ข่าวในประเทศ-ค่ายรถยนต์เชฟโรเลต เผยผลเทสระบบแอร์ที่ใช้ในรถเชฟโรเลตหลายรุ่นถูกทดสอบภายใต้สภาพอากาศร้อนจัด เพื่อสร้างความมั่นใจในระบบแอร์ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพราะมาพร้อมระบบแอร์ที่ได้รับการออกแบบเพื่อลดอุณหภูมิลงได้ถึง 45 องศา ภายในเวลาเพียง 10 นาที
เมื่อจอดรถอยู่ในแสงแดดร้อนเป็นเวลานาน อุณหภูมิภายในห้องโดยสารสามารถพุ่งสูงถึง 70 องศาเซลเซียส ซึ่งร้อนเพียงพอต่อการทอดไข่ให้สุกได้ แต่เชฟโรเลตแจ้งว่าระบบแอร์ที่ใช้ในรถเชฟโรเลตหลายรุ่นได้รับการออกแบบเพื่อลดอุณหภูมิลงได้ถึง 45 องศา ภายในเวลาเพียง 10 นาที โดยเฉพาะเชฟโรเลต แคปติวา รุ่นปี 2014 มาพร้อมระบบควบคุมอากาศแบบดูอัลโซนที่เอื้อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าสามารถเลือกปรับอุณหภูมิแยกอิสระ คุณสมบัติอันโดดเด่นนี้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานตลอดทั้งปีโดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่มีอากาศร้อนจัด อุณหภูมิอาจพุ่งสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
โดยลูกค้าเชฟโรเลตสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นสบายและผ่อนคลายได้แม้ในวันที่มีอากาศร้อนที่สุดในรอบปี เพราะฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับโกลเบิลของเจนเนอรัล มอเตอร์ส (General Motors Global Product Development) ได้ทำการทดสอบระบบแอร์ท่ามกลางอุณหภูมิภายนอกที่สูงถึง 50 องศาเซลเซียส
“การทดสอบภายใต้ความร้อนสูงทำให้เรามั่นใจได้ว่าลูกค้าเชฟโรเลตที่อาศัยอยู่ในเมืองที่มีอากาศร้อน อย่างกรุงเทพฯ มุมไบ และอริโซน่า จะสามารถใช้งานระบบแอร์ได้อย่างเต็มที่ทุกครั้งที่เปิดสวิทช์” ปฏิภาณ ดิลกสัมพันธ์ วิศวกรฝ่ายพัฒนาอุณหภูมิห้องโดยสารจากศูนย์การผลิตยานยนต์จีเอ็ม ระยอง กล่าว
โดยทั่วไปแล้วการทดสอบอุณหภูมิของระบบแอร์จะต้องมีการทดสอบขับรถบนระยะทางหลายพันกิโลเมตรทั้งในการใช้งานจริงและในสภาพแวดล้อมจำลอง วิศวกรได้ทำการทดสอบที่สนามทดสอบกลางทะเลทรายของจีเอ็มในเมืองยูม่า รัฐอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับการทดสอบ ภายในห้องทดลองระบบอากาศของศูนย์วิศวกรรมทั่วโลก
การทดสอบการใช้งานจริงและในสภาพแวดล้อมของห้องทดลองนั้น ตัวรถจะถูกจอดรับความร้อนกลางแสงแดดอย่างเต็มที่ซึ่งเรียกว่า “โซลาร์ โหลด” (solar load) จากนั้นจึงทดสอบขับรถด้วยความเร็วคงที่เพื่อประเมินประสิทธิภาพของระบบแอร์ในการทำความเย็นภายในห้องโดยสารจนถึงระดับอุณหภูมิ ที่ให้ความสะดวกสบายภายในเวลาไม่กี่นาที
ยิ่งจอดรถอยู่ใต้แสงแดดนานเท่าใด ภายในห้องโดยสารยิ่งมีความร้อนมากขึ้นเท่านั้น และจะร้อนกว่าอุณหภูมิภายนอกมาก หากสภาพอากาศทั่วไปอยู่ที่ 32 องศาเซลเซียส ในห้องโดยสารอาจพุ่งสูงถึง 51 องศาเซลเซียส ภายในเวลา 30 นาที 56 องศาเซลเซียส ใน 60 นาที และ 59 องศาเซลเซียส ใน 90 นาที จึงไม่ควรปล่อยให้คนหรือสัตว์เลี้ยงนั่งอยู่ภายในรถที่ปิดกระจกทุกบานภายใต้อากาศร้อนโดยไม่เปิดแอร์
ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า รถที่ใช้สีอ่อนทั้งภายในและภายนอก อุณหภูมิจะปรับลงได้เร็วกว่ารถที่มีสีเข้ม เพราะสีที่เข้มกว่า นั้นจะดูดซับความร้อนจากแสงแดดมากกว่าสีอ่อน ดังนั้นรถที่มีสีอ่อนจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าประมาณ 5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับรถสีเข้ม หากนำไปรับแสงแดดในปริมาณเท่ากัน
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring
เมื่อจอดรถอยู่ในแสงแดดร้อนเป็นเวลานาน อุณหภูมิภายในห้องโดยสารสามารถพุ่งสูงถึง 70 องศาเซลเซียส ซึ่งร้อนเพียงพอต่อการทอดไข่ให้สุกได้ แต่เชฟโรเลตแจ้งว่าระบบแอร์ที่ใช้ในรถเชฟโรเลตหลายรุ่นได้รับการออกแบบเพื่อลดอุณหภูมิลงได้ถึง 45 องศา ภายในเวลาเพียง 10 นาที โดยเฉพาะเชฟโรเลต แคปติวา รุ่นปี 2014 มาพร้อมระบบควบคุมอากาศแบบดูอัลโซนที่เอื้อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าสามารถเลือกปรับอุณหภูมิแยกอิสระ คุณสมบัติอันโดดเด่นนี้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานตลอดทั้งปีโดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่มีอากาศร้อนจัด อุณหภูมิอาจพุ่งสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
โดยลูกค้าเชฟโรเลตสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นสบายและผ่อนคลายได้แม้ในวันที่มีอากาศร้อนที่สุดในรอบปี เพราะฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับโกลเบิลของเจนเนอรัล มอเตอร์ส (General Motors Global Product Development) ได้ทำการทดสอบระบบแอร์ท่ามกลางอุณหภูมิภายนอกที่สูงถึง 50 องศาเซลเซียส
“การทดสอบภายใต้ความร้อนสูงทำให้เรามั่นใจได้ว่าลูกค้าเชฟโรเลตที่อาศัยอยู่ในเมืองที่มีอากาศร้อน อย่างกรุงเทพฯ มุมไบ และอริโซน่า จะสามารถใช้งานระบบแอร์ได้อย่างเต็มที่ทุกครั้งที่เปิดสวิทช์” ปฏิภาณ ดิลกสัมพันธ์ วิศวกรฝ่ายพัฒนาอุณหภูมิห้องโดยสารจากศูนย์การผลิตยานยนต์จีเอ็ม ระยอง กล่าว
โดยทั่วไปแล้วการทดสอบอุณหภูมิของระบบแอร์จะต้องมีการทดสอบขับรถบนระยะทางหลายพันกิโลเมตรทั้งในการใช้งานจริงและในสภาพแวดล้อมจำลอง วิศวกรได้ทำการทดสอบที่สนามทดสอบกลางทะเลทรายของจีเอ็มในเมืองยูม่า รัฐอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับการทดสอบ ภายในห้องทดลองระบบอากาศของศูนย์วิศวกรรมทั่วโลก
การทดสอบการใช้งานจริงและในสภาพแวดล้อมของห้องทดลองนั้น ตัวรถจะถูกจอดรับความร้อนกลางแสงแดดอย่างเต็มที่ซึ่งเรียกว่า “โซลาร์ โหลด” (solar load) จากนั้นจึงทดสอบขับรถด้วยความเร็วคงที่เพื่อประเมินประสิทธิภาพของระบบแอร์ในการทำความเย็นภายในห้องโดยสารจนถึงระดับอุณหภูมิ ที่ให้ความสะดวกสบายภายในเวลาไม่กี่นาที
ยิ่งจอดรถอยู่ใต้แสงแดดนานเท่าใด ภายในห้องโดยสารยิ่งมีความร้อนมากขึ้นเท่านั้น และจะร้อนกว่าอุณหภูมิภายนอกมาก หากสภาพอากาศทั่วไปอยู่ที่ 32 องศาเซลเซียส ในห้องโดยสารอาจพุ่งสูงถึง 51 องศาเซลเซียส ภายในเวลา 30 นาที 56 องศาเซลเซียส ใน 60 นาที และ 59 องศาเซลเซียส ใน 90 นาที จึงไม่ควรปล่อยให้คนหรือสัตว์เลี้ยงนั่งอยู่ภายในรถที่ปิดกระจกทุกบานภายใต้อากาศร้อนโดยไม่เปิดแอร์
ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า รถที่ใช้สีอ่อนทั้งภายในและภายนอก อุณหภูมิจะปรับลงได้เร็วกว่ารถที่มีสีเข้ม เพราะสีที่เข้มกว่า นั้นจะดูดซับความร้อนจากแสงแดดมากกว่าสีอ่อน ดังนั้นรถที่มีสีอ่อนจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าประมาณ 5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับรถสีเข้ม หากนำไปรับแสงแดดในปริมาณเท่ากัน
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring
