ในสถานการณ์ตลาดรถยนต์ไทยผันผวนปัจจุบัน สร้างความลำบากต่อการทำตลาดของค่ายรถรายเล็ก โดยเฉพาะแบรนด์อาเซียนเช่น “โปรตอน” ของมาเลเซีย ที่ต้องเจอแรงสั่นสะเทือนจากอีโคคาร์ โครงการรถคันแรก และการห้ำหั่นของรายใหญ่ จากการชิงยอดขายในสภาวะตลาดตกต่ำ อันเป็นผลมาจากพิษนโยบายต่างๆ ดังกล่าว และภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัว จึงน่าสนใจว่าโปรตอนจะทำอย่างไร? และจะเดินไปทางไหน? เพื่อให้อยู่บนเส้นทางแข่งขันได้!...
“โปรตอนได้รับผลกระทบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอีโคคาร์ หรือโครงการรถคันแรก ซึ่งโปรตอนไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ด้วย ขณะที่ภาพรวมตลาดรถปัจจุบันเริ่มชะลอตัวลง จากการดึงกำลังซื้อล่วงหน้าไปของนโยบายรถคันแรก และเศรษฐกิจชะลอตัว จนแต่ละค่ายต้องออกมาจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายกันอย่างดุเดือด โดยคาดว่าตลาดจะกลับมาสู่สภาวะปกติ น่าจะเป็นประมาณช่วงไตรมาสสองของปีหน้า”
นั่นเป็นคำกล่าวของ “ธวัชชัย จึงสงวนพรสุข” กรรมการบริหาร บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์โปรตอนในไทย ซึ่งในการเข้าเปิดตลาดในไทยช่วงแรกๆ ประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง จากการชูกลยุทธ์เรื่องราคา แต่เมื่อเกิดโครงการอีโคคาร์ หรือนโยบายรถคันแรก ทำให้โอกาสดังกล่าวหายไป และเขาได้ยอมรับกับ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ว่า โครงการเหล่านั้นทำให้โปรตอนเสียเปรียบ และส่งผลให้มียอดขายลดลงในช่วงที่ผ่านมา
“สิ่งที่เราจะดำเนินการได้ในสถานการณ์ดังกล่าว จำเป็นต้องปรับแนวทางกลยุทธ์การทำตลาด ไม่ลงไปแข่งในตลาดที่เสียเปรียบมาก หรือมีการแข่งขันรุนแรง อย่างตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก โดยการขยับไปแข่งในตลาดที่พอมีโอกาส อย่างรถยนต์เอ็มพีวี หรือเก๋งคอมแพ็กต์ ขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์ที่มีทุกตัว จำเป็นจะต้องจัดรายการส่งเสริมการขาย สนับสนุนด้วย” ธวัชชัยกล่าวและว่า…
“เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงสุดท้ายของปี ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2013 ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ เราจึงมีการแนะนำรถยนต์ใหม่ โปรตอน ซูพริมา เอส (Proton Suprima S) มาเสริมตลาด พร้อมกับจัดแคมเปญส่งเสริมการขายให้กับรถรุ่นที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นคอมแพ็กต์คาร์ซีดาน โปรตอน เพรเว่, เอ็มพีวีรุ่นเอ็กโซรา และรถรุ่นอื่นๆ ด้วยการมอบอัตราดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 72 เดือน ฟรีประกันภัย และอื่นๆ รวมมูลค่าสูงสุดกว่า 1.5 แสนบาท ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่สูงมาก หากเทียบกับรถยนต์ยี่ห้ออื่นๆ โดยผู้บริโภคที่จองรถในช่วงงานเร็ว จะยิ่งได้รับมอบสิทธิประโยชน์สูงสุดมาก และถ้าจองช้ามูลค่าที่ได้รับจะลดลงไปเรื่อยๆ”
สำหรับโปรตอน ซูพริมา เอส เป็นรถยนต์คอมแพ็กต์แบบแฮทช์แบ็ก หรือ 5 ประตู ซึ่งธวัชชัยยืนยันมีสมรรถนะที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาจากรถสปอร์ตแบรนด์ “โลตัส” (Lotus) รถยนต์จากประเทศอังกฤษ ที่ปัจจุบันมาอยู่ในกลุ่มโปรตอนของมาเลเซีย
“ทั้งสมรรถนะจากเครื่องยนต์เทอร์โบ และระบบช่วงล่างจากรถสปอร์ตโลตัส รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่มอบให้กับผู้บริโภค อย่างถุงลมนิรภัยที่มีมากถึง 6 จุด และสิ่งอำนวยความสะดวกที่มอบมาให้ครบครัน หรือเหนือกว่ารถยนต์ในกลุ่มเดียวกัน คาดว่าจะทำให้ผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้น โดยจะทำตลาดทั้งหมด 2 รุ่น ขณะที่ราคายังไม่สรุปชัดจะเปิดเผยเป็นทางการในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ซึ่งพอบอกได้ว่าจะสูงกว่ารุ่นเพรเว่ แต่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด หรืออยู่ที่ประมาณกว่า 7-8 แสนบาท”
ทั้งนี้ซูพริมา เอส เพิ่งเผยโฉมในมาเลเซียเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และเริ่มลงสู่ตลาดเดือนพฤศจิกายนนี้ นับเป็นเก๋งคอมแพ็คแฮทช์แบ็กที่ต่อยอดมาจาก “โปรตอน เพรเว่” (Proton Preve) ที่เป็นตัวถังแบบซีดาน หรือรุ่น 4 ประตู ซึ่งทั้งสองโมเดลใช้พื้นฐานตัวถังร่วมกับรถเอ็มพีวีรุ่นเอ็กซ์โซร่า โดยในรุ่นซูพริมา เอส ได้มีการยกมาตั้งแต่จมูกด้านหน้าของรุ่นเพรเว่ ไปจนถึงเสาหลัง C-Pillar ส่วนด้านท้ายที่เป็นไฟต์บังคับเท่านั้น ได้ทำการปรับเปลี่ยนให้ตัดลงตามแบบของรถแฮทช์แบ็ก
โดยขุมพลังย่อมเป็นบล็อกเดียวกับรุ่นเพรเว่ตัวท็อป เครื่องยนต์เบนซิน CAMPRO CFE(CamPro Charge Fuel Efficiency) แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 9.9 วินาที
ส่วนภายในห้องโดยสารเรียกว่า ยกมาจากรุ่นเพรเว่เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในส่วนของแผงคอนโซล ติดตั้งเครื่องเล่น DVD /MP3 พร้อมช่องเสียบ USB/I Pod และยังสามารถเชื่อมต่อระบบ Bluetooth หน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว ที่เชื่อมต่อระบบนำทาง GPS ระบบปรับอากาศแบบ Auto
นับว่าโปตรอน ซูพริมา เอส จัดออปชั่นมาครบครัน เช่นเดียวกับระบบความปลอดภัย ที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยรวมทั้งหมด 6 จุด ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยข้างเบาะโดยสารคู่หน้า และม่านถุงลมนิรภัย นอกจากนี้ยังมาครบกับระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ EBD และในรุ่นท็อป Premium ยังมีระบบควบคุมการทรงตัว ESC และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชั้น เป็นต้น
จากสมรรถนะเครื่องยนต์ของ โปรตอน ซูพริมา เอส นับว่า… มีความโดดเด่นกว่าคู่แข่งเก๋งคอมแพ็กต์แฮทช์แบ็กที่ทำตลาดในไทยปัจจุบัน ขณะที่ออปชันจัดเต็มไม่ได้ด้อยกว่า และอาจจะเหนือกว่าส่วนใหญ่ด้วย ซึ่งหากไม่ผูกติดกับแบรนด์ และมีศูนย์บริการที่สามาถเข้าใช้สะดวก น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ…
“โปรตอนได้รับผลกระทบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอีโคคาร์ หรือโครงการรถคันแรก ซึ่งโปรตอนไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ด้วย ขณะที่ภาพรวมตลาดรถปัจจุบันเริ่มชะลอตัวลง จากการดึงกำลังซื้อล่วงหน้าไปของนโยบายรถคันแรก และเศรษฐกิจชะลอตัว จนแต่ละค่ายต้องออกมาจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายกันอย่างดุเดือด โดยคาดว่าตลาดจะกลับมาสู่สภาวะปกติ น่าจะเป็นประมาณช่วงไตรมาสสองของปีหน้า”
นั่นเป็นคำกล่าวของ “ธวัชชัย จึงสงวนพรสุข” กรรมการบริหาร บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์โปรตอนในไทย ซึ่งในการเข้าเปิดตลาดในไทยช่วงแรกๆ ประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง จากการชูกลยุทธ์เรื่องราคา แต่เมื่อเกิดโครงการอีโคคาร์ หรือนโยบายรถคันแรก ทำให้โอกาสดังกล่าวหายไป และเขาได้ยอมรับกับ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ว่า โครงการเหล่านั้นทำให้โปรตอนเสียเปรียบ และส่งผลให้มียอดขายลดลงในช่วงที่ผ่านมา
“สิ่งที่เราจะดำเนินการได้ในสถานการณ์ดังกล่าว จำเป็นต้องปรับแนวทางกลยุทธ์การทำตลาด ไม่ลงไปแข่งในตลาดที่เสียเปรียบมาก หรือมีการแข่งขันรุนแรง อย่างตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก โดยการขยับไปแข่งในตลาดที่พอมีโอกาส อย่างรถยนต์เอ็มพีวี หรือเก๋งคอมแพ็กต์ ขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์ที่มีทุกตัว จำเป็นจะต้องจัดรายการส่งเสริมการขาย สนับสนุนด้วย” ธวัชชัยกล่าวและว่า…
“เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงสุดท้ายของปี ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2013 ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ เราจึงมีการแนะนำรถยนต์ใหม่ โปรตอน ซูพริมา เอส (Proton Suprima S) มาเสริมตลาด พร้อมกับจัดแคมเปญส่งเสริมการขายให้กับรถรุ่นที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นคอมแพ็กต์คาร์ซีดาน โปรตอน เพรเว่, เอ็มพีวีรุ่นเอ็กโซรา และรถรุ่นอื่นๆ ด้วยการมอบอัตราดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 72 เดือน ฟรีประกันภัย และอื่นๆ รวมมูลค่าสูงสุดกว่า 1.5 แสนบาท ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่สูงมาก หากเทียบกับรถยนต์ยี่ห้ออื่นๆ โดยผู้บริโภคที่จองรถในช่วงงานเร็ว จะยิ่งได้รับมอบสิทธิประโยชน์สูงสุดมาก และถ้าจองช้ามูลค่าที่ได้รับจะลดลงไปเรื่อยๆ”
สำหรับโปรตอน ซูพริมา เอส เป็นรถยนต์คอมแพ็กต์แบบแฮทช์แบ็ก หรือ 5 ประตู ซึ่งธวัชชัยยืนยันมีสมรรถนะที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาจากรถสปอร์ตแบรนด์ “โลตัส” (Lotus) รถยนต์จากประเทศอังกฤษ ที่ปัจจุบันมาอยู่ในกลุ่มโปรตอนของมาเลเซีย
“ทั้งสมรรถนะจากเครื่องยนต์เทอร์โบ และระบบช่วงล่างจากรถสปอร์ตโลตัส รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่มอบให้กับผู้บริโภค อย่างถุงลมนิรภัยที่มีมากถึง 6 จุด และสิ่งอำนวยความสะดวกที่มอบมาให้ครบครัน หรือเหนือกว่ารถยนต์ในกลุ่มเดียวกัน คาดว่าจะทำให้ผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้น โดยจะทำตลาดทั้งหมด 2 รุ่น ขณะที่ราคายังไม่สรุปชัดจะเปิดเผยเป็นทางการในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ซึ่งพอบอกได้ว่าจะสูงกว่ารุ่นเพรเว่ แต่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด หรืออยู่ที่ประมาณกว่า 7-8 แสนบาท”
ทั้งนี้ซูพริมา เอส เพิ่งเผยโฉมในมาเลเซียเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และเริ่มลงสู่ตลาดเดือนพฤศจิกายนนี้ นับเป็นเก๋งคอมแพ็คแฮทช์แบ็กที่ต่อยอดมาจาก “โปรตอน เพรเว่” (Proton Preve) ที่เป็นตัวถังแบบซีดาน หรือรุ่น 4 ประตู ซึ่งทั้งสองโมเดลใช้พื้นฐานตัวถังร่วมกับรถเอ็มพีวีรุ่นเอ็กซ์โซร่า โดยในรุ่นซูพริมา เอส ได้มีการยกมาตั้งแต่จมูกด้านหน้าของรุ่นเพรเว่ ไปจนถึงเสาหลัง C-Pillar ส่วนด้านท้ายที่เป็นไฟต์บังคับเท่านั้น ได้ทำการปรับเปลี่ยนให้ตัดลงตามแบบของรถแฮทช์แบ็ก
โดยขุมพลังย่อมเป็นบล็อกเดียวกับรุ่นเพรเว่ตัวท็อป เครื่องยนต์เบนซิน CAMPRO CFE(CamPro Charge Fuel Efficiency) แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 9.9 วินาที
ส่วนภายในห้องโดยสารเรียกว่า ยกมาจากรุ่นเพรเว่เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในส่วนของแผงคอนโซล ติดตั้งเครื่องเล่น DVD /MP3 พร้อมช่องเสียบ USB/I Pod และยังสามารถเชื่อมต่อระบบ Bluetooth หน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว ที่เชื่อมต่อระบบนำทาง GPS ระบบปรับอากาศแบบ Auto
นับว่าโปตรอน ซูพริมา เอส จัดออปชั่นมาครบครัน เช่นเดียวกับระบบความปลอดภัย ที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยรวมทั้งหมด 6 จุด ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยข้างเบาะโดยสารคู่หน้า และม่านถุงลมนิรภัย นอกจากนี้ยังมาครบกับระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ EBD และในรุ่นท็อป Premium ยังมีระบบควบคุมการทรงตัว ESC และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชั้น เป็นต้น
จากสมรรถนะเครื่องยนต์ของ โปรตอน ซูพริมา เอส นับว่า… มีความโดดเด่นกว่าคู่แข่งเก๋งคอมแพ็กต์แฮทช์แบ็กที่ทำตลาดในไทยปัจจุบัน ขณะที่ออปชันจัดเต็มไม่ได้ด้อยกว่า และอาจจะเหนือกว่าส่วนใหญ่ด้วย ซึ่งหากไม่ผูกติดกับแบรนด์ และมีศูนย์บริการที่สามาถเข้าใช้สะดวก น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ…