xs
xsm
sm
md
lg

ทดสอบ“เชฟโรเลต สปิน”VS“ซูซูกิ เออร์ติกา”...น่าซื้อคันไหน?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เป็นอีกครั้งที่ “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” นำรถยนต์สองรุ่นสองคันมาทดสอบสมรรถนะ เปรียบเทียบออปชันการใช้งาน ความคุ้มค่า พร้อมฟันธงว่าคันไหนน่าซื้อมาใช้มากกว่ากัน…และวันนี้เป็นคิวเอ็มพีวีน้องใหม่ ที่ข้ามน้ำผ่านทะเลมาจากประเทศอินโดนีเซีย เพื่อให้คนไทยหัวใจรักครอบครัวได้เลือกหา

“เชฟโรเลต สปิน” (Chevrolet Spin) และ“ซูซูกิ เออร์ติกา” (Suzuki Ertiga) เป็นรถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี (MPV - Multi Purpose Vehicle) เบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน“บางกอกมอเตอร์โชว์ 2013” และเริ่มส่งมอบพร้อมๆกันตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

สำหรับสปินมาแบบมั่นใจด้วยการทำตลาดเพียงหนึ่งรุ่นย่อย LTZ เกียร์อัตโนมัติ ราคา 7.62 แสนบาท ขณะที่เออร์ติกามีทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ แบ่งเป็นสามรุ่นย่อย ราคา 5.54 - 6.89 แสนบาท (ผู้เขียนใช้เออร์ติกา ตัวท็อปในการทดสอบเปรียบเทียบ)

โดยสปินเป็นรถที่ใช้พื้นฐานการพัฒนามาจากเชฟโรเลต โซนิค ส่วนเออร์ติกาก็ต่อยอดแพลตฟอร์มมาจากซูซูกิ สวิฟท์ ซึ่งดูทรวดทรงองเอวแล้ว สปินเหมือนจะอ้วนป้อม หรือตัวถังใหญ่กว่าเออร์ติกา ทว่าเอาเข้าจริงมิติก็หลอกตาอยู่ไม่น้อยครับ

ทั้งนี้ตัวถังสปินยาวกว่าเออร์ติกา ด้วยระยะ 4,360 กับ 4,265 มิลลิเมตร แต่นอกนั้นเออร์ติกากินเรียบ ไม่ว่าจะเป็นความกว้างและความสูง ที่สำคัญยังมีฐานล้อยาวกว่าด้วยระยะ 2,740 กับ 2,620 มิลลิเมตร

อย่างไรก็ตามแม้ตัวเลขของมิติตัวถังจะได้เปรียบเสียเปรียบกันเล็กน้อย แต่เมื่อนำมาใช้งานจริงแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง ทั้งการเข้าออกในตำแหน่งผู้โดยสารแถวสอง-แถวสาม รวมถึงพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ทั้งคู่ชูความอเนกประสงค์กับการปรับพับเบาะนั่งได้หลากหลาย ซึ่งผู้เขียนว่าประเด็นนี้ วิศวกรอเมริกันกับญี่ปุ่นออกแบบมาดีไม่แพ้กัน

เรื่องออปชันและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก สปินติดตั้งราวหลังคาเพิ่มมาให้ (เออร์ติกา ไม่มี) ส่วนภายในมีแอร์แยกส่วนสำหรับผู้โดยสารด้านหลังเหมือนกัน แต่เออร์ติกาจะมาแบบแผงเดียวอยู่เหนือเบาะนั่งแถวสอง ส่วนสปินจะเจาะเป็น4 ช่องสำหรับเบาะแถวสองและสาม(แถวละสองช่อง)

ด้านเครื่องเสียงรองรับ วิทยุ ซีดี MP3 USB ขับเสียงด้วยลำโพง 4 ตัวแหมือนกัน แต่เออร์ติกาจะติดตั้งปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัยมาให้ ขณะที่ระบบความปลอดภัยทั้งคู่จัดเบรกป้องกันล้อล็อก ABS และถุงลมนิรภัยคู่หน้า พร้อมเข็มขัดนิรภัยครบทุกที่นั่งมาให้ (แค่นั้น)

ด้านเออร์ติกาเลือกใช้พวงมาลัยพาวเวอร์แบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า ต่างจากสปินที่เป็นแบบไฮดรอลิก ช่วงล่างหน้าเป็นแมคเฟอร์สันสตรัททั้งคู่ แต่สปินเสริมเหล็กกันโคลงมาให้ ส่วนด้านหลังเป็นคานทอร์ชันบีม พร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 15 นิ้ว ซึ่งสปินจะประกบยาง195/65 R15 ส่วนเออร์ติกา 185/65 R15

รายละเอียดทางวิศวกรรมดังกล่าวสะท้อนการขับขี่ที่ต่างกันแบบเห็นได้ชัดครับ ทั้งในเรื่องของการควบคุมพวงมาลัย ที่น้ำหนักของสปินจะหนืดหน่วง ส่วนเออร์ติกาออกเบานิดๆ ช่วงล่างความหนึบแน่น สปินทำได้ดีกว่า ต่างจากเออร์ติกาที่เซ็ทมาค่อนข้างนุ่ม

การขับทางไกลผู้เขียนว่า ช่วงล่างของสปินรองรับได้นิ่งแน่น(ออกแนวกระด้างนิดๆด้วยซ้ำ) ขณะที่เออร์ติกาออกแนวโคลงยวบไปตามคลื่นถนน ยิ่งกรณีไม่มีผู้โดยสารหรือบรรทุกของมาเต็ม เออร์ติกาจะมีอาการโยกคลอนมากกว่าสปินอยู่พอสมควร

เรื่องบุคลิกการขับขี่และช่วงล่าง ถือเป็นเอกลักษณ์ของค่ายรถอเมริกันเขาละครับ จะมากจะน้อยไปกว่านี้ไม่ได้ แต่ต้องยอมรับว่าความหนึบหนับดังกล่าว ส่วนหนึ่งมาจากน้ำหนักโครงสร้าง แพลตฟอร์ต และตัวถังที่มากกว่าเอ็มพีวีจากญี่ปุ่นอยู่นิดๆ ซึ่งประเด็นนี้จะส่งผลไปถึงอัตราเร่ง และการทำความเร็ว หรือเปล่า?…ลองมาดูกัน?

สปินกับเออร์ติกาเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าทั้งคู่ (ในกลุ่มนี้มีโตโยต้า อแวซา ที่ขับเคลื่อนล้อหลัง) โดยรุ่นแรกวางเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ต่อเนื่อง DCVC (Double Continuous Variable Camphasing) ให้กำลังสูงสุด 107 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 148 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

ส่วนรุ่นหลังวางรหัส K14B ขนาด 1.4 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วไอดีแปรผัน VVT ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 130 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

เมื่อพิจารณาจากตัวเลขประสิทธิผลที่ออกมา แน่นอนว่าสปินย่อมเหนือกว่า เออร์ติกาแน่ๆ หรือแรงบิดระดับ 148 นิวตัน-เมตร ถือว่ามากที่สุดในคลาส ชนะโตโยต้า อแวนซา และฮอนด้า ฟรีด

สำหรับอัตราเร่งถ้าลองแบบต่างคนต่างขับ เหมือนเออร์ติกาจะกระฉับกระเฉงกว่าสปินครับ แต่พอนำมาประกบวิ่งกันจริงๆ จากจุดหยุดนิ่ง แช่เกียร์ D แล้วเหยียบคันเร่งมิด วิ่งไปสัก 100-200 เมตร ปรากฏว่าสปินทิ้งห่างเออร์ติกาอยู่นิดๆ

ดังนั้นความรู้สึกที่เออร์ติกา เร่งดี ออกตัวเร็วกว่า อาจจะมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการเซ็ทการตอบสนองของคันเร่ง รวมถึงเกียร์ และน้ำหนักรถ ล้วนมีส่วนกับความรู้สึกทั้งหมด

สรุปสปินเหมือนจะอืดกว่า(ในช่วงแรก) แต่พอทดสอบ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จริง เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 107 แรงม้า ชนะ KB14 ขนาด 1.4 ลิตร 95 แรงม้าแบบใสๆ

ขณะที่ย่านความเร็วกลาง 60-80 กม./ชม. หวังไล่ความเร็วขึ้นไปถึง 120 กม./ชม. คงต้องเข่นคันเร่ง และรอกันสักครู่เหมือนๆกัน ส่วนความเร็วปลายระดับ 120-140-160 กม./ชม. สปินเหมือนจะพลิ้วกว่า

ทั้งหลายทั้งปวงยังมาวัดกันที่อัตราบริโภคน้ำครับ อย่างสปินวิ่งทางไกลได้ตัวเลขสวยๆประมาณ 12 กม./ลิตร ส่วนเออร์ติกาขับบนสภาวะใกล้เคียงกัน ตัวเลขแย่ๆยังมีให้เห็น 13-14 กม./ลิตร ซึ่งถือเป็นผลสอดคล้องกับทริปทดสอบที่ทั้งสองค่ายเคยจัดมาก่อนหน้านี้

รวบรัดตัดความ...เป็นเอ็มพีวีน้องใหม่ที่แนะนำเข้าสู่ตลาดไทยในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยสปินยังคงบุคลิกรถอเมริกัน เน้นช่วงล่างและออปชัน ตามสเปกวางเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เหนือเออร์ติกาที่วางเครื่อง 1.4 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด แต่การขับขี่จริงเออร์ติกาให้ความรู้สึกเนียนต่อเนื่อง ช่วงออกตัว-เร่งแซง เหมือนจะตอบสนองได้คล่องแคล่วกว่า แม้ช่วงล่างออกแนวโยกโยนไปนิด ผิดจากสปินที่หนึบนิ่ง

ถ้าวัดเรื่องความสดใหม่ถือว่าน่าสนใจ แต่ถ้าเทียบออปชันและการขับขี่โดยรวมทั้งคู่ไม่ได้เหนือไปกว่า “โตโยต้า อแวนซา” หรือหากมีเงินมากหน่อย ฮอนด้าฟรีดที่มีราคากว่า 8 แสนบาท ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยประตูสไลด์สองบานและการขับขี่อันยอดเยี่ยม

อย่างไรก็ตามหากต้องเลือกระหว่างสองคันนี้ คงจบกันที่ราคาเพราะสปินนั้นแพงกว่าเออร์ติกา 73,000 บาท ซึ่งส่วนต่างนี้เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เกียร์ 6 สปีด ยังไม่ตอบสนองการขับขี่ หรือให้ความรู้สึกที่ดีกว่าเออร์ติกา(เว้นช่วงล่าง) จนต้องยอมจ่ายถึง7.62 แสนบาท

ชมคลิปเทคโนโลยีออโตโนมัส ที่เผยแพร่ในรายการ Motoring Onair อากาศทางโทรทัศน์ ASTV ช่อง News1 ทุกวันเสาร์ เวลา 13.30 - 14.30 น.



สปิน-เออร์ติกา


ภายในสปิน
ภายในเออร์ติกา

กำลังโหลดความคิดเห็น