ที่ผ่านมาตลาดเก๋งซับคอมแพ็กต์แฮทช์แบ็ก ค่อนข้างเงียบเหงามานาน จะมีปลุกกระแสบ้างจากการเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ และเพิ่มเครื่องยนต์อีโคบูสต์ของ “ฟอร์ด เฟียสต้า” แต่ล่าสุดตลาดซับคอมแพ็กต์ 5 ประตู กลับมาคึกคักและมีสีสันอีกครั้ง เมื่อ“ฮอนด้า แจ๊ซ” เปิดตัวโฉมใหม่ หรือเจนเนอเรชั่นที่ 3 สู่ตลาด แน่นอนความสดใหม่บวกกับดีกรีเจ้าตลาด ย่อมได้เปรียบกว่าคู่แข่งอยู่แล้ว ขณะที่ทีเด็ดของรุ่นใหม่จะเป็นอย่างไร? “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” จะเทียบฟอร์มกับคู่แข่งไว้เป็นข้อมูลตัดสินใจเบื้องต้น…
หากพูดถึงเรื่องความสดใหม่ “ฮอนด้า แจ๊ซ” นับว่ากินขาดคู่แข่งทุกราย เพราะ “มาสด้า2” โฉมปัจจุบันนับถอยหลังเตรียมปลดระวาง เพื่อเปิดทางให้กับเจนเนอเรชั่นใหม่มาทำหน้าที่แทน ซึ่งคาดว่าอย่างช้าไม่เกินกลางปีหน้า เนื่องจากได้มีการเผยโฉม “Hazumi” ที่ว่ากันว่าเป็นต้นแบบของมาสด้า2 โฉมใหม่ ให้เห็นกันทั้งโลกไปแล้ว หรืออีกราย “เชฟโรเลต โซนิค” ใกล้จะมีการปรับโฉมเช่นกัน โดยในประเทศจีนได้มีการเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของ เชฟโรเลต อาวีโอ หรือโซนิคในไทยออกมาแล้ว ที่พอฟัดพอเหวี่ยงจึงมีเพียง “ฟอร์ด เฟียสต้า” ที่เพิ่งปรับโฉมไป พร้อมกับเพิ่มตัวเลือกเครื่องยนต์อีโคบูสต์ด้วย (เฟียสต้าตัวเดิมยังมีขายอยู่ แต่บทความนี้หมายถึงรุ่นปรับโฉมปี 2014)
ฮอนด้า แจ๊ซ โฉมใหม่ รูปลักษณ์จะโฉบเฉี่ยวโดนใจคนวัย Gen Me หรือคนรุ่นใหม่ยุคติจิตอลหรือไม่? อันนี้คงต้องตัดสินกันเองเพราะเป็นความชื่นชอบของแต่ละบุคคล แต่ที่แน่ๆ แจ๊ซใหม่ได้มีการปรับตัวถัง ให้เน้นรองรับผู้โดยสารและการใช้งาน เห็นได้จากฐานล้อที่ยาวสุดในกลุ่ม 2,530 มม. และยังช่วยในเรื่องเพิ่มการทรงตัวเกาะถนน แต่ดูภาพรวมๆ ภายนอกแจ๊ซใหม่ถือว่ามีมิติตัวถังเล็กกว่าเฟียสต้า และโซนิค อาจจะสูงกว่าเฟียสต้า และมาสด้า2 เท่านั้น (ดูตารางเปรียบเทียบประกอบ)
อย่างที่บอกแจ๊ซใหม่เน้นการใช้งานหลากหลายขึ้น จึงได้มีการออกแบบเบาะนั่งอัลตร้า ซีท ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 4 โหมด ไม่ว่าจะพับด้านหลังราบทั้งสองด้าน (Utility Mode) พับเบาะนั่งด้านหลังขึ้นในแนวตั้ง (Tell Mode) พับเบาะหน้าและหลัง(Long Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่แนวยาวได้ถึง 2,480 มม. หรือสามารถวางเซิร์ฟบอร์ดได้สบาย และมาใหม่ล่าสุด Refresh Mode สามารถพับเบาะด้านหน้าราบเชื่อมต่อเบาะหลัง สำหรับพักผ่อนสบายๆ เหมาะอย่างยิ่งกับกรณีง่วงไม่ขับ ทำให้แจ๊ซใหม่จึงค่อนข้างโดดเด่นในจุดนี้ หากเทียบกับคู่แข่งที่ส่วนใหญ่เพียงพับได้แยกส่วนแบบ 60 : 40 หรือราบได้เฉพาะเบาะหลังเท่านั้น
ส่วนอุปกรณ์ความสะดวกสบายต่างๆ จัดเต็มกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นระบบสตาร์ทรถอัตโนมัติ ที่ในกลุ่มคู่แข่งจะมีเพียง ฟอร์ด เฟียสต้า (ทั้งสองรุ่นมีเฉพาะในรุ่นบน) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ หรือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ตรงนี้ค่อนข้างโดดเด่นกว่าคู่แข่ง แต่เฟียสต้าจะมีจุดเด่นตรงเรื่องของระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
ในส่วนของอุปกรณ์ความบันเทิง ฮอนด้า แจ๊ซ โฉมใหม่ มากับระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย รวมถึงภาพและเสียงผ่าน HDMI อีกจุดเด่นเห็นจะเป็นระบบสั่งการด้วยเสียง Siri Eyes Free Mode แต่จะใช้ได้กับเฉพาะ iPhone 4s ขึ้นไป ซึ่งตรงนี้ทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงได้กับระบบ Ford SYNC ที่ติดตั้งในฟอร์ด เฟียสต้า (เป็นจอข้อมูลอเนกประสงค์) และระบบ MyLink ของเชฟโรเลต โซนิค(รุ่น 1.6L) ขณะที่มาสด้า2 อาจจะทำตลาดมานาน แต่ได้เพิ่มอุปกรณ์มาให้พอสมควร อย่างวิทยุและเครื่องเล่น DVD/CD/MP3 และหน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว พร้อมรีโมทคอนโทรลมาให้ด้วย
มาที่ระบบความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้า และระบบเบรก ABS ถือเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถทุกรุ่น และระบบเบรกช่วยเบรกที่มีในรุ่นเฟียสต้า ขณะที่ระบบกระจายแรงเบรก EBD ติดตั้งในมาสด้า2 และแจ๊ซใหม่ แต่ที่โดดเด่นสุดต้องเป็น ฟอร์ด เฟียสต้า และฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ เพราะมาครบทั้งระบบควบคุมการทรงตัว ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบช่วยออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HLA/HSA) แต่แจ๊ซใหม่ยังจัดเต็มกว่านั้นในรุ่นท็อป จากการติดตั้งถุงลมด้านข้างคู่หน้า ม่านถุงลมด้านข้าง และกล่องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ เป็นต้น
สำหรับขุมพลังของฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ เช่นเดิมมีเฉพาะบล็อกเครื่องยนต์เบนซิน i-VTEC แบบ 4 สูบ SOHC 16วาล์ว 1.5 ลิตร 117 แรงม้า แต่ระบบส่งกำลังเปลี่ยนกลับมาเป็น CVT และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย 7 สปีด และยังมีรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีดให้เลือก พร้อมกับรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้ด้วย หากเทียบสมรรถนะแล้วนับว่าสมน้ำสมเนื้อกับ ฟอร์ด เฟียสต้า เครื่องยนต์เบนซิน Duratec แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 112 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ PowerShift 6 สปีด พร้อมโหมดเปลี่ยนเกียร์ธรรมดา แต่ฟอร์ดยังมีเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เทอร์โบ ไดเร็คอินเจคชั่น หรือ EcoBoost 1.0 ลิตร 125 แรงม้า อันลือชื่อมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ขณะที่มาสด้า2 มีบล็อกเดียวเครื่องยนต์ MZR ขนาด 1.5 ลิตร 103 แรงม้า แต่ที่แตกต่างจากคู่แข่งเห็นจะเป็น เชฟโรเลต โซนิค ที่ตัวเลือกแรกเป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.4 ลิตร 100 แรงม้า และอีกรุ่นเป็นบล็อก 1.6 ลิตร 115 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมกับรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้เช่นเดียวกับแจ๊ซใหม่ (ดูตารางเปรียบเทียบประกอบ)
จากข้อมูลสเปกของเก๋งซับคอมแพ็กต์แฮทช์แบ็ก ไม่นับรวมเรื่องของแบรนด์ การบริการ หรือราคาขายต่อ ที่สมน้ำสมเนื้อกันคงจะเป็น ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ และฟอร์ด เฟียสต้า ทั้งในเรื่องของสมรรถนะเครื่องยนต์ อุปกรณ์ต่างๆ และราคา เพียงแต่รุ่นอีโคบูสต์ราคาอาจจะโดดไปมากกว่า แลกกับขุมพลังและการประหยัดน้ำมัน แต่เฟียสต้าอาจจะไม่อเนกประสงค์และมีตัวเลือกรุ่นล่างๆ ให้เลือกเท่ากับแจ๊ซ ขณะที่อีกสองรุ่นที่เหลือใกล้เคียงกัน เชฟโรเลต โซนิค อาจจะมีแต้มต่อนิดๆ ซึ่งเป็นธรรมดาเพราะ มาสด้า2 ทำตลาดมานานและอยู่ในช่วงปลายโมเดลแล้วstrong>
ทั้งหมดเป็นข้อมูลสเปกรถบนหน้ากระดาษ เพื่อประกอบการตัดสินใจพื้นฐาน ยังมีปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากมายในการเลือกซื้อ และสิ่งสำคัญย้ำเตือนทุกครั้ง ต้องไปสัมผัสและลองขับเปรียบเทียบ ให้ทราบบุคลิกของรถแต่ละรุ่น ว่าคันไหน? จะเหมาะกับลักษณะการขับขี่รถของตัวเองมากที่สุด!...
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring