หากพูดถึงตลาดเก๋งคอมแพ็กต์ หรือซี-คาร์ (C-Car) ทุกสายตากำลังจดจ้องไปที่ค่ายยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ที่เตรียมจะเปิดตัวรุ่นธง “โคโรลลา อัลติส” โฉมใหม่ในช่วงปลายปีนี้ แต่หากโฟกัสเฉพาะไปยังกลุ่มเก๋งคอมแพ็กต์แฮทช์แบ็ก หรือรุ่น 5 ประตู ที่ยังถือว่ามีผู้เล่นน้อยราย ปัจจุบันมีเพียง มาสด้า3, ฟอร์ด โฟกัส และนิสสัน พัลซาร์ แต่ในอีกไม่นานจะมีคู่แข่งหน้าใหม่ “โปรตอน ซูพริมา เอส” (Proton Suprima S) หรือเวอร์ชันแฮทช์แบ็กของเก๋งรุ่น “เพรเว่” มาชิงยอดขายเพิ่มอีกราย และมาดูซิว่าจะมีของดีโดดเด่นเหนือคู่แข่งเหมือนรุ่นพี่หรือไม่?...
ตลาดเก๋งคอมแพ็กต์แบบแฮทช์แบ็ก ไม่ถือว่าเป็นตลาดใหญ่มากนักในไทย และมีเพียงค่ายรถระดับรองๆ ในตลาดไทยที่ลงมาเล่น คอยเก็บเล็กผสมน้อย เฉลี่ยมียอดขายรวมทุกรุ่นประมาณ 5 พันคันต่อปี แต่การเปิดตัวของ “นิสสัน พัลซาร์” สู่ตลาดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ค่ายนิสสันในประเทศไทยเชื่อมั่นว่า จะผลักดันให้ตลาดเก๋งคอมแพกต์แบบแฮทช์แบกในไทยพุ่งเป็น 1.5 หมื่นคัน โดยตั้งเป้ายอดขายพัลซาร์เบื้องต้น 7,500 คันต่อปี หรือเฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 600 คัน
ปรากฎว่า… ยอดขายของนิสสัน พัลซาร์ นับตั้งแต่เปิดตัวมาเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 200 คันต่อเดือน ยังห่างไกลจากเป้าหมายอยู่มากทีเดียว ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยเริ่มชะลอตัวมาก และช่วงปลายปีนี้ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ทั้งนิสสัน พัลซาร์ และเก๋งคอมแพ็กต์แฮทช์แบ็กรุ่นอื่นๆ ในตลาด ยังจะต้องเจอน้องใหม่ “โปรตอน ซูพริมา เอส” (Proton Suprima S) แม้ชื่อชั้นจะห่างกันอยู่ แต่ยังเป็นคู่แข่งที่จะมาแย่งชิงยอดขายไปบ้างพอสมควร
ซูพริมา เอส เพิ่งเผยโฉมในมาเลเซียเมื่อวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา และจะเริ่มลงสู่ตลาดเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ เป็นเก๋งคอมแพ็คแฮทช์แบ็กที่ต่อยอดมาจาก “โปรตอน เพรเว่” (Proton Preve) เก๋งซีดานหรือรุ่น 4 ประตู ซึ่งทั้งสองโมเดลใช้พื้นฐานตัวถังร่วมกับรถเอ็มพีวีรุ่นเอ็กซ์โซร่า โดยในรุ่นซูพริมา เอส ได้มีการยกมาตั้งแต่จมูกด้านหน้าของรุ่นเพรเว่ ไปจนถึงเสาหลัง C-Pillar กันเลย มีเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยกับรายละเอียด ลวดลายภายในกรอบกระจังและกันชนหน้า มีเพียงส่วนด้านท้ายที่เป็นไฟต์บังคับเท่านั้น ที่ได้ทำการออกแบบใหม่ตัดลงตามแบบของรถแฮทช์แบ็ก
ดังนั้นหากดูจากมิติตัวถังของซูพริมา เอส จะเห็นว่าความยาว 4,536 มม. สั้นกว่ารุ่นเพรเว่อยู่ 9 มม. จากการลดด้านท้ายให้สั้นลงจากรุ่นซีดาน ในส่วนความกว้าง 1,786 มม. ความสูง 1,524 และระยะฐานล้อ 2,650 มม. ยังคงเท่ากับรุ่นเพรเว่ แต่ภาพรวมถือว่าใหญ่กว่าคู่แข่งเก๋งแฮทช์แบ็กในตลาดแทบทุกรุ่น ยกเว้นฟอร์ด โฟกัส ที่มีเพียงเฉพาะความกว้างมากกว่า (ดูตารางเปรียบเทียบประกอบ)
ในส่วนของขุมพลังโปรตอน ซูพริมา เอส เป็นบล็อกเดียวกันกับรุ่นเพรเว่ เครื่องยนต์เบนซิน CAMPRO CFE(CamPro Charge Fuel Efficiency) แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด แต่ในซูพริมา เอส จะไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ให้เลือกเหมือนกับรุ่นเพรเว่
เมื่อสำรวจคู่แข่งในตลาดเก๋งแฮทช์แบ็ก 1.6 ลิตรด้วยกัน สมรรถนะของโปรตอน ซูพริเมา เอส กินขาดทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นกำลังแรงม้า และมาตั้งแต่รอบต่ำกันเลย แน่นอนส่วนสำคัญมาจากการใส่เทอร์โบนั่นเอง และยังเหนือกว่ารุ่นเครื่องยนต์ใหญ่กว่า อย่างนิสสัน พัลซาร์ 1.8 ลิตรด้วย
ส่วนภายในห้องโดยสารเรียกว่า ยกมาจากรุ่นเพรเว่เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในส่วนของแผงคอนโซล พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ 3 ก้าน พร้อมสวิตช์ควบคุมบนพวงมาลัย ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ในรุ่นท็อป และติดตั้งเครื่องเล่น DVD/MP3 พร้อมช่องเสียบ USB/I Pod และยังสามารถเชื่อมต่อระบบ Bluetooth หน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว ที่เชื่อมต่อระบบนำทาง GPS ระบบปรับอากาศแบบ Auto เบาะนั่งออกแบบให้นั่งสบาย และเบาะหลังสามารถพับแยก 60:40
นับเป็นอีกจุดที่โปตรอน ซูพริมา เอส มีความโดดเด่นกว่าคู่แข่งชัดเจนเช่นกัน อย่างเครื่องเล่นของรุ่น 1.6 ลิตรคู่แข่ง จะเป็นแบบ CD/MP3 และเหนือกว่าชัดเจนกับระบบนำทาง GPS ที่แสดงผ่านหน้าจอขนาดใหญ่สุด 7 นิ้ว ขณะที่รายอื่นๆ จะเป็นจออเนกประสงค์แบบ MID เล็กๆ เท่านั้น มีเพียงนิสสัน พัลซาร์ รุ่นท็อปของ 1.6 ลิตร ที่มีปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์เหมือนกัน และติดตั้งจอ LCD 4.3 นิ้ว แต่ไม่มีระบบนำทางเหมือนซูพริมา เอส หรือหากจะขยับไปเทียบกับรุ่น 1.8 และ 2.0 ลิตร ยังถือว่าจัดเต็มมากกว่าด้วย อาจจะมีฟอร์ด โฟกัส ที่มีจุดเด่นเรื่องระบบสั่งด้วยเสียงเข้ามาเป็นจุดขาย
เช่นเดียวกับระบบความปลอดภัย ที่มาให้ทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ EBD และในรุ่นท็อป Premium ยังมีระบบควบคุมการทรง ESC และระบบเสริมแรงเบรก BA เพิ่มเข้ามาอีกด้วย แต่ที่โดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่ง เห็นจะเป็นถุงลมนิรภัยข้างเบาะโดยสารคู่หน้า และม่านถุงลมนิรภัย ซึ่งให้มาครบในทุกรุ่นย่อย แม้แต่รุ่น 2.0 ลิตร ของฟอร์ด โฟกัส ยังมีเฉพาะถุงลมนิรภัยด้านข้างเท่านั้น
โปรตอน ซูพริมา เอส ทำตลาดในมาเลเซีย 2 รุ่นย่อย เริ่มต้นที่รุ่น Executive ราคาตามสีให้เลือก 2 สี 76,338- 76,688 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 728,000 -732,000 บาท) และรุ่น Premium ราคา 79,638 – 79,988 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 760,000 – 763,000 บาท) ซึ่งหากนำเข้ามาขายและเทียบกับการวางราคา ของรุ่นเพรเว่ Premium ที่นำเข้ามาทำตลาดในไทย คาดว่าโปรตอน ซูพริมา เอส รุ่นท็อปเหมือนกัน น่าจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 820,000 บาท หรืออาจจะต่ำกว่าเล็กน้อย
ทั้งนี้จะเห็นว่า… โปรตอน ซูพริมา เอส เป็นเก๋งคอมแพ็กต์แฮตช์แบ็ก 1.6 ลิตร ที่เหนือกว่าคู่แข่งทั้งเรื่องสมรรถนะ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัยจัดเต็ม แต่ราคาดึงดูดใจกว่า หากไม่ยึดติดแบรนด์ และมีโชว์รูมศูนย์บริการอยู่ใกล้บ้าน ปลายปีนี้นับเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว…
ตลาดเก๋งคอมแพ็กต์แบบแฮทช์แบ็ก ไม่ถือว่าเป็นตลาดใหญ่มากนักในไทย และมีเพียงค่ายรถระดับรองๆ ในตลาดไทยที่ลงมาเล่น คอยเก็บเล็กผสมน้อย เฉลี่ยมียอดขายรวมทุกรุ่นประมาณ 5 พันคันต่อปี แต่การเปิดตัวของ “นิสสัน พัลซาร์” สู่ตลาดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ค่ายนิสสันในประเทศไทยเชื่อมั่นว่า จะผลักดันให้ตลาดเก๋งคอมแพกต์แบบแฮทช์แบกในไทยพุ่งเป็น 1.5 หมื่นคัน โดยตั้งเป้ายอดขายพัลซาร์เบื้องต้น 7,500 คันต่อปี หรือเฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 600 คัน
ปรากฎว่า… ยอดขายของนิสสัน พัลซาร์ นับตั้งแต่เปิดตัวมาเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 200 คันต่อเดือน ยังห่างไกลจากเป้าหมายอยู่มากทีเดียว ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยเริ่มชะลอตัวมาก และช่วงปลายปีนี้ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ทั้งนิสสัน พัลซาร์ และเก๋งคอมแพ็กต์แฮทช์แบ็กรุ่นอื่นๆ ในตลาด ยังจะต้องเจอน้องใหม่ “โปรตอน ซูพริมา เอส” (Proton Suprima S) แม้ชื่อชั้นจะห่างกันอยู่ แต่ยังเป็นคู่แข่งที่จะมาแย่งชิงยอดขายไปบ้างพอสมควร
ซูพริมา เอส เพิ่งเผยโฉมในมาเลเซียเมื่อวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา และจะเริ่มลงสู่ตลาดเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ เป็นเก๋งคอมแพ็คแฮทช์แบ็กที่ต่อยอดมาจาก “โปรตอน เพรเว่” (Proton Preve) เก๋งซีดานหรือรุ่น 4 ประตู ซึ่งทั้งสองโมเดลใช้พื้นฐานตัวถังร่วมกับรถเอ็มพีวีรุ่นเอ็กซ์โซร่า โดยในรุ่นซูพริมา เอส ได้มีการยกมาตั้งแต่จมูกด้านหน้าของรุ่นเพรเว่ ไปจนถึงเสาหลัง C-Pillar กันเลย มีเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยกับรายละเอียด ลวดลายภายในกรอบกระจังและกันชนหน้า มีเพียงส่วนด้านท้ายที่เป็นไฟต์บังคับเท่านั้น ที่ได้ทำการออกแบบใหม่ตัดลงตามแบบของรถแฮทช์แบ็ก
ดังนั้นหากดูจากมิติตัวถังของซูพริมา เอส จะเห็นว่าความยาว 4,536 มม. สั้นกว่ารุ่นเพรเว่อยู่ 9 มม. จากการลดด้านท้ายให้สั้นลงจากรุ่นซีดาน ในส่วนความกว้าง 1,786 มม. ความสูง 1,524 และระยะฐานล้อ 2,650 มม. ยังคงเท่ากับรุ่นเพรเว่ แต่ภาพรวมถือว่าใหญ่กว่าคู่แข่งเก๋งแฮทช์แบ็กในตลาดแทบทุกรุ่น ยกเว้นฟอร์ด โฟกัส ที่มีเพียงเฉพาะความกว้างมากกว่า (ดูตารางเปรียบเทียบประกอบ)
ในส่วนของขุมพลังโปรตอน ซูพริมา เอส เป็นบล็อกเดียวกันกับรุ่นเพรเว่ เครื่องยนต์เบนซิน CAMPRO CFE(CamPro Charge Fuel Efficiency) แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด แต่ในซูพริมา เอส จะไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ให้เลือกเหมือนกับรุ่นเพรเว่
เมื่อสำรวจคู่แข่งในตลาดเก๋งแฮทช์แบ็ก 1.6 ลิตรด้วยกัน สมรรถนะของโปรตอน ซูพริเมา เอส กินขาดทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นกำลังแรงม้า และมาตั้งแต่รอบต่ำกันเลย แน่นอนส่วนสำคัญมาจากการใส่เทอร์โบนั่นเอง และยังเหนือกว่ารุ่นเครื่องยนต์ใหญ่กว่า อย่างนิสสัน พัลซาร์ 1.8 ลิตรด้วย
ส่วนภายในห้องโดยสารเรียกว่า ยกมาจากรุ่นเพรเว่เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในส่วนของแผงคอนโซล พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ 3 ก้าน พร้อมสวิตช์ควบคุมบนพวงมาลัย ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ในรุ่นท็อป และติดตั้งเครื่องเล่น DVD/MP3 พร้อมช่องเสียบ USB/I Pod และยังสามารถเชื่อมต่อระบบ Bluetooth หน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว ที่เชื่อมต่อระบบนำทาง GPS ระบบปรับอากาศแบบ Auto เบาะนั่งออกแบบให้นั่งสบาย และเบาะหลังสามารถพับแยก 60:40
นับเป็นอีกจุดที่โปตรอน ซูพริมา เอส มีความโดดเด่นกว่าคู่แข่งชัดเจนเช่นกัน อย่างเครื่องเล่นของรุ่น 1.6 ลิตรคู่แข่ง จะเป็นแบบ CD/MP3 และเหนือกว่าชัดเจนกับระบบนำทาง GPS ที่แสดงผ่านหน้าจอขนาดใหญ่สุด 7 นิ้ว ขณะที่รายอื่นๆ จะเป็นจออเนกประสงค์แบบ MID เล็กๆ เท่านั้น มีเพียงนิสสัน พัลซาร์ รุ่นท็อปของ 1.6 ลิตร ที่มีปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์เหมือนกัน และติดตั้งจอ LCD 4.3 นิ้ว แต่ไม่มีระบบนำทางเหมือนซูพริมา เอส หรือหากจะขยับไปเทียบกับรุ่น 1.8 และ 2.0 ลิตร ยังถือว่าจัดเต็มมากกว่าด้วย อาจจะมีฟอร์ด โฟกัส ที่มีจุดเด่นเรื่องระบบสั่งด้วยเสียงเข้ามาเป็นจุดขาย
เช่นเดียวกับระบบความปลอดภัย ที่มาให้ทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ EBD และในรุ่นท็อป Premium ยังมีระบบควบคุมการทรง ESC และระบบเสริมแรงเบรก BA เพิ่มเข้ามาอีกด้วย แต่ที่โดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่ง เห็นจะเป็นถุงลมนิรภัยข้างเบาะโดยสารคู่หน้า และม่านถุงลมนิรภัย ซึ่งให้มาครบในทุกรุ่นย่อย แม้แต่รุ่น 2.0 ลิตร ของฟอร์ด โฟกัส ยังมีเฉพาะถุงลมนิรภัยด้านข้างเท่านั้น
โปรตอน ซูพริมา เอส ทำตลาดในมาเลเซีย 2 รุ่นย่อย เริ่มต้นที่รุ่น Executive ราคาตามสีให้เลือก 2 สี 76,338- 76,688 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 728,000 -732,000 บาท) และรุ่น Premium ราคา 79,638 – 79,988 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 760,000 – 763,000 บาท) ซึ่งหากนำเข้ามาขายและเทียบกับการวางราคา ของรุ่นเพรเว่ Premium ที่นำเข้ามาทำตลาดในไทย คาดว่าโปรตอน ซูพริมา เอส รุ่นท็อปเหมือนกัน น่าจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 820,000 บาท หรืออาจจะต่ำกว่าเล็กน้อย
ทั้งนี้จะเห็นว่า… โปรตอน ซูพริมา เอส เป็นเก๋งคอมแพ็กต์แฮตช์แบ็ก 1.6 ลิตร ที่เหนือกว่าคู่แข่งทั้งเรื่องสมรรถนะ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัยจัดเต็ม แต่ราคาดึงดูดใจกว่า หากไม่ยึดติดแบรนด์ และมีโชว์รูมศูนย์บริการอยู่ใกล้บ้าน ปลายปีนี้นับเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว…