ข่าวต่างประเทศ - ปอร์เช่เริ่มต้นปีด้วยความสำเร็จจากยอดส่งมอบรถยนต์ปอร์เช่ ยอดรายได้ และผลกำไรจากการดำเนินงานใน 3 เดือนแรกของปี 2014 ที่เพิ่มมากขึ้น โดยมียอดส่งมอบที่ 38,663 คัน ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 4.5% เลยทีเดียว รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 3.93 พันล้านยูโร ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 22% คิดเป็น 698 พันล้านยูโร จำนวนการจ้างบุคลากรเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้วอยู่ที่ 13,000 ตำแหน่ง และขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 20,000 ตำแหน่ง ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 นี้เลยทีเดียว
Lutz Meschke, สมาชิกบอร์ดฝ่ายการเงินและ IT ของปอร์เช่ กล่าวถึงการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จของบริษัทและสะท้อนให้เห็นถึงผลตอบแทนของยอดขายที่เพิ่มขึ้นกว่า 18% อีกทั้งยังได้บอกถึงการที่ปอร์เช่ต้องตั้งรับกับอัตราค่าตอบแทนแรงงานที่เพิ่มมากขึ้น และหนี้สูญเพราะการเปิดตัว มาคันน์ (Macan) ใหม่ไว้ว่า “นอกเหนือจากความท้าทายนี้ เรายังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับเงื่อนไขของ CO2 และการลงทุนเพิ่มเติมในการปรับปรุงโรงงาน Zuffenhausen, Leipzig และ Weissach ให้มีความทันสมัยมากขึ้น” Meschke ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมมองว่ายอดขายในยุโรปยังคงทรงตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัญหาในเรื่องของเศรษฐกิจ แต่วัตถุประสงค์หลักของเรายังคงต้องการที่จะได้ผลกำไรให้ได้มากกว่าปีที่ผ่านมา”
Matthias Müller ประธานบอร์ดบริหารของปอร์เช่ ได้อธิบายเกี่ยวกับเงื่อนไขการลงทุนและค่าใช้จ่ายสำหรับการพัฒนาในปีนี้ว่า “พวกเราเน้นความเป็นแบรนด์ปอร์เช่ที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ โดยเน้นความเป็นสปอร์ต และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดให้กับรถในกลุ่มตลาดรถหรู โดยการพัฒนาประสิทธิภาพของน้ำมันรวมถึงการใช้ทรัพยากรทดแทนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และนี่คือกลยุทธ์ของแบรนด์ปอร์เช่”
หากมองถึงการพัฒนาของตลาดแล้ว Müller ประธานบริหารของปอร์เช่ได้กล่าวถึงการเติบโตที่ต่อเนื่องในตลาดสหรัฐอเมริกาและจีนไว้ว่า “โดยรวมแล้ว ยอดขายรถยนต์ปอร์เช่จะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2014 นี้อย่างแน่นอน เพราะเราเพิ่งทำการเปิดตัวมาคันน์ (Macan) ที่จะออกมาเพิ่มยอดขายให้กับปอร์เช่”
การเพิ่มตำแหน่งพนักงานอย่างต่อเนื่อง คือการสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การเติบโตของปอร์ช่ หากดูจำนวนพนักงาน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2014 จะพบว่ามีพนักงานถึง 20,416 คน ที่ทำงานให้กับปอร์เช่ และมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 15% เพียงแค่ไตรมาสแรกของปี 2014 เพิ่มขึ้นอีก 960 ตำแหน่ง ส่วนพนักงานที่โรงงาน Leipzig ซึ่งเป็นโรงงานที่ผลิตมาคันน์ (Macan) ใหม่ล่าสุด แสดงให้เห็นถึงการเติบโตมากที่สุด ของผู้ผลิตรถสปอร์ตแบรนด์ปอร์เช่ ซึ่งได้สร้างจำนวนการจ้างงานใหม่ที่สถานที่อื่น และโรงงานอื่นของปอร์เช่ด้วยเช่นกัน
-ปอร์เช่รุ่น 911: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 12.4 - 8.2 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ระหว่าง 289 - 194 กรัม/กิโลเมตร
-ปอร์เช่รุ่นบ็อกซเตอร์ (Boxster)/ เคย์แมน (Cayman): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 8.8 - 7.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ระหว่าง 206 - 180 กรัม/กิโลเมตร
-ปอร์เช่รุ่นคาเยนน์ (Cayenne): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 11.5 - 7.2 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ระหว่าง 270 - 189 กรัม/กิโลเมตร
-ปอร์เช่รุ่นพานาเมร่า (Panamera): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 10.7 - 6.4 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ระหว่าง 249 - 169 กรัม/กิโลเมตร
-ปอร์เช่รุ่นพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 3.1 ลิตร/100 กิโลเมตร, อัตราการบริโภคพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 16.2 กิโลวัตต์/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ที่ 71 กรัม/กิโลเมตร
-ปอร์เช่รุ่นมาคันน์ (Macan)*: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 11.8 - 6.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ระหว่าง 216 - 159 กรัม/กิโลเมตร
*อัตราที่ระบุ ขึ้นอยู่กับชุดยางที่นำมาใช้
-ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 3.1 - 3.0 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 12.7 กิโลวัตต์/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ Co2เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 72 - 70 กรัม/กิโลเมตร
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงาน ปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker - Gold Expert) คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR”
Lutz Meschke, สมาชิกบอร์ดฝ่ายการเงินและ IT ของปอร์เช่ กล่าวถึงการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จของบริษัทและสะท้อนให้เห็นถึงผลตอบแทนของยอดขายที่เพิ่มขึ้นกว่า 18% อีกทั้งยังได้บอกถึงการที่ปอร์เช่ต้องตั้งรับกับอัตราค่าตอบแทนแรงงานที่เพิ่มมากขึ้น และหนี้สูญเพราะการเปิดตัว มาคันน์ (Macan) ใหม่ไว้ว่า “นอกเหนือจากความท้าทายนี้ เรายังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับเงื่อนไขของ CO2 และการลงทุนเพิ่มเติมในการปรับปรุงโรงงาน Zuffenhausen, Leipzig และ Weissach ให้มีความทันสมัยมากขึ้น” Meschke ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมมองว่ายอดขายในยุโรปยังคงทรงตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัญหาในเรื่องของเศรษฐกิจ แต่วัตถุประสงค์หลักของเรายังคงต้องการที่จะได้ผลกำไรให้ได้มากกว่าปีที่ผ่านมา”
Matthias Müller ประธานบอร์ดบริหารของปอร์เช่ ได้อธิบายเกี่ยวกับเงื่อนไขการลงทุนและค่าใช้จ่ายสำหรับการพัฒนาในปีนี้ว่า “พวกเราเน้นความเป็นแบรนด์ปอร์เช่ที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ โดยเน้นความเป็นสปอร์ต และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดให้กับรถในกลุ่มตลาดรถหรู โดยการพัฒนาประสิทธิภาพของน้ำมันรวมถึงการใช้ทรัพยากรทดแทนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และนี่คือกลยุทธ์ของแบรนด์ปอร์เช่”
หากมองถึงการพัฒนาของตลาดแล้ว Müller ประธานบริหารของปอร์เช่ได้กล่าวถึงการเติบโตที่ต่อเนื่องในตลาดสหรัฐอเมริกาและจีนไว้ว่า “โดยรวมแล้ว ยอดขายรถยนต์ปอร์เช่จะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2014 นี้อย่างแน่นอน เพราะเราเพิ่งทำการเปิดตัวมาคันน์ (Macan) ที่จะออกมาเพิ่มยอดขายให้กับปอร์เช่”
การเพิ่มตำแหน่งพนักงานอย่างต่อเนื่อง คือการสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การเติบโตของปอร์ช่ หากดูจำนวนพนักงาน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2014 จะพบว่ามีพนักงานถึง 20,416 คน ที่ทำงานให้กับปอร์เช่ และมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 15% เพียงแค่ไตรมาสแรกของปี 2014 เพิ่มขึ้นอีก 960 ตำแหน่ง ส่วนพนักงานที่โรงงาน Leipzig ซึ่งเป็นโรงงานที่ผลิตมาคันน์ (Macan) ใหม่ล่าสุด แสดงให้เห็นถึงการเติบโตมากที่สุด ของผู้ผลิตรถสปอร์ตแบรนด์ปอร์เช่ ซึ่งได้สร้างจำนวนการจ้างงานใหม่ที่สถานที่อื่น และโรงงานอื่นของปอร์เช่ด้วยเช่นกัน
-ปอร์เช่รุ่น 911: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 12.4 - 8.2 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ระหว่าง 289 - 194 กรัม/กิโลเมตร
-ปอร์เช่รุ่นบ็อกซเตอร์ (Boxster)/ เคย์แมน (Cayman): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 8.8 - 7.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ระหว่าง 206 - 180 กรัม/กิโลเมตร
-ปอร์เช่รุ่นคาเยนน์ (Cayenne): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 11.5 - 7.2 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ระหว่าง 270 - 189 กรัม/กิโลเมตร
-ปอร์เช่รุ่นพานาเมร่า (Panamera): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 10.7 - 6.4 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ระหว่าง 249 - 169 กรัม/กิโลเมตร
-ปอร์เช่รุ่นพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 3.1 ลิตร/100 กิโลเมตร, อัตราการบริโภคพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 16.2 กิโลวัตต์/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ที่ 71 กรัม/กิโลเมตร
-ปอร์เช่รุ่นมาคันน์ (Macan)*: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 11.8 - 6.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ระหว่าง 216 - 159 กรัม/กิโลเมตร
*อัตราที่ระบุ ขึ้นอยู่กับชุดยางที่นำมาใช้
-ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 3.1 - 3.0 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 12.7 กิโลวัตต์/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ Co2เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 72 - 70 กรัม/กิโลเมตร
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงาน ปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker - Gold Expert) คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR”