ้นเคย ขณะที่การถ่ายเทน้ำหนักหน้า-หลังยอดเยี่ยม รถทรงตัวดีเมื่อเข้าโค้ง ยิ่งขับๆไปไม่เหมือนว่ากำลังอยู่ในรถเอสยูวียกสูง
ด้านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Active all-wheel drive จะส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังเป็นหลัก และแบ่งไปคู่หน้าบ้างตามสภาพการขับขี่แต่ก็ไม่เกิน 50% หรือตอนเข้าโค้งแรงๆระบบจะส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังทั้งหมด เพื่อประสิทธิภาพการควบคุม และยึดเกาะถนนสูงสุด
ขณะเดียวกันปอร์เช่น่าจะเซ็ทช่วงล่างใหม่ให้เหมาะกับเครื่องยนต์และน้ำหนักตัวเพียง 1,770 กิโลกรัม ส่วนล้อขนาดมาตรฐานที่ติดมากับรถจะเป็น 18 นิ้ว ประกบยาง 235/60 R18ในคู่หน้า และ 255/55 R18 คู่หลังทั้งนี้ลูกค้าสามารถจ่ายเงินเพื่อเลือกล้อขนาดที่ใหญ่กว่าได้ จนถึง 21 นิ้ว เช่นเดียวกับระบบจัดการช่วงล่างสุดเทพอย่าง Suspension Management (PASM) และ Sport Chrono Package ที่จะช่วยให้การขับจี๊ดจ๊าดมากขึ้น ล้วนเป็นออปชันที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
ด้านอัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยของมาคันน์รุ่นนี้ ปอร์เช่เคลมไว้ 7.5-7.2 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 13.33 - 13.88 กิโลเมตรต่อลิตร
สำหรับมาคันน์รุ่นนี้ ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของปอร์เช่กับเครื่องยนต์เบนซินแค่ 4 สูบ 2.0 ลิตร และราคาก็ต่ำสุดๆหรือค่าตัวไม่ถึง 6 ล้านบาท แม้บุคลิกอาจจะไม่ดุดันเมื่อเทียบกับเอสยูวีรุ่นพี่คาเยนน์ หรือรุ่นเดียวกันที่วางเครื่องยนต์วี6 แต่ในภาพรวมยังออกแนวสมดุล ขับสบาย เรี่ยวแรงเหลือเฟือ สอดคล้องกับช่วงล่างที่นุ่มหนึบ น่าจะตอบสนองอารมณ์ลูกค้าชาวไทยที่ต้องการเริ่มทำความรู้จักกับสปอร์ตคาร์จากเยอรมันได้ดี
